เจ้าจับปลาได้อย่างไร

1315 คำ
ลู่เพ่ยห่มผ้าให้ลู่จื้อเสร็จแล้วจึงออกไปช่วยมารดาทำงานต่อ ผ้าห่มก็เอาเศษผ้ามาเย็บต่อกัน มันหนากว่าเสื้อผ้าที่ใส่อยู่นิดหน่อย นิดหน่อยที่หน่อยจริงๆ จะด้วยฤทธิ์ยาหรือร่างกายที่อ่อนแอแบบลูกคุณก็ไม่รู้ ทำให้ลู่จื้อหลับไปทันที นางตื่นอีกครั้งก็ยามเว่ย (13.00-14.59น.) แล้ว ถือว่าเป็นข่าวดีของบ้านรองที่ลู่จื้อฟื้นแล้ว ลู่จื้อที่ตื่นขึ้นมาก็รู้สึกเรี่ยวแรงกลับมาห้าส่วนจึงลุกขึ้นเดินสำรวจบ้านตนเอง ถึงบ้านจะโทรมแทบจะพังแต่สะอาด รอบบ้านก็ไม่มีหญ้ารก มีแปลงผัก เรียกว่าผักมั้งเพราะมันแคระแกร็นเกินกว่าจะมองได้ออกว่าผักที่ปลูกไว้เรียกว่าอะไร ด้านหลังบ้านมีแม่น้ำกว้างสองจั้งได้ (1จั้ง=3.33เมตร) หากเดินเลียบแม่น้ำไปประมาณสองลี้ ก็ถึงภูเขาที่ชาวบ้านหาของป่า ล่าสัตว์กัน อย่างน้อยก็ได้ใช้ชีวิตเรียบง่ายอย่างที่เคยฝัน แต่ก่อนที่จะมีชีวิตแบบนั้นมันต้องมีเงินค่ะ ไหนจะซื้อที่ สร้างบ้าน ทำไร่ ทำสวน ค่าเมล็ดผัก พันธุ์ต้นไม้ ทุกอย่างมันต้องใช้เงิน ลู่จื้อถึงกับกุมขมับ จะหาเงินจากไหน ชีวิตก่อนเงินเต็มบัญชี อยากได้สิ่งใดเพียงแค่โทรสั่งพ่อบ้านทุกอย่างก็เรียบร้อย แต่ตอนนี้ทุนไม่มี ร่างกายก็เหมือนจะละสังขารทุกเมื่อ ในเมื่อยังคิดไม่ออกก็เลิกคิด เข้าบ้านดีกว่า ร่างกายอ่อนแอเกินกว่าจะเดินต่อได้ ถึงบ้านนางเดินเข้าครัวเป็นอันดับแรกเพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้อง แต่ทหารกำลังจะอดตาย ข้าวชั้นต่ำมีไม่ถึงครึ่งถัง แป้ง ธัญพืช มีอย่างละสองชั่งได้ น้ำมัน น้ำตาล เหลือ เหลือติดก้นไห เนื้อสัตว์ไม่มีเลย พระเจ้า นางที่เคยกินข้าวมื้อหนึ่งไม่ต่ำกว่า 1,000 หยวน (1หยวน=5บาท) ตอนนี้แม้แต่น้ำปลาในบ้านนี้ยังไม่มีเลย (ยุคนี้เขาใช้เกลือ) ลู่จื้อเดินไปดูบิดาที่ห้อง เห็นว่าบิดายังหลับอยู่จึงหยิบตะกร้า และมีดพร้า เดินไปที่ริมแม่น้ำ ในเมื่ออยากมีชีวิตเรียบง่ายในชนบท นี่ไงได้ดั่งใจนึกแล้ว ก็ต้องสู้ (สู้กับอะไรลู่จื้อได้แต่นึกในใจ ถึงร่างกายจะไม่พร้อม แต่ท้องที่ร้องดังกว่าเสียงนกร้อง นางจำต้องกัดฟันเดินไปหาของที่พอจะกินได้ อย่างน้อยสวรรค์ก็ยังเมตตา นางเจอจอมปลวกใต้ต้นไม้ใหญ่ใกล้ริมแม่น้ำ ลู่จื้อจึงใช้มีดขุดออกมา นางจะนำมาเป็นเหยื่อล่อปลา แม้ไม่เคยลงมือทำ แต่ก็เคยดูในโซเซียลมาบ้าง ด้วยความที่อยากใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ วันๆ ของลู่จื้อจึงหมดไปกับการดูคอนเทนต์การใช้ชีวิตในชนบท นางก็พอจะจำได้บ้างว่าเขาทำกันเช่นไร ลู่จื้อเทดินจอมปลวกที่ได้ไว้ริมแม่น้ำ นางนำตะกร้าไปแช่ในน้ำจนมิด ใส่ก้อนหินไว้ด้านล่างกันมันลอยไปกับน้ำแต่ก็กะน้ำหนักไว้แล้วว่าตอนยกขึ้นจะต้องยกไหว จากนั้นนางโยนดินจอมปลวกลงไปบริเวณตะกร้า แล้วก็รอเจ้าปลาน้อยมาตกหลุมพราง ระหว่างรอนั้น “น้องเล็ก!!! เจ้าทำสิ่งใด ขึ้นมาเดี๋ยวนี้!!!” เสียงตวาดของลู่เพ่ยดังลั่นก่อนจะเห็นตัวเสียอีก “ท่านพี่ เร็วเข้า มาช่วยข้าเร็ว” ลู่จื้อที่กำลังยกตะกร้าขึ้นเพราะตอนนี้มีปลาเข้ามาในตะกร้าสิบกว่าตัวแล้ว แต่นางยกขึ้นไปด้านบนไม่ไหว ลู่เพ่ยจึงรีบวิ่งเข้ามาช่วยนาง “ปะ ปลา เจ้าจับได้อย่างไร” ลู่เพ่ยเป็นคนฉลาด เขาสงสัยตัวน้องสาวทันที ในหมู่บ้านแทบไม่มีชาวบ้านออกมาจับปลาเลยเพราะมันว่ายน้ำเร็วมาก แล้วไม่มีใครชอบกินเพราะมันเหม็นคาว “ช่วยข้ายกขึ้นไปก่อนเร็ว” ลู่จื้อขึ้นจากน้ำได้ก็นั่งลงกับพื้นหมดสภาพทันที ร่างกายนี้เหนื่อยง่ายเกินไปแล้ว ลู่เพ่ยเห็นน้องสาวทั้งเปียกทั้งเหนื่อยจึงรีบพากลับบ้านทันที “เดี๋ยวท่านพี่ ข้าขอเก็บผักริมแม่น้ำสักครู่” นางที่เห็นต้นหอม ตะไคร้ตั้งแต่แรกก็ไม่ลืมที่จะเก็บกลับบ้านเพื่อช่วยลดกลิ่นคาวของปลา ลู่จื้อถึงบ้านก็รีบเข้าครัวทำอาหาร เพราะนางหิวจนจะเป็นลมอยู่แล้ว ลู่เพ่ยก็เข้ามาช่วยน้องสาวติดไฟย่างปลา ข้าวสารที่เหลือเพียงน้อยนิด นางจึงนำมาทำเป็นข้าวต้มปลา อาหารมื้อนี้ของบ้านจางนับว่าดีที่สุดตั้งแต่ที่บิดาล้มป่วยลง "ลู่จื้อ เจ้าจับปลาได้อย่างไร ปลาพวกนี้ว่ายน้ำเร็วยิ่งนัก" จินหรูถามบุตรสาวด้วยความสงสัย “ท่านแม่ ข้าใช้จอมปลวกล่อมันเข้ามาในตะกร้าเจ้าค่ะ ตอนแรกข้าจะขุดหนอนในดิน (ไส้เดือน) แต่ข้าไม่มีแรงจะขุด" ลู่จื้อบอกวิธีหาปลาเพื่อให้ทุกคนไม่สงสัยมาก เพราะมันเป็นวิธีธรรมดาและไม่ได้มีของวิเศษจะสงสัยสิ่งใดได้ "ท่านพี่ ปลาพวกนี้ขายได้หรือไม่เจ้าคะ" วันนี้จับได้ตั้งหลายตัวหากแบ่งไปขายน่าจะพอซื้อข้าวสารมาติดบ้านได้ "ขายได้ ขายให้เหลาอาหารหม่านอี้ (พอใจ) หากยังไม่ตายได้ราคาดี" นี้ยามซื่อ (09.00-10.59น.) ถ้าเดินเท้าไปขายในเมือง สิบลี้ ใช้เวลาครึ่งชั่วยาม (1ชั่วยาม=2ชั่วโมง) สภาพร่างกายก็ เห้อออ แต่ถ้าไม่ไปเย็นนี้ก็ไม่มีข้าวสารเหลือแล้ว “พี่ใหญ่ ไปขายปลากันเถิดเจ้าค่ะ หากเรารีบเข้าเมืองไปขายก็จะกลับถึงบ้านก่อนตะวันตกดิน จะได้ซื้อข้าว แป้งสาลีเจ้าค่ะ” สองพี่น้องรีบกินข้าวแล้วรีบออกเดินทางเข้าเมือง กว่าลู่จื้อจะลากสังขารถึงประตูเมืองก็แวะพักไปถึงห้าครั้ง จากที่เดินครึ่งชั่วยามก็กลายเป็นเกือบชั่วยามกว่าจะถึง ยังดีที่เจ้าเมืองคนใหม่งดเก็บค่าเข้าเมืองหนึ่งปี เพราะทั้งคู่ไม่มีเงินมากันเลยสักแดงเดียว ค่าเงิน 1 อิแปะ, เหวิน = 1 เหรียญทองแดง 1 ก้วน = 1,000 อิแปะ /เหวิน/เหรียญทองแดง 1 ตำลึงเงิน = 1ก้วน (พวง) 1 ตำลึงทอง = 10 ตำลึงเงิน เสี่ยวเอ้อหน้าเหลาอาหารหม่านอี้ เห็นสองพี่น้องใส่เสื้อผ้าปะชุนทั้งตัวก็ไม่ได้ไล่หรือแสดงสีหน้ารังเกียจ “พี่ชาย ไม่ทราบว่าที่นี่รับซื้อปลาหรือไม่ ปลาของข้ายังไม่ตายนะเจ้าคะ” ลู่จื้อเสนอขายสินค้า “รับ รับ พวกเจ้ารอประเดี๋ยว ข้ารู้เพียงราคาปลาที่ตายแล้ว หากปลาที่ยังไม่ตายต้องให้หลงจู๊ตีราคาให้” เสี่ยวเอ้อหน้าร้านหายไปหนึ่งเค่อ (15นาที) ก็พาชายร่างท้วมดูรู้เลยว่ากินดีอยู่ดีมาด้วย “ไหนปลาเจ้าที่ยังไม่ตาย ข้าขอดูหน่อย เอ่อ ข้าหลงจู๊หาน” “คารวะหลงจู๊หานขอรับ/เจ้าค่ะ “ "ดี ดี ดี ปลาพวกเจ้าสมบูรณ์มาก ตัวใหญ่อีกด้วย ข้ารับซื้อชั่งละยี่สิบอิแปะ พวกเจ้าพอใจหรือไม่" ชั่งละ 20 อีแปะ ปลา1ตัวหนักเกือบ 2 ชั่ง (1ชั่ง=1.2กิโลกรัม) “พวกข้าพอใจเจ้าค่ะ” สองพี่น้องสบตากันไม่นึกว่าปลาเป็นจะขายได้ราคาดีเพียงนี้ แล้วทั้งคู่นำปลามาเกือบสิบตัว ไม่เสียแรงที่แบกมาขาย (พี่ชายเป็นคนแบกมา)
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม