ในเมื่อจับไม่ได้คาหนังคาเขา มีหรือที่หว่านหนิงนางจะยอมรับความจริง นางได้กล่าวโทษสุ่ยซื่อที่กล่าวหานาง หลี่เฉียงที่เชื่อฟังคำสอนของมารดามีหรือที่เขาจะยอมให้หว่านหนิงเอ่ยตำหนิมารดาเลี้ยงของเขาได้
การทะเลาะของทั้งคู่ก็เริ่มรุนแรงขึ้นไม่น้อย นางสุ่ยซื่อก็เริ่มใส่ไฟเพิ่มขึ้น ทั้งยังรู้ว่านายท่านหานเริ่มจะไม่พอใจสองผัวเมียคู่นี้แล้ว นางจึงให้คนที่หอพนันนำสัญญาทวงเงินมาทวงที่จวนทันที
ทุกอย่างเป็นไปตามแผนของนางสุ่ยซื่อ ได้กำจัดลูกเลี้ยงไปให้พ้นทาง ทั้งยังกำจัดหว่านหนิงที่คิดจะยั่วยวนบุตรชายของตน ก่อนที่จะเกิดเรื่องงามหน้าขึ้น เพราะดูแล้วเหมือนว่าบุตรชายของนางก็คิดจะเล่นด้วย
ตอนที่ถูกส่งตัวมาอยู่ที่ไฉชง เงินที่มีมาพร้อมกับข้าวของมีค่าก็นับว่าทั้งสองจะมีชีวิตอยู่อย่างไม่ลำบาก ไหนจะที่นาที่เป็นสินเดิมของมารดาหลี่เฉียงที่มีเกือบห้าสิบหมู่ ไม่ทำเองปล่อยเช่าก็ยังได้เงินอยู่ไม่น้อย ก็นับว่านายท่านหานไม่ได้ใจร้ายกับทั้งสองมากนัก
แต่หลี่เฉียงกลับนำเงินทั้งหมดและของมีค่าของหว่านหนิงไปลงกับไหสุราและการพนัน ที่นาก็ไม่คิดจะทำ อาหารที่อยู่ในเรือนก็แทบไม่มีให้กินแล้ว จะไม่ให้นางคิดหนีไปจากเขาได้อย่างไร
นางอุตส่าห์ได้อยู่อย่างสุขสบายมีบ่าวไพร่ห้อมล้อมให้คอยเรียกใช้ พอมาอยู่กันสองคนนางก็ต้องทำเองทั้งหมด นางทนลำบากเช่นนี้ไม่ได้หรอก จึงต้องหาทางหนีกลับไปที่เมืองหลวง เพื่อกลับบ้านเดิมของนาง
หว่านหนิงนอนลืมตามองเพดานที่ดำด่าง เต็มไปด้วยหยากไย่ “แล้วจะทำยังไงดี” นางไม่ได้ร้องไห้สะอึกสะอื้น มีเพียงน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาคู่งามเท่านั้น
หลี่เฉียงที่เพิ่งกลับมาจากล้างตัว มองหว่านหนิงที่อยู่บนเตียงนิ่งงัน เขาเพิ่งจะเคยเห็นนางร้องไห้โดยไร้เสียงเป็นครั้งแรก นับจากแต่งนางเข้ามา ทุกครั้งนางจะโวยวาย กรีดร้อง ด่าทอเสียงดัง
เหมือนนางจะดูต่างแตกไปจากเดิม หรือว่าการที่นางตกเขาจะทำให้นางคิดได้ แล้วเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง
หว่านหนิงเห็นหลี่เฉียงเดินเข้ามาแล้ว นางเพียงปรายตาไปมองเขาเล็กน้อย แต่ไม่คิดที่จะเอ่ยถาม ความจริงหลี่เฉียงจากที่นางเห็นผ่านความทรงจำเดิมของเจ้าของร่างก็ดูน่าเห็นใจอยู่ไม่น้อย
ถูกเลี้ยงดูมาอย่างเสียคน สิ่งที่นางสุ่ยซื่อทำให้เขา เขามองว่ามันคือความรักที่ผู้เป็นมารดามอบให้มาตลอด ก็ไม่แปลกหากเขาจะต้องผิดหวังมากเพียงนี้
หลี่เฉียงเลิกสนใจหว่านหนิง เขาเดินเข้ามาเพื่อจะหาเสื้อผ้าเปลี่ยนและจะออกไปด้านนอกอีกครั้ง
“คุณจะไปไหน” หว่านหนิงร้องถาม เมื่อเห็นว่าเขาแต่งตัวจะออกไปด้านนอก
“ไปหอพนัน” เขายิ้มเยาะมองนาง ในเมื่อนางไม่เป็นอันใดมากเขาก็ไม่คิดเสียเวลามามองนาง
“คิดว่าสิ่งที่ทำอยู่ดีแล้วใช่ไหม” นางลุกขึ้นพิงหัวเตียงมองดูเขา
ถึงอย่างไรนางก็ต้องอยู่ในร่างของซูหว่านหนิง มีฐานะเป็นภรรยาของเขา หากเขายังคิดไม่ได้ที่จะต้องปรับปรุงตัว นางคงไม่จำเป็นต้องเสียเวลาเช่นกัน
“หึ เจ้าเป็นบ้าอันใดอีก ข้าก็ไม่ของข้าเช่นนี้อยู่ทุกวัน”
หว่านหนิงสูดลมหายใจเข้าออกเพื่อปรับอารมณ์โมโห ไม่ให้ลุกขึ้นไปทุบตีเขาเสียในตอนนี้
“หลี่เฉียง ฉะ...” หว่านหนิงกัดปากแน่น เพื่อที่จะพยายามใช้คำพูดให้เหมือนคนโบราณมากที่สุด “ขะ ข้า ไม่รู้ว่าท่านพบเจอเรื่องใดมา แต่หากท่านยังกลับไปใช้ชีวิตเช่นเดิม ท่านกับข้าก็ควรหย่าขาดกันเสีย ข้าอยากไปเริ่มชีวิตใหม่”
จะให้นางต้องมาทนอยู่กับบุรุษที่ไม่ทำการทำงาน เอาเงินไปทิ้งอยู่ในไหสุราและโรงพนันนางคงทำใจไม่ได้ อย่างมากก็เพียงแค่หาหนทางเอาตัวรอดให้ยุคโบราณให้ได้
“หึ ตอนแต่งก็เป็นเจ้าที่อยากจะแต่งให้ข้าจนเนื้อเต้น มายามนี้เจ้าคิดอยากจะได้หนังสือหย่าก็ฝันไปเถอะ” เขายิ้มเยาะนางก่อนจะหันหลังเดินออกไป
หว่านหนิงนางขาดสติยับยั้งชั่งใจทันที นางใช้แรงทั้งหมดประคองตัวให้ลุกตามเขาไป ก่อนจะมองหาไม้ที่อยู่ข้างเรือน กระหน่ำตีลงไปที่เนื้อตัวของเขา
“จะ เจ้า โอ๊ยยย หยุด โอ๊ยยย พอก่อนโอ๊ยยย” เขาร้องเสียงหลง เมื่อถูกไม้ฟาดลงมาที่แผ่นหลัง ขา ไม่หยุด
“หากท่านเดินอีกก้าว ข้าก็จะตีอีกที” ปากนางก็พูดด่า มือก็ยังไม่หยุดตี
แต่เพียงครู่เดียวไม้ในมือของหว่านหนิงก็หยุดชะงัก นางงอตัวหอบหายใจอย่างแรงด้วยความเหนื่อยหอบ
“เจ้า เจ้า กล้าตีข้ารึ” เขาหันมามองนางอย่างไม่เชื่อ
หว่านหนิงยกไม้ชี้ไปที่หน้าของเขา แล้วจ้องมองอย่างดุดัน “แล้วเห็นหรือไม่ว่าข้าก็ดีท่านไปแล้ว” เสียงของนางสั่นเพราะความเหนื่อยยังไม่หาย
“ข้าจะไป เจ้าจะห้ามได้รึ” หลี่เฉียงถลึงตามองนาง
หว่านหนิงนางจะคิดกลัวเขาได้อย่างไร ท่าทางของเขาเหมือนเด็กที่ยังไม่รู้จักโตกำลังโมโหนาง คิดแล้วก็น่าขัน นางสุ่ยซื่อเลี้ยงเขาออกมาได้อย่างที่ใจนางต้องการเลยทีเดียว
“ท่านก็ลองก้าวเท้าออกไปดู” นางเลิกคิ้วขึ้น
หลี่เฉียงกลืนน้ำลายลง เมื่อเห็นแววตาที่แข็งกร้าวของนาง และดูเหมือนว่านางจะทำอย่างที่พูดจริงด้วย หากเขาก้าวเท้าคงได้ถูกนางทุบตีอีกแน่
“กลับเข้าไปในเรือน!!!” นางตวาดออกมาเสียงดัง
หากไม่คิดจะหย่าให้นาง ก็ต้องทำตามที่นางบอก นางไม่ยอมทนอยู่ในสภาพเช่นนี้แน่
หลี่เฉียงสะดุ้งตกใจก่อนที่จะเร่งฝีเท้ากลับเข้าไปในเรือน
“เอาเงินออกมาทั้งหมดที่มี” ไม้ในมือของหว่านหนิงกระแทกลงที่โต๊ะกินข้าวที่หลี่เฉียงนั่งอยู่
มือของคลำสะเปะสะปะไปตามเสื้อผ้าอย่างลนลาน ก่อนจะดึงถุงเงินขึ้นมาวางบนโต๊ะ
หว่านหนิง ดึงถุงไปเปิดดู พร้อมทั้งเทออกมา มีเหรียญทองแดงอยู่เพียงไม่กี่เหรียญเท่านั้นที่หล่นอยู่บนโต๊ะ
จากความทรงจำเดิมนางจำได้ว่า นายท่านหานผู้เป็นบิดาของเขาให้เขามานับพันตำลึงเงิน แต่เงินตรงหน้ามีไม่ถึงยี่สิบเหรียญทองแดงเท่านั้น
นางขมวดคิ้วเพื่อทบทวนค่าเงินของในยุคนี้ หนึ่งเหรียญทองแดงมีค่าเท่ากับหนึ่งอิแปะ หนึ่งพันอิแปะถึงจะเป็นหนึ่งตำลึง
“ยะ ยี่สิบ อิแปะ” ใบหน้าของหว่านหนิงซีดขาว มองเงินตรงหน้าอย่างปวดใจ
มือที่กำไม้ของนางสั่นเทาไปด้วยโทสะ ก่อนจะทุบลงไปที่แผ่นหลังของหลี่เฉียงอีกสองที
“ท่านเหลือเงินเพียงเท่านี้รึ แล้วต่อไปจะทำเช่นไร” นางร้องถามเสียงดัง จนหลี่เฉียงต้องหดคอลง
เขาจะไปรู้ได้ไงว่าต่อไปจะทำยังไง ตอนที่อยู่หอพนันหากเป็นผู้เล่นย่อมมีข้าวทุกมื้อกิน เขาจึงไม่เคยอดเมื่ออยู่ในหอพนัน
“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรเล่า” เขาก้มหน้าลงเอ่ยออกมาเสียงเบา