บทที่ 4 แสงสว่างแห่งการเอาคืน 2/2

921 คำ
“หนูเคยเจอฉันตอนยังเด็กมาก ก่อนแม่หนูเสียชีวิต ฉันชื่ออภิธาร พิงพยัคฆ์ หรือเรียกว่า อาสิงห์ก็ได้” เมื่อเล่ามาถึงตอนนี้ท่าทางที่เกร็งเมื่อครู่ของปานมุกก็ค่อย ๆ คลายลง “แล้วคุณมาช่วยหนูทำไม” “ตอบแทนบุญคุณ” “???” เครื่องหมายคำถามผุดขึ้นบนใบหน้าของปานมุก เธอไม่รู้ว่าไปมีบุญคุณกับเขาตอนไหน เท่าที่ความทรงจำในสมองของปานมุก บวกกับวิญญาณของเธอที่อยู่รอบกายของปานมุกไม่ค้นพบว่าเคยช่วยอะไรเขาไว้เลยสักครั้ง “เป็นแม่ของหนูที่ช่วยฉันไว้” สิงห์ตอบออกไป เพราะสีหน้าเธอนั้นมีคำถามมากมายเหลือเกิน “ขอบคุณคุณอามากนะคะ” เธอพนมมือไหว้ขอบคุณเขา “ไม่ต้องขอบคุณฉัน เพราะแม่เธอกล้าจ้างอา อาถึงมีวันนี้ได้ และมีอีกอย่างที่อาอยากจะแจ้งให้หนูทราบ แม่ของหนูทำพินัยกรรมไว้ แต่ไม่ได้เปิดเผยให้ใครรับรู้จนกว่าหนูจะอายุ 22 ปีบริบูรณ์” “ฮะ! พินัยกรรมงั้นเหรอ” “ใช่ เรื่องนี้พ่อหนูก็ทราบ แต่ปิดบังไว้ และพยายามตามหาพินัยกรรมนี้อยู่ แต่เขาไม่รู้ว่าอาเก็บไว้ เพราะตอนนั้นอายังเป็นทนายความที่ไม่มีชื่อเสียง” “พ่อรู้มาตลอดว่าแม่ทำพินัยกรรม แต่เลือกไม่บอกฉันงั้นเหรอ” ปานมุกยังเด็กมากตอนแม่เสียชีวิต ดังนั้นเรื่องทรัพย์สินเธอไม่มีวันรู้และเข้าใจเลย รู้เพียงแต่ว่าแม่ทิ้งเครื่องประดับราคาแพงไว้ให้ และก็โดนน้องสาวแย่งชิงไปหมด “รายการทรัพย์สินพร้อมใบเสร็จ อยู่ในบัญชีในแฟ้มเอกสารนี้หมดแล้ว รวมทั้งหุ้น 10 % ของวรจินดา ที่พ่อของหนูพยายามจะเอาปันผลออกมาให้ได้ แต่ทว่าหุ้นนั้นได้รับการดูแลโดยตระกูลวรจินดา จึงไม่ได้เอาเงินออกมาผลาญ เงินส่วนนั้นตลอด 15 ปีมีสมทบไปแล้วกว่าห้าร้อยล้าน” “เลว!” เธอไม่คิดว่าพ่อสารเลวของเธอจะเป็นแมงดาขนาดนี้ “ผมมีความลับอีกหนึ่งอย่าง ปุญญา แม่เลี้ยงของคุณคือลูกของเมียน้อย ของคุณตาคุณอีกที และเธอต้องการแย่งทุกอย่างในชีวิตแม่ของคุณไป รวมทั้งการเสียชีวิตอย่างปริศนาด้วย” ปานมุกกำหมัดแน่น เมื่อรับรู้ถึงความเลวของสองผัวเมียนั่น แม่เธอต้องเสียชีวิตโดยไม่รู้สาเหตุ สองแม่ลูกและพ่อของเธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบายด้วยเงินของแม่ แต่เธอผู้เป็นทายาทหนึ่งเดียวใช้ชีวิตเยี่ยงทาส เธอมองดูแฟ้มรายการทรัพย์สินแล้วก็โกรธจัด และเอกสารที่ระบุว่าทรัพย์สินทุกรายการห้ามเคลื่อนย้าย หรือแปรสภาพไป แต่เงินสดในบัญชีกว่าห้าสิบล้านของแม่เหลือไม่ถึงครึ่งงั้นเหรอ แล้วเงินสดในตู้เซฟที่บ้านอีก “ฉันหลับไปกี่วันค่ะ” “สามวันเต็ม ร่างกายคุณอ่อนเพลียมาก ทั้งยังได้รับสารพิษบางอย่าง แต่ดีหมอที่รักษาตรวจพบและจัดการขับมันออกมาจนหมดแล้ว ตอนนี้เธอก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ” อภิธารบอกอาการของเธอให้ฟังคร่าว ๆ “ฉันหย่ากับอัสนีแล้ว เขาให้เซ็นสัญญาหย่าโดยที่ไม่รับทรัพย์อื่นใด” “หนูอยากได้ไหมล่ะ ทรัพย์สินเธียรธีรา” เขายิ้มบางให้เธอ หากจะเอาก็ไม่ใช่เรื่องยากหากเขาจะทำ เธอส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มเหี้ยมไม่ต่างจากอาสิงห์ของเธอ “แค่สมบัติแม่ฉันก็คิดว่าน่าจะอยู่สบายแล้ว เหลือแค่ไปทวงคืน ฉันอยากเปลี่ยนไปใช้นามสกุลแม่ และตัดขาดกับพ่อโดยสิ้นเชิง” “ไม่มีปัญหา เมื่อหนูแข็งแรงแล้วเราจัดการได้ทันทีเลย” “ฉันแข็งแรงดี” อภิธารลุกขึ้นยืนแล้วกดให้คนของตัวเองเตรียมเอกสารแล้วไปที่เขตทันที การเปลี่ยนนามสกุลนั้นไม่ใช่เรื่องยาก คงเพราะปานมุกรู้สึกขยะแขยงที่ต้องใช้นามสกุลร่วมกับแมงดาที่เกาะทรัพย์สมบัติแม่ของเธอกิน เมื่อออกจากสำนักงานเขตมาแล้ว เธอถือแฟ้มของคุณทนายที่เป็นรายการทรัพย์สินของเธอทั้งหมด แล้วพยักหน้าให้กับอาสิงห์ “เอาคนไปเยอะหน่อยนะคะ พอถึงแล้ว แจ้งตำรวจด้วยก็ดีค่ะ เพราะคนบุกรุกย่อมหน้าด้านไม่อยากออกไป” อภิธารยิ่งกว่าอยากช่วย เขารอวันนี้มานานแล้วเช่นกัน วันที่จะเอาคืนคนที่ทำร้ายผู้มีพระคุณของเขา ..... บ้านพักขนาดใหญ่ที่ติดริมแม่น้ำ มูลค่าไม่ต่ำกว่าสามร้อยล้าน มีอภิธารและปานมุกยืนกดกริ่งอยู่หน้าบ้าน แต่กดเรียกไปหลายสิบครั้งแล้วก็ไม่มีการตอบกลับของคนในบ้าน แม่บ้านที่ทำงานอย่างสันหลังยาววิ่งเหยาะ ๆ ออกมาหน้าบ้านพร้อมตะโกนอย่างหัวเสียว่า “ญาติเสียหรือไงกดอยู่ได้ มีธุระอะไร” แม่บ้านวัยยี่สิบปีพูดด้วยความรำคาญ เมื่อเดินไปเปิดประตูเล็กสำหรับให้คนเข้าไป ก็มองคนที่มาเยือนอย่างตกตลึงพรึงเพริด “คะ...คะ...คุณปานมุก!” “จำฉันได้ด้วยเหรอ...หึ...บอกเจ้านายแกว่าฉันมาทวงคืน” ใบหน้าของแม่บ้านซีดเหมือนไก่ต้มเมื่อได้ฟังอดีตเจ้านายอีกคน ที่ได้รับคำสั่งว่าห้ามให้มาเหยียบที่บ้านหลังนี้อีก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม