“นี่แก...!” ปิ่นปักที่รู้สึกจุกเพราะแรงกระแทกทำให้ไม่สามารถพูดอะไรออกมาอีกได้ จนปุญญาต้องเข้าไปพยุงลูกสาวให้ลุกขึ้น
แต่เมื่อลุกขึ้นได้แล้ว คนที่แค้นฝังหุ่นอย่างปิ่นปักมีหรือจะยอมเจ็บตัวฝ่ายเดียว เธอวิ่งเข้าไปหมายกระซากหัวของปานมุกเข้ามาตบสั่งสอนแต่ทว่า...
“อ่า...ฮึก...อึก...! แก” ไวเท่าความคิด ปานมุกที่เคลื่อนไหวคล่องตัวกว่าหลบไปอีกฝั่งแล้วก็จับคอของปิ่นปักบีบเน้นตรงสร้อยเพชรให้ฝั่งเข้าเนื้อปิ่นปักอย่างเจ็บปวด
“ปานมุกหยุดนะ...จะทำอะไรน้อง” นิกุลมองดูปานมุกทำร้ายปิ่กปักจนทนไม่ไหวแล้วเช่นกันจึงเอ่ยขึ้นอย่างเสียไม่ได้
“ทำอะไรงั้นเหรอ...ฉันแค่ป้องกันตัว หากคุณไม่ตาบอดคงจะเห็นว่าฉันไม่ได้เป็นคนเริ่ม” ยิ่งนิกุลออกหน้าแทนปิ่นปัก เธอก็ยิ่งออกแรงบีบมากขึ้น
“นี่ปล่อยนะ...ปล่อยน้อง” ปิ่นปักได้รับอิสรภาพอีกครั้ง แต่ทว่าเมื่อทรงตัวได้แล้วเธอก็ยกแขนวาดมือไปหมายจะตบหน้าปานมุกเพื่อเอาคืนที่ทำเธอเจ็บปวด
เพียะ! เพียะ!
ปานมุกเห็นอยู่แล้วว่า สันดานหมาลอบกันมันต้องทำเช่นนี้แน่ เธอจึงวาดมือตบสั่งสอนปิ่นปักไปหนึ่งที แล้วก็ลามไปตบปุญญาอีกหนึ่งที โทษฐานที่ไม่รู้จักสั่งสอนลูก
“นี่แก...ตบแม่ฉันเหรอ” ปิ่นปักหน้าชาเอามือลูบปรอยแต่เมื่อเห็นว่าปานมุกตบแม่เธอก็เดือดด่านขึ้นมาอีก
“สันดานลูกเมียน้อย ก็เมียน้อยทั้งโคตรจริง ๆ ”
“นี่แก...!”
“หรือเถียงว่าไม่จริง ถามแม่เธอดูว่าตาของเธอเป็นใคร”
ปุญญาเก็บงำความลับนี้ไว้ตั้งนาน ไม่เคยบอกใครให้รับรู้ด้วยซ้ำว่า เธอก็คือลูกเมียน้อยเช่นเดียวกัน แต่ก่อนที่ปุณณิกาจะตายเธอได้พลั้งปากบอกกับเธอไป
แต่คนตายจะพูดได้ยังไง!
“หมายความว่าไง พูดบ้าอะไรของเธอ” ปิ่นปักตะโกนด่า เธอไม่รู้เรื่องที่ปานมุกพูดด้วยซ้ำ
“คุณอาคะ คดีฆาตกรรมมีอายุความกี่ปีคะ”
“ 20 ปีครับ”
“เช่นนั้นก็มีเวลาอีก 5 ปี”
เมื่อได้ยินลูกเลี้ยงพูดเช่นนั้น มือของปุญญาสั่นผับ ๆ เกรงกลัวสิ่งที่กำลังจะเกิด เธอมั่นใจว่าเก็บหลักฐานไปหมดไม่มีใครรู้แน่ว่าเป็นคนทำ
“ปานมุก พูดอะไรนี่พ่องงไปหมด”
“อย่าเรียกตัวเองว่าพ่อ หากยังทำตัวเป็นแมงดา ใช้เงินผู้หญิง ผลาญเงินแม่ฉันโดยที่ฉันแทบไม่ได้รับการดูแลที่ดี” ดวงตาวาวโรจน์โกรธผู้เป็นบิดา ตอนอยู่ในบ้านเธอแทบไม่มีที่ยืน เมื่อแต่งงานสามีก็โดนปลุกปั่นจนเข้าหอก็ยังไม่เคย
“ปานมุก...อย่าหยาบคาย”
“หยาบคายงั้นเหรอ ถามตัวเองก่อนไหมที่ฉันพูดนะจริงหรือเปล่า”
นิกุลไม่อาจจะแย้งได้ ที่เธอพูดมาล้วนจริงทุกประการ แต่เพราะว่าทรัพย์สินทั้งหมดนั้นควรจะเป็นของเขาต่างหาก เพราะแต่งงานกับปุณณิกามาดังนั้นของของเมียก็เหมือนของของผัว
“คุณคงยังไม่ทราบ ตอนแต่งงานมาคุณมาแต่ตัว และทรัพย์สินของคุณปุณณิกาถูกแยกไว้แล้วว่าทรัพย์สินใดเป็นสินส่วนตัวเกิดก่อนแต่งงาน บ้านหลังนี้ หุ้นของวรจินดา เงินสดในบัญชี เงินในตู้เซฟ เครื่องเพชรทุกชิ้นล้วนขึ้นบัญชีไว้แล้วทั้งหมด นับว่าคุณฉลาดน้อยที่รินอกใจคุณปุณณิกา หากเธอไม่ท้องคุณปานมุก ตอนนี้คุณคงใช้ชีวิตอยู่ข้างถนน”
นิกุลใบหน้าซีดเผือด เพราะวรจินดาเตือนเขาเรื่องทรัพย์สินของเมียไว้แล้ว และเขาก็ละเมิดข้อตกลงทั้งหมด เงินในตู้เซฟก็เอาออกมาใช้ เงินในบัญชีของลูกก็เอาออกมาใช้ ทุกอย่างเขาทำจริงทั้งหมด
“ทุกอย่างฉันก็ทำเพื่อเลี้ยงยายปานมุก”
“แต่จากการสอบถาม เรื่องค่าเล่าเรียน ที่บังคับให้เรียนโรงเรียนรัฐแต่เบิกค่าเล่าเรียนออกปีละห้าล้าน ผมว่ามันฟังดูขัดแย้งนะครับ”
“ค่ากินค่าอยู่”
“ฟังไม่ขึ้น เพราะเด็กผู้หญิงคนเดียวไม่น่าจะใช้เงินมากมายขนาดนั้น ยังไม่นับเงินสดอื่น ๆ อีก” ไม่ว่าจะตอบอะไรมาก็โดนอภิธารปัดตกไปหมด จนนิกุลเริ่มหน้าซีด
“สร้อยในคอปิ่นปักนั่นเป็นหนึ่งในทรัพย์สินของฉันหรือเปล่าคะ” เธอแสร้งทำเป็นถามไปอย่างนั้น แต่รู้อยู่แล้วว่าเครื่องประดับที่สองคนแม่ลูกนี้ยักยอกไปของแม่เธอทั้งหมด
“ไม่...ไม่ใช่...นี่ของฉัน”
“ฉันว่าสร้อยทับทิมล้อมเพชรนี่เป็นสมบัติคุณยาย นะเหมือนคุณแม่เคยเล่าให้ฟังว่าได้ตอนฉันเกิดมา และมีสลักอักษรของวรจินดา”
ใบหน้าของปิ่นปักซีดเผือด เพราะมันเป็นสร้อยในตู้เซฟที่เธอแอบไปขโมยมา ยิ่งเสียงฝีเท้าของปานมุกค่อย ๆ ใกล้เข้ามาเธอก็ยิ่งจับสร้อยเพชรนั้นอย่างหวงแหน
“ไม่...อย่าเข้ามานะ...ไม่...อย่าของฉัน” ปิ่นปักส่ายหน้าระรัวนึกย้อนไปเรื่องที่เธอบอกว่าจะมาทวงคืนทุกอย่างนั้นไม่เกินจริงเลยสักนิด
“สร้อยเส้นนี้ไม่เหมาะที่จะอยู่บนคอกาฝากอย่างเธอกับแม่หรอก” เธอเอื้อมมือไปกระชากสร้อยเส้นนี้กลับคืนมาแล้วก็ล้วงเอากระดาษทิชชูห่อมันไว้ราวกับกลัวว่าจะมีสิ่งสกปรกติดมือ
“เธอไม่มีงาน จะมีปัญญาที่ไหนเอาเงินไปซื้อสร้อยมูลค่าเป็นสิบ ๆ ล้าน”
“พ่อซื้อให้ฉัน” ปิ่นปักยังเลือกโกหกเช่นเคย
“อ่อ...ถ้าอย่างนั้นขอดูใบเสร็จหน่อยสิ” เธอหันหน้าไปมองคนที่อ้างตัวว่าเป็นบิดา แต่ขาดการดูแลสั่งสอนบุตรสาวไม่ให้ริเป็นขโมย
“พอได้แล้วปานมุก” นิกุลไม่รู้จะตอบอย่างไร เขาใช้เงินของแม่ปานมุกทั้งนั้น จะซื้อสร้อยเพชรมูลค่าสิบล้านได้ยังไงกัน
“ฉันจะแจ้งตำรวจจับแก...ปานมุก”
“แจ้งเลย ให้ตำรวจมาที่บ้าน เพราะมีต้องผู้ต้องหาอยากพบตำรวจอยู่หลายคน” ปานมุกพูดเป็นความในส่งสายตามองไปยังแม้เลี้ยงจิตใจโหดเหี้ยม
“เอ่อ...แม่ว่า”
“อย่าไปยอมค่ะแม่”
“ดี...ฉันจะได้แจ้งตำรวจจับด้วยว่าเธอเป็นขโมย หลักฐานน่าจะยังอยู่ครบตอนนี้” ปานมุกรอชั่วอึดใจแต่ก็ไม่เห็นปิ่นปักขยับโทรหาตำรวจ
“คุณอาคะ รบกวนคุณอาโทรหาตำรวจให้มุกหน่อยนะคะ”
“พ่อยืนบื้อทำอะไรอยู่คะ พูดอะไรบ้างสิ ให้มันฉีกหน้าอยู่ฝ่ายเดียวได้ยังไง”
เสียงโวยวายของปิ่นปักทำให้คนที่กำลังใช้ความคิดอย่างนิกุลเสียสมาธิจนต้องตะโกนให้เงียบเสียง
“หุบปากหากยังอยากมีที่ซุกหัวนอน!”