เรือนของท่านยายหลี่เฉียงนับว่ามีพื้นที่อยู่ไม่น้อย ตัวเรือนเป็นเรือนสี่ประสาน เรือนหลักมีสามห้องนอน เรือนด้านข้างมีฝั่งละสองห้องนอน
แม้แต่ข้าวของเครื่องใช้ก็มีอยู่ไม่น้อย ทั้งยังพื้นที่ด้านข้าง ด้านหลังที่กว้างขวางเพียงพอให้ปลูกผักเลี้ยงสัตว์ได้อีกด้วย หากทำดีๆ เรือนนี้ก็คงจะน่าอยู่มากทีเดียว
หลี่เฉียงเดินเยื้องย่างออกมาจากห้องครัวอย่างช้าๆ เมื่อเห็นว่าหว่านหนิงนางกำลังเก็บข้าวของเข้าที่อยู่ เท้าของเขาก็หยุดชะงักจะหมุนกลับเข้าไปในห้องครัวอีกครั้ง
“หยุด!!! แล้วมาช่วยข้าเดี๋ยวนี้” หว่านหนิงนางหันไปเห็นเขาเข้าพอดี
“ข้าเหนื่อยแล้ว” เขาบ่นออกมา
“ท่านทำสิ่งใดถึงมาพูดว่าตนเองเหนื่อย มาเดี๋ยวนี้”
เขาจำต้องเดินเข้าไปทำงานตามคำสั่งของหว่านหนิงอย่างไม่อาจเลี่ยงได้ เพราะเกรงกลัวไม้ที่อยู่ในมือของนางต่างหาก
เพียงครึ่งชั่วที่ทั้งสองช่วยกันเก็บข้าวของ เรี่ยวแรงในร่างกายก็ดูเหมือนจะถูกสูบออกไปจนหมดเสียแล้ว
“ยะ หยุด พัก ก่อนเถิด” หลี่เฉียงนั่งลงไปที่พื้นอย่างหมดท่า เขามิอาจจะขยับตัวทำงานต่อได้อีกแล้ว
“อืม” หว่านหนิงก็เห็นด้วยกับเขาเช่นกัน นางใช้ไม้พยุงช่วยเดินกลับไปที่ห้องครัว แล้วตักข้าวที่หุงสุกได้ที่แล้วมาสองชาม
“ท่านมาช่วยข้ายกหน่อย” หลี่เฉียงที่หิวไม่ต่างกับหว่านหนิงก็รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วไปรับชามข้าวมาจากนาง
นางมองเขาด้วยสายตาที่รังเกียจ เพราะหลี่เฉียงยกไปของเขาเพียงผู้เดียว ไม่มีน้ำใจที่จะช่วยนางยกสักนิด
หว่านหนิงที่ขี้เกียจเดินกลับเข้าไปกินในห้องโถง นางจึงได้ทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวเตี้ยที่อยู่ในครัว แล้วลงมือกินข้าวทันที
“อืม ก็ไม่ได้แย่” นางไม่คิดว่าเพียงข้าวกับมันหุงรวมกันจะมีรสชาติหวานอร่อยได้มากเพียงนี้ หรือจะเป็นที่นางหิวจัด
นางต้มน้ำไว้ เพื่อที่จะเอาไว้อาบน้ำ นางไม่รู้ว่าร่างนี้นอนสลบอยู่บนที่นอนมากี่วันแล้ว ตอนนี้นางอยากจะอาบน้ำมากที่สุด รองมาจากกินข้าวให้อิ่มท้อง
หลี่เฉียงไม่เห็นว่าหว่านหนิงนางเดินตามมา เขาเพียงแค่ชะเง้อคอมองหานางก่อนจะพุ้ยข้าวเข้าปากอย่างรวดเร็ว เมื่อหมดแล้วจึงเดินไปที่ครัวเพื่อจะตักเพิ่ม จึงได้เห็นว่าหว่านหนิงนางนั่งลงกินอยู่ที่พื้นห้องครัวอย่างน่าสงสาร
“จะเอาเพิ่มรึ ตักเอาเองอยู่ในหม้อ” นางหันไปเห็นว่าหลี่เฉียงเดินถือชามเข้ามา
“เหตุใดเจ้าถึงไม่เข้าไปนั่งกินที่ห้องโถงให้ดี”
“ไม่ ข้าเดินไม่ไหว” นางกินข้าวต่ออย่างไม่ใส่ใจ
หลี่เฉียงเดินไปตักข้าว แล้วมานั่งลงที่ตรงหน้าของหว่านหนิง “เฮ้ยย ท่านจะนั่งที่พื้นทำไม กลับไปกินที่ห้องโถงเลย”
“กินเหอะ” เขาก้มหน้าลงกินข้าว โดยไม่ฟังเสียงไล่ของนาง
เมื่อหว่านหนิงนางกินหมดแล้ว หลี่เฉียงดึงชามข้าวในมือของนางเดินไปล้างให้
“ขอบคุณมาก” ทำดีก็ทำได้ แต่ทำไม่ไม่ยอมทำ
เพียงไม่นานรอยยิ้มของหว่านหนิงก็ชะงักไป เพราะหลี่เฉียงเพียงแค่เดินนำไปวางไว้มิได้ล้างให้อย่างที่นางคิด
“หืมมม แล้วจะแย่งไปทำไม!!!” นางโวยวายออกมาอย่างเหลืออด หลงคิดว่าจะช่วยเหลือนาง เห็นว่านางเดินไม่ไหว
“ประเดี๋ยวค่อยล้างก็ได้ เจ้าจะเสียงดังไปเพื่ออันใด” เขาอุดหูทันที เพื่อหว่านหนิงนางตะโกนเสียงดังออกมา
“พอ ๆ ๆ หากไปทำก็หลีกไป” หว่านหนิงพยุงตัวขึ้น แต่ข้อเท้าเจ้ากรรมไม่ยอมทำตามใจของนาง
นางเสียหลักล้มลงทันที หลี่เฉียงเขาจะรีบก็มัวแต่ตกใจที่เห็นนางลุกพรวดขึ้นมา คิดว่านางจะเข้ามาทุบตีอีกแล้ว จึงได้เบี่ยงตัวหลบไม่ได้รับตัวของนางไว้ หว่านหนิงจึงล้มลงไปกองอยู่ที่พื้นแทน
“โอ๊ยยย” นางล้มแรงไม่ใช่น้อยจึงได้ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“เป็นอันใดมากหรือไม่” หลี่เฉียงรีบเข้ามาดูนาง
“หลีกไปเลย” นางดันตัวเขาออก หากไม่ใช่เพราะเขาทำให้นางโมโหจนต้องลุกขึ้นไปล้างเอง นางจะเจ็บตัวเพิ่มเช่นนี้หรือ
หว่านหนิงค่อยๆ หาที่เกาะแล้วดันตัวลุกขึ้นอย่างยากลำบาก ก่อนจะค่อยๆ เดินไปล้างชามที่กินเสร็จแล้ว
“ข้าล้างให้เอง” เขาแย่งชามที่อยู่ในมือของนางไปล้าง
“แล้วเมื่อครู่ ทำไมไม่ล้างเล่า” นางถลึงตามองเขาอย่างไม่พอใจ
“ก็ข้าค่อยกลับมาล้าง แต่เจ้าจะต้องล้างให้ได้เดี๋ยวนี้เลย”
“กินเสร็จก็สมควรล้างเลย ท่านจะทิ้งไว้ทำไม”
“เมื่อก่อนเจ้าไม่เห็นจะเป็นเช่นนี้” เขามองนางอย่างแปลกใจ เมื่อก่อนกินเสร็จก็ล้วนแต่วางกองทิ้งไว้ หากอยากกินเมื่อใดก็ล้างมาใช้เมื่อนั้น
“เหอะ ที่ข้าพูดไปก่อนหน้านี้ท่านไม่ได้ฟังเลยใช่หรือไม่ ข้าบอกแล้วว่าข้ามิใช่ซูหว่านหนิง”
“หากเจ้ามิใช่นาง แล้วเจ้าเป็นใคร” เขามองนางอย่างมองคนโง่ ก็เห็นๆ กันอยู่ ที่ยืนตรงหน้าของเขาเป็นซูหว่านหนิงไม่ผิดแน่
“ล้างให้เสร็จก่อนแล้วข้าจะเล่าให้ฟัง” นางบังคับให้เขาล้างชาม หากเขาอยากจะรู้เรื่องของนาง
“เจ้าเดินไหวหรือไม่” เขาเอ่ยถาม เมื่อเห็นหว่านหนิงพยุงตัวเองจะเดินกลับเข้าเรือน
“ได้” นางโบกมือไม่ให้เขาใส่ใจ ให้ล้างชามต่อไป
นางตักน้ำที่ต้มไว้ เพื่อจะไปอาบน้ำที่ห้องน้ำด้านหลัง หลี่เฉียงที่เห็นเช่นนั้นก็ไล่ให้นางไปเตรียมของเขาจะช่วยยกน้ำเข้าไปให้ด้านในห้องน้ำไว้ก่อน
หว่านหนิงนางเดินกลับเข้าไปที่ห้อง เพื่อจะนำเสื้อผ้าไปเปลี่ยน แต่พอเห็นสภาพห้องแล้ว นางสมควรที่จะต้องนำสิ่งที่อยู่ด้านในไปซักใหม่ทั้งหมดเลย
ยังดีที่ภายในหีบกับตู้ยังมีผ้าห่มอยู่อีกหนึ่งผืน และมีผ้าที่ใช้สำหรับปูรองนอนอยู่ด้วย นางจึงนำมาเปลี่ยนทั้งหมดเสียใหม่
“เจ้าทำสิ่งใด” หลี่เฉียงที่เห็นนางหายเงียบไปนานก็เดินมาดู เพราะน้ำที่เขานำไปไว้ให้เริ่มจะเย็นเสียแล้ว
“ท่านมาก็ดี ช่วยข้าเปลี่ยนหน่อย” เพราะขาข้างที่เจ็บ ทำให้หว่านหนิงเคลื่อนไหวร่างกายไม่สะดวกนัก
หลี่เฉียงก็ดูเหมือนไม่อาจจะช่วยเหลือสิ่งใดนางได้มาก เขาคงไม่ค่อยทำ ไม่ว่านางจะสั่งให้ทำเช่นไรก็ดูเหมือนจะไม่เป็นไปเสียทุกอย่าง
หว่านหนิงเหมือนจะคิดผิดที่เรียกเขามาช่วย นางเหมือนจะเหนื่อยเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ
“ท่านไปล้างตัวก่อน ข้าจะได้ซักเสื้อผ้าของท่านด้วยเลย” นางมองเสื้อผ้าของเขาอย่างนึกรังเกียจ
“ได้” ครั้งนี้เขาพูดง่ายเสียจนหว่านหนิงเองยังตกตะลึง
หลี่เฉียงจะไม่รีบรับปากได้อย่างไร ตั้งแต่มาอยู่ที่หมู่บ้านไฉชงได้ห้าวัน ซูหว่านหนิงนางแทบไม่เคยซักเสื้อผ้าให้เขาเลย ในเมื่อมีคนเสนอตัวมาให้เขาก็ต้องรีบคว้าไว้ทันที
แม้เขาจะล้างตัวไปก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม แต่ก็ยังเร่งฝีเท้าไปทางด้านหลังเรือน เพื่ออาบน้ำอีกรอบ ด้วยกลัวว่านางจะเปลี่ยนใจไม่ซักเสื้อผ้าให้เขา