2 เรียกขวัญ ทำใจ
ระยะทางไม่ใช่ใกล้ ๆ แต่ตลอดการเดินทาง คนสองคนที่นั่งอยู่บนรถด้วยกันไม่มีใครพูดอะไรสักคำ บรรยากาศบนรถเงียบงัน มีเพียงเสียงเครื่องยนต์ และเสียงแอร์เท่านั้น
กำนันทองแท้ใช้เวลาสองชั่วโมงกว่า ในการขับรถขึ้นเขา เพื่อไปส่งหญิงสาวอีกฟากเขา เมื่อเขาขับรถใกล้จะถึงซุ้มประตูหมู่บ้าน ชายหนุ่มก็เอ่ยถามขึ้นมาว่า
“บ้านอยู่ไหน”
แต่คำถามของเขากลับได้รับคำตอบเป็นความเงียบงัน
“บ้านอยู่ไหน” กำนันทองแท้ถามซ้ำอีกครั้ง เขาเปล่งเสียงให้ดังกว่าเมื่อครู่ ทว่าคำตอบก็ยังคงเป็นความเงียบงัน
คนถามจึงหันไปมองผู้โดยสารหนึ่งเดียวที่นั่งเคียงข้างมากับเขา พอเห็นท่านั่งคอพับคออ่อนของเจ้าหล่อน กำนันคนดีที่ดั้นด้นขับรถมาส่งเธอถึงบ้านก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
ทองแท้ชะลอรถจอดข้างทาง เพื่อจะปลุกคนขี้เซาให้ตื่นขึ้นมาตอบว่า บ้านของเธออยู่ตรงไหน
“นี่เธอ...”
เธอครั้งที่หนึ่ง ก็ยังคงไร้วี่แววว่าเธอจะตื่น
“เธอ...”
เธอครั้งที่สอง แม่คุณถอนหายใจแรง เคี้ยวปากจั๊บ ๆ แล้วก็หลับต่อ
“เธอ !”
เธอครั้งที่สาม ยัยลูกหนูนาตัวเล็กถอนใจหงุดหงิด แล้วพลิกตัวตะแคงหันหลังให้ ราวกับว่า รำคาญคนเรียกเป็นที่สุด
กำนันทองแท้หมดความอดทนกับคนที่ทำให้เขาอดหลับอดนอน เพราะที่จริงแล้ว ตอนนี้เขาต้องนอนอยู่บนเตียงนุ่ม ๆ ห่มผ้าห่มอุ่น ๆ แล้ว แต่ยัยตัววุ่นวายที่ทำให้เขาไม่ได้นอน กลับหลับได้อย่างหน้าตาเฉย ทั้งที่คนอื่นเดือดร้อนเพราะเธอ
คนหมดความอดทนโน้มตัวเข้าไปใกล้ เขาจับบ่าบอบบางเขย่าแรง ๆ ชะโงกหน้าไปตะเบ็งเสียงเรียกดังลั่นรถ
“เหนือเดือน ! ตื่น !”
เสียงดังอย่างกับเสียงพระตีกลองเพล กับแรงเขย่าที่ทำให้เธอกระเทือนไปทั้งตัว ทำให้เหนือเดือนสะดุ้งตื่น เธอผงกหัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทำให้คนที่โน้มตัวไปตะโกนเรียกใกล้ ๆ ถูกศีรษะของเธอโขกเข้าที่ปากแบบจัง ๆ
“โอ๊ย !”
กำนันทองแท้กัดฟันแน่น เขารีบผงะหน้าหนี รสชาติของเลือดในปากทำให้เขาต้องหลับตาลง ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึก สะกดจิตสะกดใจตัวเองไว้ พยายามระงับโทสะอย่างยิ่งยวด เพื่อไม่ให้ตัวเองหันไปทำร้ายลูกบ้านตัวป่วนวุ่นวาย
ทองแท้กลืนเลือดในปากลงคอ เขาสูดลมหายใจลึก
“บ้านเธออยู่ไหน”
คนที่ทำให้เขาเจ็บตัวแบบไม่ตั้งใจประนมมือไหว้ ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เพราะกลัวว่าเขาจะกินหัว
“ขับตรงไปจนถึงแยกกลางหมู่บ้าน แล้วเลี้ยวซ้ายค่ะ”
กำนันทองแท้ไม่ปรายตามองเธอด้วยซ้ำ เขาขับไปตามทางที่เธอบอก พอเขาเลี้ยวซ้าย เหนือเดือนก็ชี้นิ้วไปข้างหน้า และรีบบอกเขาว่า
“ตรงนั้นค่ะ บ้านที่มีต้นมะขามใหญ่”
กำนันทองแท้ขับรถไปจอดที่หน้ารั้วบ้านครึ่งไม้ครึ่งปูนสองชั้น พอเขาจอดรถ ผู้ใหญ่แช่มและชาวบ้านเกือบยี่สิบคน ที่พามารอฟังข่าวว่า หญิงสาวจะกลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัยไหม ก็พากันเดินมายืนรอรอบคันรถ
สังคมหมู่บ้านเล็ก ๆ เมื่อเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็รู้กันทั้งหมู่บ้าน บางคนก็ห่วงใยจริง ๆ แต่บางคนก็มาเพราะความอยากรู้อยากเห็นเรื่องของคนอื่น
พอเหนือเดือนกับกำนันทองแท้เปิดประตูลงจากรถ คนเฒ่าคนแก่ก็พากันมาดึงทั้งสองไปนั่งลงที่แคร่หน้าบ้าน
ตอนที่ผู้ใหญ่แช่มโทรหากำนันทองแท้ และรู้ว่ากำนันจะเป็นคนพาเหนือเดือนมาส่งที่บ้าน ผู้เฒ่าผู้แก่ก็เตรียมฝ้ายผูกแขนไว้รอแล้ว พอเห็นเหนือเดือนกลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัย ก็พากันรุมผูกข้อไม้ข้อมือเรียกขวัญ คนที่เป็นคนพาเธอมาส่งก็พลอยได้รับการผูกข้อไม้ข้อมือไปด้วย
“ขวัญเอ๊ย ! ขวัญมานะหนูเดือน”
“ขอบคุณกำนันมากนะจ๊ะที่ดูแลลูกบ้านอย่างดี เจริญ ๆ นะพ่อคุณ”
และอีกหลากหลายคำเรียกขวัญ และคำอวยพรให้ชายหนุ่มหญิงสาวที่เพิ่งลงจากรถมา พร้อมกับผูกข้อไม้ข้อมือให้
เหนือเดือนมองว่ามันแปลก ๆ ยังไงก็ไม่รู้ เขากับเธอนั่งเคียงข้างกันอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ และมีผู้เฒ่าผู้แก่กล่าวคำอวยพร พร้อมทั้งผูกข้อไม้ข้อมือให้
มันเหมือน...
เหมือนพิธีสู่ขวัญบ่าวสาวในงานแต่ง
เหนือเดือนเหล่ตามองคนที่นั่งข้าง ๆ กัน เธอเห็นเขายิ้มแย้ม พูดคุยกับชาวบ้านอย่างเป็นกันเอง แต่พอเขาหันมามองหน้าเธอ เขาก็กลับกลายเป็นคนละคน ตาก็ดุ หน้าก็เหี้ยม ถ้ากินหัวเธอได้ เขาคงกินไปแล้ว
หลังจากชาวบ้านผูกข้อไม้ข้อมือเรียกขวัญให้แล้ว พวกเขาก็พากันอยู่พูดคุยถามไถ่อีกครู่ใหญ่ แล้วจึงพากันแยกย้ายกลับบ้าน
แต่กว่าชาวบ้านจะกลับกันไปหมด ตะวันก็โผล่พ้นขอบฟ้าพอดี
พอที่บ้านเหลือแค่ตากับยาย และหลานสาวกับผู้ที่ขับรถมาส่งเธอ ตาพุกกับยายนิ่ม จึงมีโอกาสได้เข้าใกล้กำนัน และเอ่ยคำขอบคุณจากใจจริง
"ฉันขอบคุณกำนันมาก ๆ เลยนะจ๊ะ ถ้าไม่ได้กำนันช่วยพาเดือนมาส่ง หลานฉันก็คงรอจนถึงเช้า หรือไม่ก็อาจจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นก็ได้"
ยายนิ่มยกมือไหว้ปลก ๆ ด้วยความซาบซึ้งใจจริง ๆ ตาพุกซึ่งยืนอยู่ข้างเมียก็ยกมือไหว้ด้วยกัน