เจ้าเลิกแสร้งบ้าได้แล้ว

1378 คำ
วันที่เขาถูกขับไล่ออกจากตระกูลจึงได้เห็นรอยยิ้มที่เย้ยหยันจากนางสุ่ยซื่อผู้ที่เขาเรียกว่าท่านแม่ ที่คิดว่านางรักและหวังดีกับเขามาตลอด หลี่เฉียงเปลี่ยนจากแซ่หานมาใช้แซ่หลี่ของผู้เป็นมารดา เขาต้องมาอยู่ที่บ้านเดิมของท่านยายที่หมู่บ้านไฉชง เมืองซานตง ทิศตะวันออกของแคว้นต้าเยี่ยน ห่างจากเมืองหลวงถึงสองพันกว่าลี้ แม้การเดินทางมาจะมิได้ลำบาก เพราะคนของบิดาเดินทางมาส่ง เงินที่ได้ติดตัวมาก็นับว่าไม่น้อย เพียงแต่เขาที่เสียใจ ผิดหวัง นำเงินทั้งหมดไปละลายที่เหลาสุราและหอพนันเช่นเคย หว่านหนิงนางจึงคิดที่จะทิ้งเขาแล้วกลับไปอยู่ที่เมืองหลวงเช่นเดิม ในเมื่อเขาตามนางกลับมาได้ทุกครั้ง ครั้งนี้นางจึงได้หนีขึ้นไปทางเส้นภูเขา เพื่อหวังจะหลบสายตาของหลี่เฉียง นางคงจะพลาดเพราะไม่ชินทางทำให้นางตกเขาจนหมดสติไป “หึ รถ รถม้าเช่นนั้นรึ เจ้าจะหารถม้าจากไฉชงได้อย่างไร” หลี่เฉียงมองนางเหมือนมองคนโง่ ในหมู่บ้านไม่มีผู้ใดที่มีรถม้า หากจะหารถม้าต้องเข้าเมืองไปอีกเกือบสองชั่วยาม (1ชั่วยาม=2ชั่วโมง) หว่านหนิงยิ่งฟังก็ยิ่งมึนงง นางสับสนจนเกิดเป็นความกลัวขึ้นมา นางเริ่มมองหาว่ามีกล้องซ่อนไว้ตรงไหนหรือเปล่า “เลิกล้อเล่นได้แล้วอาเยว่ ฉันไม่ตลกด้วยนะ” เสียงของนางสั่นออกมาอย่างน่าสงสาร แต่หว่านหนิงคงลืมนึกไปว่าอาเยว่จะแกล้งนางเพื่ออะไร ทั้ง ๆ ที่นางได้รับบาดเจ็บหนัก ไหนจะต้องหาสถานที่ย้อนยุคอีก ทั้งนักแสดงที่ดูสมจริงจะแกล้งครั้งหนึ่งต้องลงทุนมากขนาดนี้เลยเหรอ “เจ้าเลิกแสร้งบ้าได้แล้ว ข้าไม่มีวันปล่อยเจ้ากลับเมืองหลวงอย่างแน่นอน” แม้จะแปลกใจไม่น้อย แต่เขาก็ยังเชื่อว่านางคงจะต้องเล่นงิ้วอีกแน่ หว่านหนิงมองใบหน้าของหลี่เฉียงอย่างสับสน หากดูตามสถานการณ์ตอนนี้ดูเหมือนตาบ้านี่ไม่ได้ล้อเล่น และตัวนางก็ดูเหมือนไม่ได้ถูกรถชนแต่เหมือนจะตกเขาอย่างที่เขาพูดเสียมากกว่า ดวงตาของหว่านหนิงสว่างแวบขึ้น เหมือนว่าเธอจะนึกอะไรออก “มะ ไม่ จริง” นางหยันตัวลุกขึ้นยืนก็พบว่ามีเพียงข้อเท้าที่เคล็ดเท่านั้น หว่านหนิงเปิดประตูจะวิ่งออกไปดูด้านนอก แต่ก็ถูกหลี่เฉียงดึงรั้งไว้เสียก่อน “เจ้าจะไปที่ใด คิดจะหนีอีกแล้วรึ” แรงบีบของฝ่ามือของเขาที่บีบอยู่ที่ต้นแขนของเธอ ทำให้เธอร้องออกมา “โอ๊ยยย เจ็บ ตาบ้า ปล่อยฉัน!!!” แต่ไม่ว่าจะสะบัดให้หลุดเช่นไรก็ไม่อาจทำได้ ยิ่งเห็นใบหน้าของหว่านหนิงที่บิดเบี้ยวอย่างรังเกียจยามที่เขาใกล้เขา โทสะของหลี่เฉียงก็เพิ่มมากขึ้น “เจ้ามันสตรีไร้ยางอาย ยามข้ามีเงินทองก็หลงใหลข้า ยามนี้ข้าไร้สิ้นเงินทอง ชื่อเสียงเจ้าคิดจะตีจากรึ อย่าได้ฝัน” “บ้าหรือเปล่า ฉันไปหลงใหลคุณตอนไหน ปล่อย ฉันเจ็บ” หว่านหนิงเธออยากจะออกไปดูด้านนอกให้แน่ใจว่าใช่อย่างที่เธอคิดไหม นางกลัวว่าจะข้ามมาอยู่ในมิติอื่น เหมือนที่นิยายเขียนเอาไว้ เพราะตอนนี้นางไม่มั่นใจเรื่องใดเลย หากเข้ามาสวมร่างของคนอื่น ก็ต้องมีความทรงจำเหลืออยู่บ้าง แต่นี่มันไม่มีเลย นางเลยไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องที่ถูกสร้างขึ้นมา หรือนางทะลุมิติมากันแน่ “ไร้ยางอาย!!!” หลี่เฉียงลงน้ำหนักมือที่บีบแขนของหว่านหนิงเพิ่มขึ้น “จะ เจ็บ เหม็นด้วยจะอ้วก” นางทั้งผลักทั้งดิ้นรนเพื่อให้หลุดของมือของเขา หว่านหนิงที่เพิ่งลุกจากเตียง ทั้งยังร่างเดิมก็ได้รับบาดเจ็บมาไม่น้อย ขาของนางอ่อนแรงลงเกือบจะลงไปกองนั่งอยู่ที่พื้น แต่มือของหลี่เฉียงที่บีบรั้งต้นแขนของนางไว้ฉุดให้นางยังยืนอยู่ต่อได้ นางจึงเสียหลักล้มอยู่ในอ้อมแขนของเขา กลิ่นเหม็นจากเสื้อผ้า กลิ่นกาย ลมหายใจของเขาที่มีแต่กลิ่นสุรา บวกกับที่ศีรษะของเจ้าของร่างเดิมได้รับความกระทบกระเทือน นางจึงอาเจียนรดไปที่ตัวของหลี่เฉียง “อุ๊บ...แหวะ” นางไม่อาจกลั้นไว้ได้จริงๆ “นี่ จะ เจ้า” หลี่เฉียงปล่อยมือจากตัวของหว่านหนิงทันที “ก็ฉันบอกคุณแล้ว" ร่างของนางทรุดลงไปนั่งที่พื้นอย่างหมดแรง สายตาของนางเริ่มพร่ามัว ภาพความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมไหลวนอยู่ภายในหัวจนหว่านหนิงต้องยกมือขึ้นกุมขมับ ความสับสนต่างๆ กับความตกใจที่ได้รับ ก่อนที่นางจะหมดสติลงอีกครั้งก็เงยหน้าขึ้นมองบุรุษตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว “จะ เจ้า” หลี่เฉียงตกตะลึงไม่น้อย เพราะว่าหว่านหนิงนางหมดสติไปแล้ว เขาถอนหายใจออกมาอย่างไม่เข้าใจเหตุการณ์ตรงหน้าที่เกิดขึ้น เงินที่มีก็ถูกเขานำไปถลุงกับสุราและการพนันจนหมดสิ้น จะให้ไปตามหมอมาดูอาการของนางก็ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เงินที่ไหนมาจ่าย จึงทำได้เพียงอุ้มร่างของนางขึ้นไปนอนบนเตียงอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะออกไปจัดการล้างตัวที่เปื้อนไปด้วยอาเจียนของหว่านหนิง ทั้งยังต้องทำความสะอาดพื้นที่นางอาเจียนไว้เต็มไปหมด “ไม่เห็นจะเหม็นเสียหน่อย” เขาดมเนื้อตัวของตนเอง แต่ก็ยังอดที่จะเบ้หน้าไม่ได้ คนเช่นเขาจะกล้ายอมรับความจริงได้อย่างไรว่าตนเองเหม็นเช่นที่นางว่า หว่านหนิงเหมือนตกอยู่ในบทละครเรื่องหนึ่ง ตัวนางที่เข้าไปอยู่ร่วมในเหตุการณ์ได้แต่มองภาพตรงหน้าอย่างมึนงง เจ้าของร่างเดิมมีใบหน้าที่เหมือนกับนางราวกับเป็นคนเดียวกัน เพียงแต่นิสัยของนางนั้น เอ่อ เอาเป็นว่าร้ายเช่นที่หลี่เฉียงนึกรังเกียจนั่นแหละ ซูหว่านหนิง สาวงามของเมืองหลวง แต่ด้วยสถานะของนางที่เป็นเพียงบุตรของพ่อค้าขายหมู ทำให้คุณชายที่สนใจอยากจะรับนางไว้เป็นเพียงอนุหรือสาวใช้ห้องข้างเท่านั้น คนทะเยอทะยานเช่นนางไม่ต้องการเป็นเพียงแค่อนุหรือสาวใช้ห้องข้างของผู้ใด เมื่อสาวใช้ของสุ่ยซื่อมาติดต่อนางเพื่อให้ตกแต่งให้กับหลี่เฉียงเป็นภรรยาเอกของเขา นางจึงได้รับปากทันที ทางด้านบิดามารดาของซูหว่านหนิง รวมทั้งน้องชายของนางต่างก็ไม่เห็นด้วยที่นางจะแต่งเข้าจวนตระกูลหาน ต่างเอ่ยปากห้ามนางและขอร้องนางทุกหนทาง แต่นางก็ไม่คิดจะหยุดฟังคำเตือนของพวกเขา แต่เมื่อแต่งเข้าไปนางถึงได้รู้ว่าหลี่เฉียงที่เป็นคุณชายใหญ่ทั้งยังมีใบหน้าชวนฝันมิได้สง่างามเช่นที่นางคิด วันๆ นอกจากดื่มสุรากับอยู่หอพนันเขาก็ไม่เคยคิดจะสนใจสิ่งใด นางทั้งใช้มารยายั่วยวน ทั้งใช้ความอ่อนหวานเข้าแรกเขาก็สนใจนางเพียงชั่วเวลาสั้นๆ เท่านั้น เพียงไม่นานเขาก็หันกลับไปหมกตัวอยู่ที่หอพนันตามเดิม หว่านหนิงที่เห็นหานเจิ้งน้องชายต่างมารดาของหลี่เฉียงเป็นถึงบัณฑิตสง่างาม นางเริ่มคิดจะเข้าหาน้องชายของหลี่เฉียงแทนตัวเขา เรื่องนี้นางสุ่ยซื่อล่วงรู้เข้า นางจะยอมให้บุตรชายของนางเสื่อมเสียได้อย่างไร จึงได้นำเรื่องไปบอกกล่าวหลี่เฉียง จนทั้งคู่มีปากเสียงกันเป็นประจำ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม