ปานมุกใช้แรงเฮือกสุดท้าย จับคอของปิ่นปักบีบ ก่อนพูดอย่างเดือดด่าน
“ฝากไปบอกชู้รักของเธอด้วยนะ...อย่าเพิ่งรีบตาย” สายตาอำมหิตของปานมุกทำให้ปิ่นปักนึกกลัว แต่แล้วปิ่นปักก็ใช้เรี่ยวแรงที่มากกว่าเหวี่ยงเธอกระแทกลงพื้น แรงกระแทกสร้างความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่าง แต่ทว่าเธอก็พยายามยืนขึ้นเพื่อดูว่าตัวเองมีกระดูกส่วนไหนหักหรือไม่
แต่เธอรู้สึกเจ็บที่หน้าอก จนเริ่มไอออกมา
แค่ก แค่ก แค่ก!
ปานมุกคิดได้ทันทีว่าตัวเองน่าจะบอบช้ำภายใน แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้หรือทำให้นังปิ่นปักรู้ว่าเธอเจ็บส่วนใด เพราะสันดานสุนัขลอบกัดของปิ่นปัก จะยิ่งขยี้ส่วนนั้นของเธอให้เจ็บมากขึ้นอีก
“เธอกล้ามากนะ คิดว่าแต่งงานกับเขาแล้ว จะด่าว่าเขายังไงก็ได้งั้นเหรอ สุดท้ายฉันก็เห็นจุดจบของเธอที่โดนไล่ออกจากบ้านหลังนี้อยู่ดี เป็นไงทำตัวแสนหวานน่าสงสารให้เขาตกหลุมรัก ... สุดท้ายเขาก็เกลียดชังเธอเข้ากระดูก”
“แล้วเธอคิดว่าฉลาดนักเหรอที่เข้ามาเป็นหมากให้เขา เธอคิดว่าที่ปั่นหัวให้ฉันทำเรื่องอะไรต่อมิอะไร จนเขาเข้าใจผิดว่าฉันเลวอย่างโน้นอย่างนี้ แล้วจะทำให้เขารักเธอเหรอ ตื่นได้แล้ว น่าสงสารเสียจริง”
“เธอพูดว่าอะไรนะ!” ปิ่นปักได้ยินปานมุกพูดดังนั้น ดวงตาเธอก็เบิกกว้าง ยิ่งรอยยิ้มเย้ยหยันนั่นอีก มันควรจะเป็นเธอที่สมควรเยาะเย้ยปานมุก ไม่ใช่ปานมุกมาเยาะเย้ยเธอ
“ชิ...แค่ลูกเมียน้อยคิดว่าเขาจะเอาเธอขึ้นไปเชิดชู เป็นเมียตีทะเบียนเหรอ ฝันลม ๆ แล้ง ๆ ”
ครืน ครืน! เปรี้ยง!
เสียงฟ้าคำรามลั่น ไม่ต่างจากที่ต่อว่าต่อขานปิ่นปักเลยสักนิด ขนาดฟ้ายังพิโรธมองคนอย่างเธอออก นับประสาอะไรกับอัสนี
“เธอว่าใครลูกเมียน้อยฮะ!” มือเล็กของปิ่นปักเข้ามากระชากผมของปานมุก ดึงให้เธอโงหัวขึ้นมาฟังตนชัด ๆ
“เหอะ...ยังไม่รู้ตัวสินะ สร้อยก็ของแม่ฉัน ต่างหูก็ของฉัน เสื้อผ้าก็คงเป็นเงินที่พ่อฉันใช้เงินของสมบัติแม่ซื้อปรนเปรอเธอ ทุเรศสิ้นดี ถามจริงชีวิตนี้มีอะไรเป็นของตัวเองบ้าง กระทั่งสามีพี่สาวอย่างฉันก็อยากแย่ง น้ำหน้าอย่างเธอมันน่าเวทนาจริง ๆ เอาเถอะ สามีน่ะฉันบริจาคให้ จับให้มั่นแล้วกัน” การมาของปิ่นปักนับว่าไร้ค่านัก หากเกิดมาแล้วใช้ชีวิตได้แค่นี้ มิสู้ชิงหมาเกิดเปล่า ๆ
เพียะ!
เสียงมือเล็กกระทบกับใบหน้าเนียนสวย ที่ปิ่นปักอิจฉาริษยามาตั้งแต่เกิด ใบหน้าที่สวยหวานกว่าเธอมากกว่าไหน ๆ ผิวพรรณก็งดงามไม่ต้องแต่งเติมนี่อีก สุดท้ายมันก็ได้ทุกอย่างไปแล้วเธอก็ทนไม่ได้
“เป็นไง มีสติขึ้นมาหรือยัง เธอกำลังจะโดนฉันแย่งทุกอย่างไป” เธอเป็นลูกสาวของปุญญา ลูกสาวแม่ค้าที่ต้องการมาเกาะติดเศรษฐีอย่างนิกุล แต่ใช่เปลือกนอกเป็นอย่างนั้น
ปิ่นปักมารู้ทีหลังว่า ทรัพย์สมบัติทั้งหมด รวมทั้งบ้านเป็นของปานมุก เพราะแม่ของเธอเป็นลูกเศรษฐีเก่า และแต่งงานอยู่กินกันมา โดยที่นิกุลมาแต่ตัว
มิหนำซ้ำไม่ว่าจะออกงานสังคม เธอก็ถูกตราหน้ามาว่าลูกเมียน้อยไร้ทะเบียนสมรส และเกาะสมบัติเมียเก่าของนิกุลกิน
เธอเก็บความคั่งแค้นไว้ เพื่อค่อย ๆ ทำให้ปานมุก กระเด็นออกจากบ้าน แล้วแย่งของทุกอย่างมาเป็นของเธอ
แต่...สามีพี่สาวปิ่นปักก็อยากได้เช่นกัน นั่นก็คือหนึ่งในสมบัติที่เธอควรได้ ‘คนโง่อย่างเธอไม่คู่ควรปานมุก’
“เธอมันโง่ ที่ปล่อยให้ฉันแย่งทุกอย่างไปได้”
“ใช่ฉันมันโง่ แต่คนอย่างฉันโง่แค่ครั้งเดียว กอดสมบัติเธอให้แน่นนะ... เพราะถ้าหากฉันทวงคืนพวกเธอก็ไม่เหลือแม้ที่ซุกหัวนอน” ใบหน้าปิ่นปักหุบลง เมื่อปานมุกพูดอย่างนี้ แต่ก็กลับมาแสยะยิ้มอีกครั้ง
“ฉันก็อยากจะเห็นวิธีทวงคืนของเธอเหมือนกัน เอาสิ พ่อไม่ให้เธอกลับบ้าน ดูสิเธอจะทวงคืนทุกอย่างได้ยังไง”
เธอยิ้มเย็นส่งไปให้น้องสาว ปานมุกเป็นลูกสาวมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่ง แต่ใช้ชีวิตไม่ต่างจากทาสในบ้านของแม่ บ้านวรจินดา ที่กระทั่งชื่อบ้านแม่ยังใช้นามสกุลตัวเองตั้ง
ขณะที่คิดอย่างอนาถใจ เสียงหนึ่งของคนรับใช้รีบวิ่งมาทางด้านหลังบ้าน
“เร่งเข้าเถอะค่ะ ตำรวจกำลังมาทางนี้”
“จับมันโยนออกไป โยนไปไกล ๆ ” เมื่อจัดการมันอย่างสาแก่ใจแล้ว ก็ต้องรีบเอามันออกจากบ้าน เพื่อไม่ให้เป็นเสนียด และเม็ดฝนที่กำลังเทลงมาเปาะแปะ และเริ่มลงเม็ดห่าใหญ่จนคนรับใช้ต้องวิ่งหนีกันอย่างหัวซุกหัวซุน
เธอเดินออกไปด้วยชุดที่บางเบา เพราะมันเป็นเพียงแค่ชุดซับในอีกที โดยเสื้อผ้าถูกปิ่นปักฉีกทิ้งไปหมดแล้ว หวังให้เธอโดนขืนใจแล้วตายอย่างอนาถข้างถนน
ปานมุกทรุดลงเมื่อห่างจากบ้านไปเพียงไม่กี่ก้าว แต่ก็ต้องล้มลงเมื่อขาสองข้างมันไม่มีเรี่ยวแรงก้าวเดินต่อไป
แสงไฟรถคันหนึ่งสาดส่องมาที่ร่างจนต้องเอามือยกขึ้นปิดที่ดวงตาที่ฉ่ำทั้งน้ำตาและน้ำฝน พร้อมกับสติที่เลือนหายไปของเธอ สายฝนที่เทลงมาห่าใหญ่ ทำให้ตัวเธอเปียกปอนและหนาวจนถึงขั้วหัวใจ
ขณะที่เธอฟุบลงกับพื้นอย่างสิ้นหวัง พลันปรากฏร่างหนึ่งที่ใส่ชุดสูทและรองเท้าหนังขัดมันสีดำเดินลงมาโดยมีอีกคนกางร่มให้ เขาเข้าไปช้อนอุ้มตัวเธอขึ้นรถ แล้วแล่นออกไป
“ไปไหนครับท่าน”
“ไปบ้านของฉัน เบาแอร์ลงด้วย” เสียงทรงพลังสั่งให้คนขับรถมุ่งตรงกลับบ้าน แล้วถอดเสื้อสูทห่มให้กับร่างที่นอนสั่นบนตักของเขาราวกับลูกนกตกน้ำ
“น่าสงสารจริง ๆ เด็กน้อยของฉัน” มือหนาลูบที่ไหล่เธอเบา ๆ เพื่อปลอบโยนเธอ