1
สามีที่ร้าย
“อารู้แล้วล่ะว่าใครที่แจ้งจับพ่อของมุก”
“ใครคะอานพ?”
“ทุกอย่างมันผิดพลาดไปหมด มันไม่ควรเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก”
“อานพพูดมาเถอะค่ะว่าใครคือคนแจ้งจับ ทำไมอาต้องทำหน้าหนักใจแบบนั้นด้วย”
“อาสืบจากสัญญาณโทรศัพท์ที่โทร.แจ้งเข้ามา พบว่าสัญญาณอยู่ที่บริษัทฐลัชเอนจิเนียริง… บริษัทของสามีมุก”
“นี่… นี่คุณอากำลังจะบอกว่า…”
“ฟังเองเถอะ นี่เป็นคลิปเสียงที่แจ้งความเข้ามา” พันตำรวจโทนพพล สารวัตรสังกัดหน่วยสอบสวนกลางเลื่อนโทรศัพท์ไปตรงหน้าหลานสาว แล้วกดปุ่มเล่นคลิปเสียง
‘นายวิเลิศกำลังคุกคามชีวิตผม ผมมีหลักฐานว่าเขาเป็นรัฐมนตรีที่ทุจริตและล่วงละเมิดเด็กสาวอายุไม่ถึงสิบแปดปี ผมส่งหลักฐานไปแล้วเมื่ออาทิตย์ก่อน แต่ทำไมเรื่องยังเงียบ หรือต้องให้รอเป็นข่าว ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสื่อมเสียชื่อเสียงก่อนใช่ไหมถึงจะทำอะไร เลือกเอานะว่าจะให้คดีนี้เป็นผลงานของตำรวจหรือของประชาชนและสื่อ คิดดีๆ ถ้าพรุ่งนี้ยังไม่ดำเนินการอะไร ผมจะส่งเรื่องนี้ให้สื่อแฉ’
คลิปเสียงจบลงเท่านั้น แก้วมุกดาน้ำตาไหลครั้งแล้วครั้งเล่า รู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบรัดด้วยแรงมหาศาล เมื่อสัปดาห์ก่อนเธอเพิ่งสูญเสียมารดาให้กับมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน ไว้ทุกข์ได้ไม่เท่าไร บิดาบังเกิดเกล้าผู้เป็นถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมก็ถูกจับกุมด้วยข้อหาทุจริตโครงการรัฐ พ่วงด้วยข้อหาพรากผู้เยาว์ แก้วมุกดาใจสลายราวกับยืนเดียวดายท่ามกลางกำแพงดำมืดที่ล้อมหน้าล้อมหลัง
“เป็นเสียงของสามีมุกใช่ไหม” นพพลผู้มีศักดิ์เป็นอาถาม พลางแตะมือหนักบนไหล่บางที่สั่นสะท้าน
“ค่ะ เป็นเสียงพี่ซัน แต่… แต่มุกไม่เชื่อว่าเขาจะแจ้งจับพ่อมุก” เธออยากแก้ต่างให้สามีที่เพิ่งแต่งงานกันได้สามเดือน และตลอดทั้งชีวิตนี้ทั้งคู่ก็รู้จักกันเพียงสามเดือนเท่านั้น
แม้แก้วมุกดาไม่อยากเชื่อว่าเขาจะเกลียดชังพ่อเธอถึงขั้นแจ้งจับกุม แต่ลึกลงไปในความรู้สึกก็ไม่ได้มีความไว้เนื้อเชื่อใจในตัวเขามากนัก เธอและสามีต่างเป็นคนแปลกหน้าต่อกันมาทั้งชีวิต อยู่มาวันหนึ่งก็ถูกจับคลุมถุงชนด้วยผลประโยชน์ที่ซ้อนอยู่เบื้องหลัง ตลอดเวลาที่ร่วมพันธะชีวิตคู่ พันแสงผู้เป็นสามีแสดงออกให้แก้วมุกดาเห็นอยู่บ่อยครั้งว่าเขาไม่ค่อยปลื้มพฤติกรรมคดโกงของบิดาเธอนัก
“พ่อเราอุตส่าห์ไว้ใจยกลูกสาวให้เขาดูแล แต่พอได้โครงการประมูลไปสมใจก็หักหลังและแว้งกัดอย่างร้ายกาจ”
“แต่เขาจะทำแบบนั้นไปทำไมคะอา ในเมื่อมุก… มุกเป็นภรรยาของเขา ถือเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเขาไปแล้ว การที่แจ้งจับพ่อมุกจนกลายเป็นข่าวใหญ่ระดับประเทศก็ย่อมเสื่อมเสียมาถึงตระกูลของพี่ซันด้วย เขาจะทำให้ตัวเองแปดเปื้อนทำไมคะอานพ”
“ก็เพื่อหาข้ออ้างกำจัดเราล่ะมั้ง ในเมื่อหลานมีมลทินแล้ว เป็นลูกสาวของรัฐมนตรีชั่ว จากนี้ไปเขาก็หาทางกลั่นแกล้งและทำให้มุกยอมหย่า อาว่าแล้วเชียวว่าการแต่งงานที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์ แถมยังไม่มีความรักของหนุ่มสาวมาเกี่ยวข้อง สักวันมันต้องลงเอยแบบนี้ อาไม่เคยเห็นด้วยกับพี่ชายที่บังคับมุกให้แต่งงานกับพันแสง เด็กสองคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่จู่ๆ จะให้เป็นสามีภรรยากัน พี่อาก็เหลือเกิน ไม่รู้ว่าตอนนั้นคิดอะไรอยู่ถึงได้ยื่นข้อเสนอว่าหากทางนั้นยกลูกชายให้แต่งงานกับแก้วมุกดา เขาจะช่วยให้ฐลัชนันท์ชนะประมูล”
“...”
“เขายกลูกสาวให้อยู่ในมือฐลัชนันท์แล้ว แต่มาแว้งกัดแบบนี้ได้ยังไง”
“คุณอาตรวจสอบหรือยังคะว่าเสียงนี้ผ่านการดัดแปลงมาหรือเปล่า”
“ยัง อาได้ไฟล์เสียงมาพอเปิดฟังก็ตกใจมาก เลยต้องรีบมาคุยกับหนู อาอยากให้มุกออกมาจากบ้านหลังนั้นเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ถึงยังฟันธงไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าพันแสงเป็นคนแจ้งจับจริงไหม แต่อารู้สึกไม่ไว้ใจสถานการณ์เลย”
“เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีไปไกลมากนะคะอานพ เอไอปลอมแปลงได้แนบเนียนจนน่าตกใจ”
ชายผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาทุกสนามจ้องหน้าหลานสาวที่ดวงตาล่อกแล่กและเจ็บปวด “นี่อย่าบอกนะว่ามุกรักเขา มุกรักสามีแปลกหน้าคนนั้นเหรอ คนที่เพิ่งรู้จักกันได้สามเดือน คนที่แต่งงานกันเพราะผลประโยชน์ ตอนนั้นมุกไม่ได้อยากแต่งเลยนะ แล้วนี่ผ่านไปแค่สามเดือนแต่มุกหวั่นไหวถึงขนาดนี้แล้วเหรอ”
“อานพ… ฮึกๆ” ไหล่มนสั่นไหว หยดน้ำตาร่วงไหลบนหลังมือที่กุมแน่นบนตัก
นพพลสุดสงสารหลานสาว เธอเพิ่งเรียนจบปริญญาตรี อายุเพียงยี่สิบเอ็ดปีแต่ต้องมาแบกรับความหวังของบ้าน ไม่ได้แต่งงานเพราะครอบครัวถังแตกแต่อย่างใด แต่แก้วมุกดาทำเพื่อมารดาที่ป่วยระยะสุดท้าย
“ไม่เป็นไรนะหลาน เข้มแข็งนะ ถึงยังไงอากับอารพีก็ไม่ทิ้งมุกแน่”
“อานพพอจะรู้ไหมคะว่าพ่อของมุกกับครอบครัวของสามีมุกเขาเคยมีเรื่องอะไรกันมาก่อน มุกงงไปหมด ไม่มีความเข้าใจอะไรเลย ถ้าเกิดว่าพวกเขาไม่ชอบกันแล้วจะให้เกี่ยวดองด้วยการแต่งงานทำไม พ่อไปทำอะไรให้ฐลัชนันท์โกรธหรือเปล่าคะ มันดูไม่มีเหตุผลที่น่าเชื่อในเมื่อสองครอบครัวเอื้อประโยชน์กันอยู่ แล้วทำไมต้องมาทำร้ายกันด้วย”
“อาก็ไม่แน่ใจนะว่านี่ใช่ประเด็นที่ทำให้หมางใจกันหรือเปล่า อารู้แค่ว่ามีหลายโครงการประมูลที่พ่อสามีของมุกมาขอให้พี่วิเลิศช่วย โดยอาศัยมิตรภาพความเป็นเพื่อนที่คบหากันมาตั้งแต่สมัยเรียน อาว่าตามนิสัยพ่อเราก็คงมีเรียกเงินใต้โต๊ะบ้างล่ะ แต่พ่อสามีมุกอาจจะไม่ยอมให้ อันนี้อาเดาเอาจากที่พี่วิเลิศชอบมาเล่าให้ฟังว่าพ่อสามีมุกรวยล้นฟ้าแต่ขี้เหนียว จ่ายค่าน้ำชาช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ก็ไม่ได้ เอาจริงๆ ถ้าเป็นแบบนี้ก็แสดงว่านายภาณุพ่อสามีของมุกเป็นคนดีไม่ใช่เหรอ
เท่าที่พ่อเราเล่าให้ฟัง อารู้มาว่าพ่อเราเขาไม่ค่อยช่วยให้ภาณุชนะประมูล แต่อยู่ๆ วันหนึ่งพี่วิเลิศก็โพล่งขึ้นตอนเมาว่าหากภาณุยกลูกชายคนโตให้แต่งกับแก้วมุกดา เขาจะใช้อำนาจรัฐมนตรีช่วยให้ภาณุได้ในสิ่งที่ต้องการ ก็ไม่แน่นะว่าการที่พี่วิเลิศปฏิเสธช่วยเหลือภาณุมาตลอด อาจทำให้ภาณุได้แต่เก็บความไม่พอใจเอาไว้”
“ก็ไม่รู้สิคะ ในความเป็นเพื่อนของคุณพ่อและคุณภาณุมันอาจมีอะไรมากกว่านั้น”
“เราก็ยังทำนายอะไรไม่ได้ ตอนนี้แค่ต้องสู้คดีให้พ่อเราก่อน อารู้ดีว่าพี่ชายอาเขาไม่ใช่คนดีอะไร เรื่องทุจริตน่ะยอมรับ แต่เรื่องพรากผู้เยาว์นี่ยังไงก็ไม่น่าเชื่อ เด็กสาวผู้เสียหายคนนั้นเล่นใหญ่มากนะ สะอึกสะอื้นให้การกับตำรวจ แต่ปกปิดหน้าตาตลอด” ซึ่งนพพลก็เข้าใจในความเป็นผู้เยาว์ว่าต้องปิดบังตัวตนไม่ให้กลายเป็นปมในอนาคต แต่พอตำรวจขอข้อมูลเพิ่มเติม เธอก็เอาแต่เล่าเรื่องเดิมซ้ำๆ ราวกับเป็นบทพูดที่ท่องเตรียมมาแล้ว
“มุกก็ไม่เชื่อเหมือนกันว่าพ่อจะทำแบบนั้น พ่อเพิ่งเสียคุณแม่ไปแค่อาทิตย์เดียว ที่ผ่านมาพ่อก็ไม่ใช่คนเจ้าชู้หรือมีผู้หญิงในฮาเร็ม เขาเล่นการเมืองย่อมต้องระวังเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ คุณอาคิดว่าเป็นไปได้ไหมคะว่าคุณพ่อโดนใส่ร้าย”
“ก็เป็นไปได้นะ ถึงขั้นจ้างคนมาเล่นบทเหยื่อถูกกระทำแปลว่าต้องมีกำลังทรัพย์พอสมควร เอาเป็นว่าตอนนี้มุกย้ายออกมาจากบ้านสามีก่อน ระวังตัวไว้น่ะดีที่สุดแล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะใช่คนที่แจ้งจับพ่อเราหรือไม่ แต่ยังไงก็ถือว่ามีพิรุธที่ชวนสงสัยอยู่ดี”
****