หายไปไหนแล้ว

1259 คำ
สองพี่น้องกินข้าวแล้วพักผ่อนกันก่อน ลู่จื้อ บอกพี่ชายว่าวันนี้ยามเว่ย (13.00-14.59น.) นางจะชวนพี่ชายขึ้นเขาเผื่อมีโชคจะได้มีเงินพาท่านพ่อไปหาหมอเสียที หากช้าเกินไปขาข้างที่บาดเจ็บนางกลัวจะพิการเสียก่อน ลู่จื้อนึกถึงนิยายที่นางเคยอ่าน หากขึ้นเขาต้องได้ของดีติดไม้ติดมือกลับบ้านอย่างแน่นอน ลู่เพ่ยกับลู่จื้อสะพายตะกร้าพร้อมมีดพร้าขึ้นหลังออกจากบ้านไป แม้ในใจลู่เพ่ยยังไม่อยากให้น้องสาวทำงานหนักเช่นนี้ แต่เมื่อนึกถึงขาของผู้เป็นบิดา ตัวเขาก็เห็นด้วยกับนางทันที ตีนเขาไม่มีของให้เก็บได้เลย เพราะชาวบ้านส่วนมากก็ขึ้นเขามาเก็บของป่ากัน ลู่จื้อเลยชวนพี่ชายเดินเข้าไปในป่าชั้นกลาง ป่าชั้นกลางนั้นไม่ค่อยมีชาวบ้านเข้ามากันสักเท่าใดนัก เพราะมีหมูป่าหลงเข้ามาหากินอยู่ประจำ หากมิใช่พรานป่าก็ไม่มีผู้ใดที่คิดจะเข้า หากถูกมันทำร้ายเข้า มีหวังคงได้ตายมากกว่าจะมีชีวิตรอด แต่ไม่ใช่ลู่จื้อ นางอยากจะเจอหมูป่าสักตัว แต่ตลอดทางเดินมีเพียงเห็ด กับผักป่าเท่านั้น เมื่อเดินไปอีกนิด พุ่มไม้ข้างทางก็สั่นไหว ลู่จื้อเลยหยิบมีดพร้าแล้วขว้างออกไป ลู่เพ่ยที่กำลังเก็บเห็ดเพลินๆ รีบวิ่งมาหาน้องสาว “ท่านพี่ ดูนี่สิ “ลู่จื้อยกไก่ป่าขึ้น พร้อมทำหน้าใสซื่อใส่ลู่เพ่ย “เจ้า จับมันได้อย่างไร “ “ข้าก็ปามีดพร้าใส่มันยังไงเล่าท่านพี่” “…” ลู่เพ่ย นางจะเก่งเกินไปแล้ว ลู่จื้อเก็บไก่ใส่ตะกร้าแล้วเดินตามหาของที่นางต้องการต่อ “ไปต่อไม่ได้แล้ว ข้างหน้าก็จะเข้าเขตป่าชั้นในแล้ว” ลู่เพ่ยดึงแขนของลู่จื้อไว้ “ไปอีกนิดนะท่านพี่ ข้าขอไปดูอีกนิด หากยังไม่เจอข้าสัญญาว่าเราจะกลับบ้านกันเลย” ลู่จื้อนางขี้เกียจจะขึ้นเขาบ่อยๆ แต่ลู่เพ่ยหวาดกลัวสัตว์ร้ายที่ชาวบ้านพูดถึงกันมากกว่า อาวุธก็ไม่มีหากเจอสัตว์ใหญ่ได้ตายแน่ ลู่เพ่ยมองสำรวจไปรอบๆ เมื่อไม่เห็นรอยเท้าของสัตว์ใหญ่จึงยอมตามใจน้องสาว ตัวเขาก็มีความหวังเช่นกันว่าจะเจอสมุนไพรล้ำค่าเช่นผู้อื่นบ้าง ลู่จื้อก็ยังคงปามีดพร้าของนางไปเรื่อย ๆ ได้กระต่าย ได้ไก่ป่าเพิ่ม แถมยังเจอรังไก่ป่าที่มีไข่อยู่หลายฟอง นางจึงเก็บมาให้หมด ตอนนี้นางเริ่มจะถอดใจแล้ว เพราะเดินมาไกล หิวก็หิว นางเลยกำลังจะกลับเพราะพี่ชายก็ไม่ยอมไปต่อแล้ว “ประเดี๋ยวท่านพี่ ข้าคิดว่าข้าเจอของที่ตามหาแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า” นางเงยหน้าขึ้นฟ้าแล้วหัวเราะ ลู่เพ่ยมองน้องสาวเหมือนมองคนบ้า อยู่ดีๆ จะหัวเราะขึ้นมาทำไม ตัวเขายังไม่เห็นของดีที่นางว่าเลย ไม่ว่าจะมองไปทางใดก็เห็นเพียงต้นไม้ ต้นหญ้า “ท่านตามข้ามา เดี๋ยวข้าเก็บให้ทันดู” ลู่จื้อค่อยๆ ขุดขึ้นมาจากดิน ลู่เพ่ยที่มองน้องสาวขุดต้นไม้ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นสิ่งที่นางขุดเสร็จ “สะ สะ โสม โสมใช่หรือไม่” จากที่นั่งยอง ๆ ดูน้องสาวขุด ตอนนี้ก้นกระแทกพื้นไปเรียบร้อยแล้ว “ใช่ท่านพี่ ท่านดูสิ มีเป็นดงเลย มา มา อย่ามัวแต่ตกใจ ช่วยข้าเร็วๆ เข้า ระวังด้วย อย่าให้รากมันขาด ตำลึงทองทั้งนั้นเลย” ลู่จื้อเร่งมือขุดอย่างอารมณ์ดี นี้ไงบอกแล้วขึ้นเขาต้องได้โชค สองพี่น้องใช้เวลาขุดถึงสองชั่วยาม ลืมไปเลยว่าก่อนหน้านี้พวกเขาหิวกันขนาดไหน โสมที่ได้มี อายุ 50 ปี ถึง 20 หัว อายุ 100 ปี 15 หัว อายุ 300 ปี 5 หัว อายุ 500 ปี 3 หัว (โสมนับอายุตามใบ ใบจะเพิ่มขึ้นปีละ 1 ใบ) ทั้งคู่ใช้ใบไม้ห่ออย่างดี จากนั้นนำผักป่ากับเห็ดที่เก็บมาได้วางทับไว้ด้านบน “ท่านพี่หากเจอชาวบ้านท่านต้องทำตัวให้นิ่งเข้าไว้นะ หากใครรู้เข้าต้องมาแย่งเราไปแน่นอน” ลู่เพ่ยพยักหน้ารับอย่างจริงจัง ตลอดทางที่ทั้งสองรีบลงเขา ไม่พบใครเลย อาจจะเป็นเพราะตะวันเริ่มตกดินแล้ว ตอนนี้ทั้งสองเดินแทบไม่ไหวแล้ว เพราะไม่ได้กินอะไรกันเลย เมื่อถึงบ้านท่านแม่ก็ยืนเท้าสะเอวรอเลย เตรียมด่าเต็มที่ แต่พอเห็นสภาพลูกทั้งสองก็รีบเข้ามารับตะกร้าของลู่จื้อแทน “ท่านแม่ข้าขอข้าวกินหน่อยเจ้าค่ะ” ลู่จื้อทิ้งตัวลงที่เก้าอี้กลางบ้าน นางจินหรูเห็นเช่นนั้นก็รีบหาข้าวให้บุตรทั้งสองทันที “ค่อยๆ กิน ไม่พอประเดี๋ยวแม่ทำเพิ่มให้” นางช่วยคีบ ช่วยรินน้ำส่งให้สองพี่น้องอย่างใส่ใจ ด้วยสงสารสภาพที่อิดโรยของทั้งคู่ จนลืมถามไปเลยว่าไปที่ใดกันมา เมื่อทั้งคู่กินเสร็จแล้ว นางจินหรูจึงเก็บชามไปล้าง ลู่เพ่ยกับลู่จื้อจึงนำของทั้งหมดออกมาจากตะกร้า “ท่านแม่ ข้าจับกระต่ายป่ากับไก่ป่ามาได้ ท่านเอาไว้ตากแห้งเถิดไม่ต้องขายหรอก ท่านพ่อยังต้องบำรุงร่างกาย” ลู่จื้อบอกท่านแม่เพราะนางรู้ว่าท่านแม่ต้องให้เอาไปขายแน่ “ข้ามีของอย่างอื่นไปขายแทน รับรองท่านพ่อได้หาหมอแน่เจ้าค่ะ” ลู่จื้อรีบพูดก่อนที่แม่ของนางจะแย้งขึ้นมา เมื่อนางจินหรูเห็นของที่ลูกเก็บมาได้ก็ลมแทบจับ ต้องรีบนั่งทันที พร้อมทั้งเอามือตบหน้าอกให้หายใจสะดวกขึ้น ลู่เพ่ยจึงเล่าเรื่องที่พวกเขาทั้งสองได้ไปเจอมา เพราะตอนนี้ลู่จื้อกำลังแยกโสมอยู่ “พรุ่งนี้ข้ากับท่านพี่จะนำโสมไปขายเจ้าค่ะ แต่จะเอาไปแค่สามหัวก็พอที่เหลือข้าจะทำโสมแดงเก็บไว้ขายมันจะได้ราคาดีกว่า” ตอนนี้ทั้งนางจินหรูและลู่เพ่ยไม่ได้ฟังที่นางพูดเลย “งั้นข้าเอาไปเก็บนะเจ้าคะ” พอจบคำโสมตรงหน้าก็หายไปเลย ทั้งสามก็ยืนแข็งเป็นหินไปแล้ว “หะ หะหายไปไหนแล้ว” ลู่เพ่ยที่เพิ่งหาเสียงเจอ ลู่จื้อก็งง ของมันหายไปไหนหายไปได้อย่างไร ทั้งสามจึงมานั่งมองหน้ากัน เจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า ท่านพ่อจางหมินที่ได้ยินโวยวายในตอนแรก แล้วตอนนี้กลับเงียบไปแล้ว เขาเลยเอ่ยเรียกจินหรูขึ้นมา “น้องหญิง เกิดอะไรขึ้น” ทั้งสามจึงลุกไปในห้องที่บิดานอนอยู่แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้บิดาฟัง จางหมินก็นอนครุ่นคิด ว่ามันเป็นไปได้ไงที่สิ่งของจะหายไปต่อหน้าต่อตาของทั้งสามคน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม