สามีตามกฎหมาย

1896 คำ
10 สามีตามกฎหมาย แปดปีผ่านไป พันแสงปฏิบัติตามเงื่อนไขเหล็กของนพพลได้อย่างครบถ้วนทุกประการ เรื่องปิดหัวใจไม่เอาใครมาแทนที่แก้วมุกดา พันแสงสามารถทำได้โดยไม่รู้สึกทรมาน แต่เรื่องที่อึดอัดจนบางครั้งคับอกคับใจทนไม่ไหวคือการไม่ได้เห็นหน้าภรรยา แม้กระทั่งน้ำเสียงหรือภาพถ่ายสักใบก็ไม่ผ่านมาเข้าหูเข้าตเขาเลย ข้อมูลที่พันแสงทราบคือแก้วมุกดาสุขสบายดี เธอได้สติหลังจากนอนเป็นเจ้าหญิงนิทรามาสามเดือน สภาพร่างกายเป็นปกติทั้งภายนอกและภายใน ไม่มีส่วนใดที่พิการ ที่สำคัญแก้วมุกดาได้ศึกษาต่อปริญญาโทในหลักสูตรวิศวกรรมการเงินอย่างที่เธอเคยฝัน พันแสงรับรู้ทุกเรื่องราวผ่านการบอกเล่าของนพพลและรพี ซึ่งพวกเขาไม่ยอมแย้มพรายให้รู้ว่าแก้วมุกดาใช้ชีวิตอยู่ประเทศใด นพพลขู่กร้าวทุกครั้งว่าหากพันแสงสืบเสาะตามหา เขาจะไม่ให้เจอแก้วมุกดาอีกเลยตลอดทั้งชาติ ถึงจะตั้งกฎโหดร้ายไปบ้าง แต่อย่างน้อยก็ยังดีที่นพพลยอมส่งมอบจดหมายของเขาให้แก้วมุกดาทุกสัปดาห์ แม้ไม่มีการตอบกลับเลยสักฉบับ แต่อย่างน้อยรู้ว่าปลายทางได้รับก็อุ่นใจแล้ว “แปดปีมานี้มุกไม่ได้มีผู้ชายคนอื่นใช่ไหมครับคุณอา” เป็นคำถามครั้งที่พันที่พันแสงยกมาถามทุกครั้งที่มาพบปะนพพลและรพีที่บ้านของพวกเขา แม้อีกฝ่ายทำหน้าหน่ายระอาและเฉไฉตอบไม่ตรงคำถาม กระนั้นพันแสงก็ไม่ท้อเอาคำตอบ “ไม่รู้สิ มันเป็นสิทธิ์ของหลาน จะถามเรื่องนี้ไปถึงไหน เจอหน้าทีไรก็ถามถึงแต่ว่ามุกมีแฟนหรือยัง มีใครมาจีบไหม อย่าลืมว่าคุณไม่มีสิทธิ์อะไรแล้ว” นายตำรวจวัยเกษียณชักสีหน้าฉุนใส่ แปดปีผ่านไปพันแสงทำตามเงื่อนไขของเขาได้ดี เสียตรงน่ารำคาญที่แวะเวียนมาเยี่ยมอยู่บ่อยครั้ง ใช้ความหน้าด้านหวังให้เขาและภรรยามองเห็นถึงความเสมอต้นเสมอปลาย จนรพีเริ่มใจอ่อนให้นายหลานเขยเถื่อนนี้เข้าไปทุกที “ไม่มีสิทธิ์ได้ยังไงครับ ผมยังเป็นสามีตามกฎหมาย ทะเบียนสมรสก็ยังอยู่ ถ้ามุกดามีคนอื่นผมสามารถเอาเรื่องได้นะ” “กล้าเอาเรื่องเหรอ!” เสียงโหดถามตามด้วยการคำรามฮึ่มฮั่มในลำคอ “ไม่กล้าหรอกครับ แต่ให้พูดกันตามจริงมันเป็นสิทธิ์ที่ผมจำเป็นต้องรักษานี่ครับ คงไม่แฟร์มั้งถ้าให้ผมรอเธออย่างซื่อสัตย์อยู่ฝ่ายเดียว” “อย่ามาเรียกร้อง ความผิดของคุณในอดีตมีมากมายแค่ไหนลองตรองดูบ้างซิ” “แปดปีมานี้ที่ผมทำตามเงื่อนไขของคุณอาอย่างไม่วอกแวก ไม่ได้ทำให้คุณอาใจอ่อนและให้อภัยได้เลยเหรอครับ แล้วมุกดาล่ะครับเธอหายโกรธผมบ้างหรือยัง” “มุกไม่ได้โกรธ” “จริงเหรอครับ” “แต่เกลียดเลย เกลียดแบบฝังเข้ากระดุกดำ” นพพลแค่นเสียงขำใส่คนที่หุบยิ้มลงฉับพลัน “คุณนพนี่ก็นะ เลิกดุคุณซันแล้วไปพักผ่อนได้สักทีเถอะค่ะ เห็นเมื่อกี้เอาแต่บ่นว่าปวดเข่า” รพีนั่งฟังสองหนุ่มคุยกันอยู่นานก็ชักเริ่มปวดหัวกับสามี ตลอดแปดปีมานี้เขาดุพันแสงได้ไม่เคยเบื่อเลยสักครั้ง ในขณะที่รพีแม้ความขุ่นเคืองยังมีอยู่ แต่เริ่มเจือจางตามกาลเวลา เพราะความจริงใจที่เสมอต้นเสมอปลายของชายหนุ่ม ตลอดทุกสุดสัปดาห์พันแสงเป็นต้องมาขอร่วมโต๊ะรับประทานมื้อเย็น ของฝากทั้งของกินและของใช้ก็นำมาให้ไม่เคยขาด พันแสงแสดงให้เธอและสามีรับรู้ว่าเขาเฝ้ารอแก้วมุกดาอยู่ทุกลมหายใจ เธอก็อยากกลั่นแกล้งให้สาสมกับสิ่งที่เขาเคยทำกับหลานรัก แต่บางครั้งก็เกิดเอ็นดูปนสงสาร หากผลักทุกกำแพงอคติออกไป พันแสงถือได้ว่าเป็นผู้ชายที่ดีและจริงใจคนหนึ่งเลย “ไม่ให้ดุได้ยังไง ก็ชอบเสนอหน้ามาให้ด่าตลอด” “ไม่เป็นไรครับคุณอารพี ดุด่าว่ากล่าวตามสมควรได้เลยครับ ผมขอแค่ได้เจอมุกดา ได้ทราบข่าวคราวของเธอเรื่อยๆ ซึ่งตอนนี้ก็ผ่านมาถึงแปดปีแล้ว บอกให้ผมรู้สักนิดไม่ได้เหรอครับว่ามุกดาอยู่ประเทศไหน เป็นคำใบ้ก็ได้ เช่น ดินแดนแห่งใบเมเปิ้ล หรือเมืองน้ำหอม อะไรทำนองนี้น่ะครับ” “เซ้าซี้น่ารำคาญจริงๆ อยากได้ใบหย่านักใช่ไหมเดี๋ยวจะรีบดำเนินการให้” นพพลหรี่ตามองชายหนุ่มที่ยิ้มแหยส่ายหน้า “ไม่เอาครับคุณอา นั่นเป็นสิ่งหนึ่งในชีวิตที่ผมไม่อยากได้เลยสักนิด ผมรักมุกดาจริงๆ นะครับ” “ได้ยินบ่อยจนเบื่อ” นพพลเหยียดริมฝีปากเป็นเส้นตรง ก่อนลุกขึ้นยืนโดยใช้ไม้เท้าพยุงค้ำ “แก้วมุกดาก็เปรียบเหมือนลูกสาวของผม ฉะนั้นจำเอาไว้ว่าคุณจะได้เจอหรือไม่ได้เจอหลานผม จะได้ลงเอยกันหรือไม่ก็ขึ้นอยู่ที่ผมคนเดียว” นพพลกล่าวจบก็ใช้ไม้เท้าพยุงกลับเข้าห้องของตนที่อยู่ชั้นล่างห่างจากห้องนั่งเล่นไม่กี่ก้าว รพีมองตามกระทั่งแผ่นหลังสามีหายลับเข้าไปด้านในแล้ว นพพลในวัยสูงอายุกลายเป็นผู้ป่วยข้อเข่าอักเสบ ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ดังนั้นจึงตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม “ว่าแต่คุณอานพจะผ่าตัดเข่าเมื่อไหร่เหรอครับ” “อีกสามวันจ้ะ” “ขอให้การผ่าตัดราบรื่นนะครับ” เทียวไปมาหาสู่กันทุกสัปดาห์พันแสงยอมรับว่าความผูกพันก็มากขึ้นตามกาลเวลา จากเดิมที่อยากให้พวกเขาเห็นถึงความจริงใจที่มีต่อแก้วมุกดา กลายเป็นเคารพรักและห่วงใยประหนึ่งญาติผู้ใหญ่ของตนอีกคน ในขณะที่ความสัมพันธ์ของเขากับทางบ้านกลายเป็นห่างเหินเมินหน้าแทน “ขอบคุณค่ะ ว่าแต่คุณซันเถอะหมั่นมาเจอหน้ากันแบบนี้ไม่เบื่อบ้างเหรอคะ คิดบ้างไหมว่ามันอาจเป็นความพยายามที่เหนื่อยเปล่า เวลาเดินไปข้างหน้าและพรากทุกโอกาสจากไป วัยหนุ่มที่เต็มไปหลายสิ่งหลายอย่างให้ตักตวงก็พลอยหายตามไปด้วย คุณไม่เสียดายเวลา ไม่เสียดายผู้หญิงที่อาจเข้ามาให้ใจเต้นบ้างเหรอคะ” “คนเดียวที่ทำผมใจเต้นได้คือหลานสาวของคุณอาครับ” “คุณรอได้ยังไงทั้งที่เปอร์เซ็นต์สูญเปล่ามีมากกว่า” “ไม่ครับคุณอา ผมเชื่อว่าผมจะได้เจอเธออย่างแน่นนอน เชื่ออย่างแรงกล้าว่าผมจะได้รับการให้อภัยจากเธอ ต่อให้ต้องใช้เวลาทั้งชีวิตผมก็สู้ ต่อให้สุดท้ายแล้วมันสูญเปล่าก็จะถือซะว่าเป็นการชดใช้ความผิดให้เธอ” “ฉันเชื่อแล้วก็ได้ค่ะว่าคุณรักหลานสาวฉันจริงๆ” ผู้ชายคนนี้ทำได้อย่างไรที่สามารถหล่อเลี้ยงหัวใจให้มั่นคงทั้งที่ไม่ได้พบเจอหรือได้ยินเสียง ความรักของผู้ชายคนนี้ไม่ร่อยหรอตามกาลเวลาเลยหรือ? “ขอบคุณนะครับที่คุณอามองเห็นความจริงใจของผม” อย่างน้อยความพยายามเข้าทางผู้ใหญ่ของเขาก็นับว่าประสบความสำเร็จ กำแพงใจของนพพลอาจทะลุเข้าไปยากสักหน่อย แต่พันแสงเชื่อว่าไม่เกินความสามารถของตนแน่ “อีกไม่นานแก้วมุกดาจะกลับมา” รพีกระซิบเสียงเบาพลางเหล่ไปมองห้องของสามีที่ไม่ได้ปิดประตูไว้ “จริงเหรอครับคุณอา เมื่อไหร่ครับ” พันแสงตื่นเต้น เพียงข่าวกระซิบก็ทำเขาใจเต้นแรง แววตาเป็นประกายด้วยความหวัง “บอกได้แค่ว่าไม่นานเกินรอหรอก แต่ฉันจะไม่ยุ่ง ไม่จัดแจงให้คุณได้เจอกับหลานฉัน พูดง่ายๆ คือไม่ทำอะไรสักอย่าง ปล่อยให้เป็นเรื่องของพรหมลิขิต ถ้ายังมีวาสนาต่อกันถึงอย่างไรก็จะได้เจอกันอีกแน่นอน” “ไม่เป็นไรครับ แต่ก่อนแต่ไรผมก็ไม่เคยศรัทธาในความรัก ไม่เคยเชื่อว่าพรหมลิขิตมีจริง กระทั่งวันหนึ่งผมตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งทั้งที่ไม่รู้เลยว่าเธอคือว่าที่ภรรยาที่ผมค้านหัวชนฝาว่าจะไม่แต่งงานด้วย ดังนั้นสำหรับผมเลยเชื่อว่าพรหมลิขิตมีจริง” “แต่มันไม่ง่ายหรอกนะ” “หมายความถึงอะไรครับ” พันแสงสะดุดใจกับแววตาที่ราวกับเก็บซ่อนความนัยไว้ “มีหลายอย่างที่คุณต้องเตรียมใจ จากกันไปก็หลายปีแล้ว มันย่อมมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้น” “คุณอาพูดแบบนี้ผมก็ชักรู้สึกไม่ดี อะไรๆ ผมก็คงยอมได้ แต่ยกเว้นเรื่องเดียวคือการที่แก้วมุกดามีผู้ชายคนอื่น ทะเบียนสมรสยังผูกมัดเราทั้งคู่ไว้อยู่ ถึงยังไงผมก็ไม่ยอมแน่” “แล้วถ้ายัยมุกขอหย่า” “ข้ามศพผมไปก่อนถึงจะได้ใบหย่า” “คุณนี่มันแน่จริงๆ เลยนะ เอาเป็นว่าเตรียมตัวเตรียมใจไว้ล่ะกัน เวลาแปดปีทุกสิ่งเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไป ฉันบอกได้แค่ว่าอุปสรรคของคุณไม่ง่ายที่จะฝ่าฟัน ฉันกับคุณนพพลถือเป็นด่านเคราะห์สถานเบาที่สุดแล้ว” พันแสงร้อนๆ หนาวๆ กับคำเตือนแกมขู่ของสตรีตรงหน้า แต่ความรู้สึกอื่นใดไม่สำคัญเท่ากับดีใจที่ใกล้จะได้เจอภรรยา รพีพูดมาเสียขนาดนี้พันแสงคิดว่าถึงอย่างไรก็จะได้เจอกันแน่นอน “ไม่กลัวครับ ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม แต่ใบทะเบียนสมรสของผมกับแก้วมุกดาเคลือบทองฝังเพชร ต่อให้กรรไกรจะคมแค่ไหนก็ไม่มีทางตัดขาด” “ฉันชอบความมุ่งมั่นของคุณนะคะ เอาเป็นว่าฉันเอาใจช่วย” “วันนี้หัวใจผมเหมือนได้น้ำทิพย์เติมเต็มเลยครับคุณอา ข่าวของคุณอาดีต่อความรู้สึกผมมากๆ เหมือนกับว่าความพยายามที่ผ่านมามีความสำเร็จรออยู่ที่ปลายทาง เห็นทีผมต้องรีบไปปัดกวาดบ้านไว้รอมุกดาแล้ว” “หมายถึงบ้านหลังนั้นที่คุณบอกว่าซื้อไว้รอยัยมุกน่ะเหรอ” “ใช่ครับ” พันแสงรอคอยอย่างมีความหวังมาตลอดหลายปีที่ร้างราจากภรรยา เขาสร้างบ้านใหม่ในพื้นที่ที่อยู่ห่างจากบ้านของนพพลเพียงสองกิโลเมตร พันแสงตั้งใจไว้ว่าอยากให้ภรรยาได้อยู่ใกล้กับญาติของตน มูลค่าบ้านหลังจากสร้างเสร็จอยู่ที่ราวสามสิบล้าน ตกแต่งพร้อมเข้าอยู่มาตั้งแต่สามปีที่แล้ว จุดเด่นของบ้านไม่ใช่ที่ดีไซน์หรือมีมูลค่าสูง แต่เป็นต้นแก้วมุกดาที่ปลูกไว้รอบตัวบ้าน พันแสงเนรมิตวิมานหลังนั้นขึ้นมาด้วยความเชื่อว่าเขาและเธอจะกลับมาอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังนั้นตลอดไป ต่อให้ใครไม่มีความหวังกับความรักของเขา แต่เขายังเชื่อเสมอว่า ณ ที่แห่งหนึ่งจะมีแก้วมุกดารออยู่ พันแสงต้องได้เจอเธอ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม