11
สิ้นสุดการรอคอย
วันแล้ววันเล่า ชีวิตพันแสงดำเนินไปด้วยกิจวัตรที่มีแต่งานเป็นส่วนใหญ่ เมื่อเสร็จสิ้นภาระที่บริษัทก็ตรงดิ่งกลับเพนต์เฮ้าส์ทันที หรือไม่ก็ไปนอนบ้านหลังใหม่ที่สร้างไว้รอแก้วมุกดา ส่วนคฤหาสน์ของพ่อแม่พันแสงแทบไม่ได้เข้าไปเหยียบเลยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
กระทั่งระยะหลังมานี้ที่ภาณุป่วยกระเสาะกระแสะ จากคนแข็งแรงไม่มีโรคภัยกลายเป็นซูบซีด ไอบ่อย และล่าสุดเพิ่งตรวจสอบการทำงานของไตที่ผิดปกติ พันแสงยังโกรธเคืองบิดาเสมอมาตั้งแต่แก้วมุกดาจากไป จริงอยู่ที่ตนเป็นต้นเหตุให้ภรรยาของเรื่อง แต่เขาก็อดโกรธบิดาไม่ได้ที่ด้อยค่าแก้วมุกดา ทว่าพอถึงคราวเจ็บไข้ได้ป่วยเช่นนี้ตนก็ไม่อาจทำใจดำได้ แม้พักหลังไปเยี่ยมเยือนบ่อยแต่ความสัมพันธ์ก็ยังห่างเหินดังเดิม
“เสร็จงานซะที ผมกลับไปพักแล้วนะ ไม่เข้าบริษัทแล้ว” พันแสงกระซิบกับเลขาฯ หนุ่มวัยสามสิบปีที่ตามมาร่วมงานประกาศรางวัลทางธุรกิจ พันแสงไม่ได้มีรายชื่อเข้าชิง แต่ได้รับเชิญมาเป็นผู้มอบรางวัลในฐานะนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
“ครับท่านประธาน” เจนภพรับคำพลางเดินตามเจ้านายออกไปจากห้องจัดงานภายในโรงแรมห้าดาว
พันแสงแวะลาคนรู้จักตามมารยาทเสร็จแล้วก็เดินลิ่วตรงไปยังลานจอดรถ พลางปากก็เอ่ยสั่งงานกับเลขาฯ ทว่ากลับไม่มีเสียงเออออตอบรับ
“ผมถามว่าพรุ่งนี้ผมไม่เข้าบริษัทได้ไหม พรุ่งนี้ไม่มีงานด่วนใช่ไหม” พันแสงทวนคำถามหนที่สอง ซึ่งก็ไร้เสียงตอบรับจากเลขาฯ ที่ร่วมงานกันมากว่าห้าปี ประธานหนุ่มหยุดเดินและหมุนตัวกลับไปเอาความกับเจนภพที่ทิ้งห่างจากเขาราวสองเมตร ทำคอยืดคอยาวเหมือนกำลังชะเง้อหาใครบางคน
“คุณเจนนี่!”
“คะ ขา คะ ครับ” เจนภพตกใจกับเสียงเรียกที่ดังกว่าระดับปกติของเจ้านาย ชายหนุ่มยิ้มแหยอย่างมีจริตเอียงอาย เจนภพชัดเจนในความ LGBTQ มาตั้งแต่วันแรกที่มาสัมภาษณ์งาน และพันแสงก็พิจารณาที่ความสามารถอย่างไม่มีอคติ เจนภพมีชื่อเล่นว่าเจน แต่พันแสงได้ยินเลขาฯ มักแทนตัวเองกับเพื่อนร่วมงานว่าเจนนี่
“คุณมัวเหม่ออะไร มองหาใครอยู่เหรอ ผมพูดกับคุณสองครั้งแล้วนะ”
“คือเจนเหมือนเห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอะครับ”
“งั้นก็ไปทักเพื่อนคุณซะ งานผมวันนี้หมดแล้ว จริงๆ วันนี้คุณไม่ต้องตามผมมาก็ได้ แล้วพรุ่งนี้น่ะไม่มีเรื่องสำคัญอะไรใช่ไหม ผมอาจจะไม่เข้าบริษัท”
“พรุ่งนี้ไม่มีนัดหมายครับท่านประธาน”
“ดี งั้นคุณก็ไปหาเพื่อนเถอะ ผมว่าจะขับรถกลับเอง ส่วนนี่ค่าแท็กซี่ของคุณกับคนขับรถนะ” พันแสงควักแบงค์เทาสามใบยื่นให้เลขาฯ ที่รับไว้อย่างงุนงง เขาและท่านประธานฯ เดินทางมาร่วมงานประกาศรางวัลด้วยรถของทางบริษัท พอขากลับเจ้านายก็เกิดอินดี้อยากขับเองขึ้นมา
“เอ่อเดี๋ยวครับท่านประธานฯ”
“มีอะไรอีก” พันแสงหมุนตัวได้ครึ่งก้าวก็หันกลับมาใหม่
“คือตะกี้ที่เจนมัวแต่เหม่อ เจนไม่ได้เจอเพื่อนของเจนค่ะ แต่เจนคิดว่า เอ่อ…”
“มีอะไรก็พูดมา มัวแต่ยึกๆ ยักๆ คุณกลัวอะไร”
“เอ่อ คือ ตะกี้เหมือนผมเห็นภรรยาท่านประธานฯ เลยครับ”
จากดวงตาเจือหน่ายเมื่อครู่กลายเป็นขยายกว้างอย่างสนใจ เขาเหมือนคนที่ยังไม่ตื่นมาตั้งแต่เช้า ทว่าตอนนี้รู้สึกราวกับโดนสาดด้วยเอสเปรสโซสิบแก้ว
“ว่าไงนะ”
“นู่นนะครับ ท่านประธานฯ เห็นไหมครับ ผู้หญิงที่ใส่ชุดสีขาวยืนอยู่ข้างผู้ชายที่ใส่สูทสีน้ำเงินตรงข้างเสานั้นน่ะครับ”
พันแสงรีบก้าวมาอยู่ข้างเจนภพ ชะเง้อสายตาตามนิ้วเรียวที่ชี้ออกไป หญิงสาวร่างระหงในชุดกระโปรงเสมอเข่าสีขาวกำลังยืนคุยกับผู้ชายคนหนึ่งที่ช่วงตัวสูงใหญ่กำลังบังใบหน้าเธออยู่ พันแสงเบี่ยงปลายเท้าหามุมเพื่อให้เห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นได้ชัด และเขาก็ได้คำตอบที่ประจักษ์ชัดแก่สายตาเมื่อชายหนุ่มคนนั้นยกโทรศัพท์แนบหู โบกมือลาหญิงสาวแล้วเดินแยกออกไปอีกทาง
“มุกดา!”
หัวใจรัวแรงสั่นไหว เสียงเรียกเต็มไปด้วยความตกใจ แต่ดังแค่ตนเท่านั้นที่ได้ยิน พันแสงไม่เสียเวลามัวอึ้ง สองเท้ารีบจ้ำตามหญิงสาวที่กำลังเดินลิ่วออกไปจากโรงแรม เจนภพเพียงแค่ซะเง้อตามเจ้านายพร้อมเอาใจช่วย เขาเข้ามาทำงานหลังจากที่เจ้านายร้างราจากภรรยา แต่เหตุที่จำหน้าได้ชัดเจนเพราะพันแสงตั้งรูปภรรยาไว้บนโต๊ะทำงานที่ออฟฟิศ
“ได้เจอกันสักทีนะ ขอให้สมหวังนะท่านประธานฯ” เจนภพรู้สึกตื้นตัน ดีใจแทนเจ้านายจนน้ำรื้นที่หางตา การรอคอยอย่างซื่อสัตย์เปี่ยมความหวังของท่านประธานฯ ในที่สุดก็ถึงเวลาสิ้นสุดเสียที
พันแสงอยากตะโกนเรียกหญิงสาวแทบขาดใจ แต่ราวกับหาเส้นเสียงไม่เจอ คล้ายว่าความตื่นเต้นกลืนกินคำพูดหายไปสิ้น
“โอ๊ะ!” ทั้งเธอและเขาอุทานพร้อมกันอย่างตกใจ อยู่ๆ เธอก็หยุดเดินกะทันหัน เขาที่สาวเท้าตามมาติดๆ จึงชนแผ่นหลังเข้าอย่างจัง สองมือหนาคว้าบ่าบอบบางไว้ก่อนที่หญิงสาวจะหน้าคะมำ
“มุกดาจริงๆ ด้วย แก้วมุกดาของพี่” พันแสงทันได้เห็นแววตื่นในดวงตาที่คุ้นเคยก่อนเธอจะสะบัดตัวเองจากการเกาะกุมของเขา
“คุณเป็นใครคะ อยู่ๆ ก็มาชนฉันแล้วไม่ขอโทษสักคำ และนี่รู้จักฉันด้วยเหรอคะ”
“มุก…” ดวงตาแกมฉุนและว่างเปล่าคู่นั้นหมายความว่าอย่างไร “พี่ขอโทษ พี่รู้ว่ามุกโกรธเกลียดพี่มาตลอด แต่อย่าทำเป็นไม่รู้จักกันเลยนะครับ”
“หน้าตาก็ดีแต่ท่าจะบ้า” หญิงสาวพึมพำและรีบก้าวถอยห่าง หันรีหันขวางหวังหาตัวช่วย เธอเพียงแวะมาแสดงความยินดีกับเพื่อนที่ได้รับรางวัลในงานประกาศรางวัลทางธุรกิจ ซึ่งเพิ่งมาได้ไม่กี่นาทีและไม่ได้อยู่ร่วมงานตั้งแต่ต้น
“แก้วมุกดาอย่าทำแบบนี้เลย”
“ฉันชื่อแก้วมุกดาจริงค่ะ แต่ฉันไม่รู้จักคุณ ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ขอตัวนะคะ”
“ขอร้องล่ะมุกดาอย่าทำเป็นไม่รู้จักกัน”
ร่างสูงรีบก้าวมาขวาง คนตัวเล็กเกือบเซปะทะอกเขา เรียวคิ้วย่นผูกโบว์และมองคนตัวสูงอย่างไม่พอใจ
“มองยังไงก็ใช่แก้วมุกดาเมียพี่ ปากเล็กบางสวย ดวงตาหวานแต่บางครั้งก็ค่อนไปทางดุเสียหน่อย ส่วนสูงก็เท่าไหล่ของพี่เหมือนเดิม ถึงเปลี่ยนสีผมเป็นสีน้ำตาลอ่อนไม่เหมือนตอนนั้นที่ผมออกแดงๆ ชมพูหน่อยๆ แต่ไม่ว่าจะมองมุมไหน หรือผ่านไปนานกี่ปี น้องก็ยังเป็นแก้วมุกดาคนเดิมของพี่”
“ฉันไม่รู้จักคุณจริงๆ ค่ะ ก็บอกไปแล้วว่าไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน” แก้วมุกดาจะก้าวหนีไปทางขวา ทว่าคนตัวสูงก็รีบตามมาดัก พันแสงรอเธอมาตลอดแปดปี ให้ตายอย่างไรก็จะไม่ยอมทิ้งโอกาสนี้แน่ “พูดไม่รู้เรื่องเหรอคะ ถ้ายังวุ่นวายไม่เลิกฉันจะตะโกนให้คนช่วยแล้วนะ”
“ภรรยาผมชื่อแก้วมุกดา นับพันเกียรติ” นึกแล้วยังเสียดายไม่หายที่เธอยังไม่ได้เป็นฐลัชนันท์เต็มตัว เขาเคยชวนเธอเปลี่ยนนามสกุลหลายรอบแล้ว แต่แก้วมุกดาบอกว่าขอเวลาทำใจอีกสักหน่อยเธอยังอยากเป็นนับพันเกียรติอีกสักหนึ่งปี
“นี่คุณเป็นมิจฉาชีพหรือเปล่า เป็นแก๊งตบทรัพย์หลอกลวงพวกนี้แน่เลย ฉันว่าคุณไปหาเหยื่อใหม่เถอะนะ ฉันไม่ว่างมาเล่นด้วย แต่เก่งนะที่รู้ชื่อนามสกุลของฉัน บอกไว้เลยนะว่าคุณอาฉันเป็นตำรวจเก่า ถ้าไม่อยากซวยก็เชิญไปให้พ้นหน้า”
“พี่รู้ว่ามุกโกรธพี่ แต่อย่าเล่นแบบนี้เลยนะคนดี อย่าทำเป็นจำไม่ได้ เราเป็นสามีภรรยากันนะ”
“ฉันไม่เคยมีสามี นี่จิตใจคุณไม่ปกติหรือเปล่าเนี่ย หรือภรรยาคุณเสียไปแล้วก็เลยเป็นบ้าแบบนี้”
“เสียอะไรก็ยืนอยู่ตรงหน้านี้ไง”
แก้วมุกดายกโทรศัพท์แนบหูพลางเรียกคนขับรถให้รีบมา เมื่อกดวางสายแล้วก็ใช้สายตาไม่ไว้ใจมองเขาดังเดิม พันแสงเหลียวไปมองด้านหลังที่รถเก๋งคันดำแล่นมาจอดรอ สักพักคนขับพร้อมด้วยเจนภพก็ลงจากรถราวกับรู้งาน
“เราไปคุยกันดีๆ ไหมครับ”
“ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ฉันขอให้คุณกลับมาเป็นคนปกติไวๆ ละกันค่ะ”
“พี่ไม่ได้บ้านะมุก โกรธเกลียดกันยังไงก็ขอปรับความเข้าใจได้ไหม พี่ขอโทษ เรามาคุยกันเถอะนะ”
แก้วมุกดาเอาแต่ร่นถอยหนี พอรถของที่บ้านวนมาเทียบทางเท้าเธอก็รีบจ้ำไปเปิดประตู พันแสงฉวยข้อมือเธอไว้อย่างไม่ยอมแพ้
“ปล่อยนะ! ถ้าคุณยังไม่เลิกวุ่นวายฉันจะแจ้งตำรวจจริงๆ”
“พี่รอมุกดามาตลอด รออย่างมีความหวัง แม้ใครจะมองว่าเป็นความหวังลมๆ แล้งๆ ก็ตาม วันนี้เราได้เจอกันแล้ว ต่อให้อะไรมาขวางหรือเอาช้างหมดทุกเชือกบนโลกนี้มาฉุดก็จะไม่มีอะไรรั้งพี่ได้ทั้งนั้น สถานะสามีภรรยาของเรายังเป็นเหมือนเดิม และจะคงเดิมไปตลอดชีวิต”
แก้วมุกดาสะบัดแขนจากพันธนาการ รีบก้าวขึ้นรถแล้วปิดประตูอย่างไม่รอช้า พันแสงมองตามรถที่เคลื่อนตัวออกไปด้วยหัวใจที่ลอยไปพร้อมกับเธอ
“ท่านประธานตามไปเลยครับ ผมให้ลุงเพิ่มเอารถมารอแล้ว” เจนภพรีบมาสะกิดเจ้านายที่เอาแต่มองตามตาละห้อย อาลัยเขาขนาดนั้นยังชักช้าอยู่ได้
“คุณนี่รอบคอบจริงๆ เดือนหน้าผมจะขึ้นเงินเดือนให้” พันแสงรีบเข้าไปครองตำแหน่งหลังพวงมาลัยแล้วเหยียบคันเร่งตามรถของแก้วมุกดาที่ยังเห็นอยู่ในสายตา
ต่อให้อุปสรรครักครั้งนี้จะมาในรูปแบบไหนเขาก็ไม่หวั่น ในชีวิตของพันแสงไม่มีอะไรหนักหนาเท่ากับการรอคอยในแปดปีที่ล่วงเลยมา ถึงเธอบอกไม่เคยรู้จักเขา แต่อย่างน้อยก็ยอมรับว่าคือแก้วมุกดาคนเดียวคนเดิมกับที่อยู่ในใจพันแสงมาตลอด เท่านี้ก็เพียงพอให้เป็นวันที่ดีได้แล้ว