อยากกินต้องได้กิน

1588 คำ
ผมไม่รู้ว่าควรดีใจหรือเสียใจดีที่เขาทำตามสัญญาจริง ๆ พี่แผนพาผมเข้ามาดักจับไก่ป่าห่างออกไปจากน้ำตกไม่ไกลนัก ผมดีใจที่จะได้กินไก่สมใจหมาย แต่ไม่คิดว่ามันจะยุ่งยากขนาดนี้ เขาพาผมออกมาใส่บ่วงจากนั้นก็ทำเสียงล่อไก่ป่าออกมาให้ติดกับดัก ระหว่างนี้ก็ต้องนอนรอ “พี่หลอกผมไหมเนี่ย ไม่มีไก่มาสักตัว” “ชูววว ไก่มันตกใจเสียงแหลม ๆ ของมึงนี่แหละ” อะไรกันวะเนี่ย ผมก็เพิ่งปริปากพูดออกมาเองนะ มาโบ้ยความผิดส่งให้ผมได้ยังไง ตอนนี้เราสองคนมานั่งซุ่มดูอยู่หลังพุ่มไม้เงียบ ๆ รอจนผมรากจะงอกก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตตนใดผ่านมาสักตัว “หึหึ เป็นไง เพิ่งผ่านไปชั่วโมงเดียวมึงท้อแล้วเหรอ” “ก็ท้อน่ะสิ หากินยากกินเย็นอะไรขนาดนี้” ผมเหม่อลอยมองขึ้นฟ้าพร้อมเบะปาก ชีวิตไอ้บังอรช่างน่าสงสาร ต้องมาตกระกำลำบาก “มึงอย่ามาเจ้าน้ำตา นั่งรออีกนิด กูได้ยินเสียงไก่เดินมาแล้วเนี่ย” “จริงเหรอพี่” ผมเบิกตาโพลงรีบหันมาจดจ่อกับบ่วงที่วางเป็นกับดักไว้อยู่ไม่ไกล “อือ ไก่สี่ขาซะด้วย” เขาเอ่ยบอกด้วยท่าทางไม่ยี่หระ แต่กลับยื่นมือมากำข้อมือผมไว้แน่นคล้ายกลัวว่าผมจะวิ่งหนีไปไหน เสียงใบไม้ถูกเหยียบใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ทำเอาผมตื่นเต้น แต่รู้สึกแปลกใจลึก ๆ ที่เสียงฝีเท้ามันหนักเกินกว่าที่จะเป็นไก่ ถึงผมจะไม่ชำนาญด้านนี้แต่ผมก็ไม่ใช่คนโง่ที่จะคิดวิเคราะห์เองไม่ได้ เสียงเริ่มดังเข้ามาใกล้ทุกทีพร้อมกับพุ่มไม้ที่เริ่มขยับ ไก่ป่าตัวนี้ต้องตัวใหญ่ขนาดไหนกันนะถึงทำให้พุ่มไม้ไหวเอนรุนแรงได้ขนาดนี้ แต่ทันทีที่พุ่มไม้เปิดออก ผมก็ต้องเกาะกำแขนพี่แผนไว้แน่น นาทีนี้บอกได้เลยว่าแทบหยุดหายใจ ไก่ป่าที่พี่แผนบอกมันกลับกลายเป็นสัตว์สี่เท้าอุ้งมือใหญ่คล้ายแมวยักษ์ ตัวสีเหลืองแต่พาดลายทางตามตัวด้วยสีดำ เสียงคำรามดังกึกก้องป่า ตอนนี้มันคงเห็นว่าพวกผมนั่งอยู่ตรงนี้แล้วมันถึงได้ค่อย ๆ เดินย่างก้าวมุ่งตรงเข้ามา “พ...พี่แผน” ขาแข็ง ๆ พยายามจะก้าวหนีแต่กลับทำไม่ได้ “อยู่เฉย ๆ” พี่แผนยันตัวลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับเสือโคร่งตัวเขื่องที่อยู่ตรงหน้า แต่ก็ยังกำข้อมือเล็กของผมไว้แน่น เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาเพียงแค่จ้องมองมันอยู่อย่างนั้น ไม่กี่อึดใจไอ้เสือโคร่งตัวนี้ก็เบือนหน้าหลบแล้วเดินหนีหายเข้าไปในป่า “พี่แผน พี่ทำได้ยังไงเนี่ย” เหลือเชื่อเลย เมื่อกี้เขาทำอะไรน่ะ ทำไมเสือถึงยอมถอยหลังให้โดยง่าย “มันไม่ทำอะไรหรอก แค่เข้ามาแจ้งข่าว” “แจ้งข่าวเหรอ เสือนี่นะพี่” ผมเพิ่งมาฉุกคิดถึงคำพูดของชบาได้ ที่เขาเคยบอกผมว่าพี่แผนเลี้ยงเสือ นี่เขาเลี้ยงเสือจริง ๆ น่ะเหรอ ผมนึกว่าเป็นคำขู่ไม่ให้ผมหนีออกจากที่นี่ซะอีก “กลับเถอะ กูเริ่มหิวข้าวแล้ว” “กลับยังไงล่ะพี่ ไก่ยังไม่ได้สักตัวเลยเนี่ย” ไม่ใช่ว่าผมไม่หิวหรอกนะ แต่ได้ตั้งตารอกินไก่แล้วก็ไม่อยากที่จะกินแห้วแทน “มึงจะเอากี่ตัว” “อยากได้สอง จะเอาไปแบ่งชบาด้วย” พี่แผนส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะเดินไปเก็บบ่วงใส่ถุงที่ผมถือแล้วควานมือเข้าไปหยิบกระบอกไม้ไผ่เล็กเรียวลักษณะคล้ายขลุ่ยขึ้นมาถือไว้ในมือ เขาจับมันไว้หลวม ๆ แล้วทำเสียงล้อเลียนไก่ป่า ไม่กี่อึดใจผมก็ได้ยินเสียงใบไม้เริ่มขยับและเสียงขานตอบรับจากไก่จริง ๆ แม้จะดีใจมากแต่ผมก็ไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมา เอาแต่ยืนนิ่ง ๆ มองดูพี่แผนว่าเขาจะจัดการยังไงต่อ พอมองเห็นตัวไก่เขาก็หยิบลูกดอกยัดใส่ปลายกระบอกก่อนจะออกแรงเป่าจนปลายลูกดอกแหลม ๆ ปักใส่ไก่จนมันดิ้นกระแด่ว ๆ “เฮ้ยย!! โคตรแม่นเลยพี่แผน” ผมรีบวิ่งเข้าไปดูไก่ที่นอนแน่นิ่ง ลูกดอกน่าจะปักตัดขั้วจุดสำคัญของมันให้ตายคาที่ พูววว!! เขาจัดการเป่าลูกดอกออกไปอีกครั้งเพื่อปักใส่ไก่ป่าอีกตัวที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง “เดี๋ยวนะพี่ ถ้ามันจะง่ายขนาดนี้แล้วพี่พาผมมานอนรอไก่ทำไมตั้งชั่วโมง” “กูบอกเหรอว่ากูมานอนรอไก่” “ฮะ!” “กูแค่มานอนเล่น ถือไก่ตามมาได้แล้ว กูหิวจนไส้จะขาด” คนว่าอย่างหน้าตายเดินนำหน้าออกไป ทิ้งให้ผมยืนเหวออยู่ตรงนั้น นี่ผมถูกเขาแกล้งอีกแล้วเหรอ!! ในครัว มาถึงบ้านพี่แผนก็ให้ผมถอนขนไก่ ผมก็ถอนไปบ่นไป กลิ่นคาวเลือดไก่คลุ้งไปทั่วครัวจนอยากอ้วก โชคดีที่เขาเกรงว่ามีดจะบาดมือจึงยอมไปสับไก่ให้ ส่วนผมก็มาทำเครื่องเทศรอ พอเตรียมวัตถุดิบเสร็จเขาก็ไล่ผมมาก่อกองไฟ ก่ออยู่นานก็ไม่ติด ลำบากพี่แผนต้องมาก่ออีกรอบ เรียกได้ว่าเสียงบ่นกันดังไปจนถึงบ้านหลังสุดท้าย “ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด แล้วก็หอม เอาใส่หม้อ” “ไก่เอาลงด้วยไหมพี่” “แล้วเมื่อกี้กูได้พูดไหมล่ะ” ผมคิดตามอีกรอบแล้วส่ายหน้าพัลวัน พอเจอสายตาดุ ๆ ของเขาจ้องมองอย่างเหนื่อยหน่ายผมจึงยอมหันกลับไปคว้าวัตถุดิบตามที่เขาบอกยัดลงหม้อ รออยู่สักพักหนึ่งเขาก็หันมาบอกอีก “เอาไก่ลง” “เอ้า! ก็ถามอยู่เมื่อกี้ว่าเอาลงไหม พี่ก็บอกว่าไม่” “ก็เมื่อกี้มันยังไม่เดือด ใส่ลงไปมันก็คาวสิวะ” “เมื่อกี้มันเดือดแล้ว ผมเห็นว่าน้ำมันร้อน” “โอ๊ยยย ไอ้อร! กูหมายถึงมันยังไม่ได้เดือดขนาดนี้ เฮ้ออ คุยกับมึงแล้วปวดหัวฉิบหาย แดกข้าวเสร็จไปบอกไอ้ชบาหายาแก้ปวดหัวมาให้กูด้วยนะ” ผมก็ปวดหัวเหมือนกันแหละ คนอะไรชอบทำให้เถียงอยู่ตลอดเวลา “เอาทัพพีมาตักฟองออก” “ตักทำไมเหรอ” “ตักเฉย ๆ ให้มึงถามนี่แหละ คนอะไรถามได้ตลอดเวลา ตอนเด็กแม่มึงเอาเขียดตบปากมึงหรือไง” ไม่รู้ก็ต้องถามน่ะสิ ถ้ารู้จะถามทำไม พี่แผนนี่ก็แปลกคน พอตักฟองไปเรื่อย ๆ จนมันสุกเขาก็ยกหม้อมาวางที่เตาเปล่าพร้อมกับออกคำสั่งให้ผมปรุง ผมก็ปรุงไปตามปริมาณที่เขาบอกและปิดท้ายด้วยการบีบมะนาว เขาบอกว่าปรุงตอนยกออกจากเตาแล้วมันจะทำให้น้ำแกงอร่อยยิ่งขึ้น พอเสร็จสรรพผมก็ยกถาดอาหารมานั่งที่แคร่หน้าบ้านจุดเดิม ซดน้ำร้อน ๆ เข้าไปนี่มันช่างชื่นใจดีจริง ๆ เลย แต่ทันทีที่ผมตักไก่ขึ้นมากัด ผมก็แทบจะหัวฟัดหัวเหวี่ยงเพราะไก่มันเหนียวกว่าที่จินตนาการเอาไว้เยอะเลย “พี่แผน ทำไมมันเหนียวอย่างนี้ล่ะ” “เหนียวสิวะ ไก่ตัวผู้” “โอ๊ยยยยย!! นี่ผมอุตส่าห์ลงทุนไปนอนเฝ้าทั้งวัน เพื่อจะได้กินไก่เหนียว ๆ เนี่ยนะ” หน้าตาของผมตอนนี้บ่งบอกได้แน่ชัดว่าผมกำลังรู้สึกสิ้นหวังเพียงใด คิดถึงบ้านจัง คิดถึงไก่นุ่ม ๆ หรือไม่ก็ไก่เคเอฟซีตามห้าง “ทำไม มึงจะเรื่องมากอะไรอีก” พอเห็นหน้าหงอย ๆ เขาก็เอ่ยถามอย่างรู้ทัน “ไม่ได้เรื่องมากสักหน่อย ผมแค่อยากกินไก่นุ่ม ๆ อย่างเช่นพวกเคเอฟซีอะไรทำนองนั้น” “อะไรวะ เคอีเซฟอะไรของมึง” “โวะ เขาเรียกว่าเคเอฟซี อร่อยมากเลยนะพี่ มันจะเป็นไก่ชุบแป้งทอดนุ่ม ๆ เพิ่งเข้าไทยได้ไม่นานนี้เอง ไม่เหนียวเหมือนเคี้ยวส้นรองเท้าแบบนี้หรอก” ผมว่าพลางพเยิดหน้าไปที่ต้มไก่ในชาม “ความพยายามที่มึงลงทุนไปทั้งวันกว่าจะได้กินเนี่ย มันไม่ได้ทำให้มึงรู้สึกอร่อยขึ้นเลยเหรอวะ” พี่แผนว่าอย่างเหนื่อย ๆ เขาคงปลงตกกับความเรื่องมากของผม “มันก็อร่อยแหละ แต่มันเหนียว” “กิน ๆ ไปเถอะอร นะ กูขอร้องนะ มึงอย่าสร้างความปวดหัวให้กูมากกว่านี้เลย” พี่แผนแทบจะยกมือกราบขอร้องให้ผมหยุดบ่นแล้วกินสักที ไอ้ผมมันก็ไม่ใช่คนเชื่อฟังอะไรหรอกนะ แต่ก็รับรู้ชะตากรรมตัวเองอยู่พอสมควร ลาก่อนนะเคเอฟซี ลาก่อนนะไก่นุ่ม ๆ และไฟแสงสีแห่งความเจริญ ต่อไปนี้ไอ้บังอรจะเป็นคนป่าจริง ๆ แบบเต็มตัวแล้ว อยากร้องไห้ว่ะ ฮืออออออ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม