หนึ่งสัปดาห์ต่อมา...
นับตั้งแต่วันเกิดเรื่องที่คอนโด วันที่เฌอริตาประกาศตัดความสัมพันธ์เบ็ดเสร็จเด็ดขาดไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับไอ้ผู้ชายเส็งเคร็งคนนั้นก็ผ่านมาครบหนึ่งสัปดาห์พอดี ตามประกาศมหาวิทยาลัยกำหนดให้หยุดการเรียนการสอนในช่วงเทศกาลปีใหม่ได้ห้าวัน แต่ทว่าสาขาบัญชีของเฌอริตาได้หยุดถึงเจ็ดวันเพราะสองวันแรกเป็นวิชาเมเจอร์ (Major) ที่อาจารย์ประจำภาควิชายังติดภารกิจที่ต่างประเทศ หญิงสาวผู้ซึ่งไม่อยากนั่งซึมนอนซึมเหงาหงอยอยู่ที่บ้านคนเดียวก็เลยตัดสินใจเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าตามครอบครัวและบรรดาเครือญาติอีกสิบกว่าคนไปพักผ่อนที่เขาใหญ่
ก็อย่างที่บอกว่าครอบครัวเธอเป็นครอบครัวใหญ่เวลาจัดงานเลี้ยงสังสรรค์หรือว่าจัดทริปไปเที่ยวก็จะมากันเกือบครบ นี่ยังไม่ครบนะเพราะถ้ามากันครบทุกคนจริงๆอาจจะต้องเหมาโรงแรมยกชั้น
การได้ไปพักผ่อนกับครอบครัวและเครือญาติที่รักน่าอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยสดงดงามช่วยเยียวยาให้สภาพจิตใจที่กำลังบอบซ้ำของเธอให้ดีขึ้น อาจจะไม่ถึงขั้นลืมเลือนความเสียใจที่ได้รับทว่ามันก็ดีขึ้นมาก
เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นทำเธอเสียน้ำตาไม่พอยังต้องมาเสียเซลฟ์เสียความรู้สึกและเสียเวลาไปกับไอ้ผู้ชายเส็งเคร็งคนนั้นอยู่นานหลายเดือน
วันนั้น... หลังจากที่ออกจากคอนโดนั้นได้เฌอริตาก็เรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่คอนโดของตัวเองทันที ระหว่างทางที่นั่งอยู่ในรถความจริงมันก็มีแว็บหนึ่งที่สมองของเธอร่ำร้องอยากจะยกโทรศัพท์โทร.หาเพื่อนชวนออกไปนั่งดื่มเหล้าเป็นเพื่อน ดื่มให้หนักเอาให้เมาเพื่อให้ลืมเรื่องเหี้ยๆลืมเสียงร้องอุบาทว์ลืมภาพอุจาดตาที่ไปเจอมา
แต่ทว่าพอคิดไปคิดมาก็ทำให้คิดได้ ทำไมเธอจะต้องทำร้ายตัวเองเพียงเพราะผู้ชายเส็งเคร็งคนนั้นมันนอกใจด้วย ถึงแม้ว่าผู้ชายคนนั้นจะทรยศความไว้เนื้อเชื่อใจของเธอซึ่งแสดงให้เห็นว่ามันไม่ได้รักเธอจริงๆ แต่จำเป็นด้วยเหรอที่เธอต้องไม่รักตัวเอง... ที่สำคัญวันนี้คือวันสิ้นปี วันที่ทุกคนกำลังมีความสุขอยู่กับครอบครัวอยู่กับคนรักคนสำคัญ แล้วทำไมเธอจะต้องเอาเรื่องทุกข์ใจที่มีสาเหตุมาจากผู้ชายเหี้ยๆคนเดียวไปทำลายบรรยากาศความสุขของเพื่อน
เมื่อคิดได้ดังนั้นหญิงสาวก็เลยวางโทรศัพท์ลงก่อนจะหยิบมันขึ้นมาใหม่เพื่อบล็อกทุกช่องทางการติดต่อของบุณยวีร์
แน่นอนว่าก่อนกดบล็อกทั้งสายเรียกเข้าทั้งข้อความจากไลน์มีมากมายจนน่าตกใจ แต่เธอก็ไม่คิดที่จะเปิดอ่านให้เสียเวลาและเป็นเสนียดสายตา
“เสร็จยัง?”
“ยัง แป๊บหนึ่ง”
“แป๊บหนึ่ง?” เฌอริตาแกล้งถอนหายใจเสียงดังให้คนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตากดโทรศัพท์ยิกๆได้ยิน ซึ่งมันได้ผล ‘เอวา หรือ อัจฉราวดี’ เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่คบหากันมาตั้งแต่ปีหนึ่งเงยหน้าขึ้นมามองเธอทันที
“เมื่อ 5 นาทีที่แล้วมึงก็บอกกูว่าอีกแป๊บหนึ่ง”
“เออน่า อีกแป๊บเดียว ใกล้จะรู้เรื่องแล้วเนี่ย” ตอบเสร็จก็ก้มหน้าพิมพ์ข้อความต่อ
ซึ่งคำตอบและการกระทำของเพื่อนทำให้เฌอริตากลอกตามองบนก่อนจะยื่นมือไปขยับเก้าอี้ตัวเดิมที่เธอเพิ่งลุกขึ้นออกนั่ง เพราะแป๊บเดียวไม่มีอยู่จริง จากคราแรกนักศึกษาเต็มคลาสกระทั่งตอนนี้เหลือไม่ถึงสิบคนคนที่บอกว่าคุยอีกแป๊บเดียวก็ยังคุยไม่เสร็จและไม่รู้ว่าจะคุยเสร็จตอนไหน
ถ้าไม่ใช่เพราะเหลือกันอยู่แค่สองคนเฌอริตาอาจจะเลิกคบไปนานแล้ว แต่ทว่าเมื่อมีกันอยู่สองคนก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากรอแล้วก็รอๆรอ ต่อให้อัจฉราวดีจะคุยโทรศัพท์กระหนุงกระหนิงกับแฟนหนุ่มรุ่นน้องอีกครึ่งชั่วโมงก็ตาม
ก็มีกันอยู่สองคนจะทำไงได้
จะพูดว่าพวกเธอสองคนไม่มีเพื่อนคนอื่นคบก็ไม่ผิด ก็หน้าตาพวกเธอสองคนมันรับแขกที่ไหนล่ะ คนหนึ่งหน้าหยิ่งอีกคนหน้าเหวี่ยง ใครเห็นก็คงอยากเข้ามาทำความรู้จักด้วยหรอก
เมื่อก่อนตอนที่เข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยใหม่ๆสมัยที่เพิ่งเรียนปีหนึ่งกลุ่มเธอไม่ได้มีกันแค่สองคนแต่ทว่ามีด้วยกันทั้งหมดสี่คน คือเธอ อัจฉราวดี ทยิดา และสีตลา คบกันตั้งแต่วันแรกที่มาเรียน เรียนด้วยกันมาหนึ่งปีเต็มก่อนที่ทยิดากับสีตลาจะซิ่ว (Fossil) ไปเรียนคณะที่ใฝ่ฝัน โดยที่ทยิดาซิ่วไปเรียนคณะแพทยศาสตร์ตอนนี้ก็กลายเป็นว่าที่คุณหมอทอฝันที่โด่งดังที่สุดในรุ่น ส่วนสีตลาซิ่วไปเรียนคณะเภสัชศาสตร์ต้องบอกเลยว่าไม่มีใครไม่รู้จักนางสาวแสนดีแห่งคณะเภสัชฯ
แม้จะไม่ได้เรียนด้วยกันทว่าความเป็นเพื่อนของพวกเธอทั้งสี่คนก็ยังคงอยู่ กลุ่มไลน์ที่ตั้งขึ้นตั้งแต่วันแรกที่เป็นเพื่อนกันก็ยังเคลื่อนไหวอยู่ทุกวี่ทุกวัน เรื่องที่เธอถูกบุณยวีร์นอกใจไปคั่วกับเพื่อนร่วมคณะทยิดากับสีตลาก็รู้เรื่องเป็นคนแรกๆ ส่งข้อความเข้ามาปลอบใจเธอยาวเหยียดก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นพิมพ์ด่าบุณยวีร์ยาวกว่าที่พิมพ์ปลอบเธอจนตามอ่านแทบไม่ทัน
บอกเลยว่าอย่าให้หมอกับเภสัชได้ด่า เพราะมันเจ็บมาก ที่สำคัญคำด่าไม่มีซ้ำ
“เฌอริเพื่อนรัก”
“ไม่ไป” เฌอริตาหันหน้าไปมองค้อนปฏิเสธทันควันเพราะรู้ว่าเพื่อนกำลังจะพูดอะไร เธอเพิ่งจะถูกผู้ชายคณะวิศวะนอกใจมาหยกๆแผลยังใหม่สดอยู่แท้ๆยังกล้าจะชวนเธอไปหาผู้ชายคณะนั้นอีก
คณะวิศวะน่ะเหรอบอกเลยว่าเฌอริตาจะไม่มีวันไปเหยียบ ที่แน่ๆก็ไม่ใช่เร็วๆนี่