อยากดูแลเธอ

1295 คำ
ตอนที่ 5 “ก็ได้ค่ะ” รัญชน์รวีตอบตกลงในที่สุด เธอไม่มีทางเลือกอื่น และในใจลึกๆ ก็รู้สึกอบอุ่นกับความห่วงใยที่เขาแสดงออกมา ธีร์ธวัชยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจในชัยชนะเล็กๆ ครั้งนี้ เขาไม่รอช้า รีบจูงมือรัญชน์ให้เดินไปที่รถของเขาในทันที สัมผัสอบอุ่นจากฝ่ามือหนาที่กอบกุมมือของเธอไว้ ทำให้รัญชน์รู้สึกแปลกๆ ผสมความเขินอายปนความรู้สึกปลอดภัย “รัญชน์เดินเองได้ค่ะ” เธอเอ่ยเบาๆ พร้อมกับพยายามดึงมือออกเล็กน้อย “ขอโทษครับ พี่ลืมไป” ธีร์ธวัชตอบพร้อมรอยยิ้มกรุ่มกริ่ม เขาคลายมือออก แต่ก็ยังคงเดินเคียงข้างเธอไปจนถึงรถยนต์สปอร์ตคันหรูของเขา ธีร์ธวัชเปิดประตูรถให้อย่างสุภาพ รัญชน์ก้าวเข้าไปนั่งอย่างลังเลเล็กน้อย ความหรูหราภายในรถทำให้เธอรู้สึกประหม่า รถยนต์เคลื่อนตัวออกจากลานจอดรถใกล้ ๆ ถนนคนเดินอย่างเงียบเชียบ ท่ามกลางความมืดมิดของยามค่ำคืน ธีร์ธวัชเหลือบมองใบหน้าซีดเซียวของรัญชน์เป็นระยะๆ เขาสังเกตเห็นว่าเธอพยายามเก็บอาการ แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ “ไหวเหรอเปล่าน้องรัญชน์” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไหวค่ะ” รัญชน์ตอบสั้นๆ เธอกำลังคิดว่าเมื่อไปถึงโรงพยาบาลแล้ว จะต้องขึ้นไปเยี่ยมแม่ก่อนที่จะไปตรวจ ไม่นานนัก รถก็มาจอดเทียบหน้าอาคารโรงพยาบาลขนาดใหญ่ กลิ่นยาฆ่าเชื้อลอยมาแตะจมูกทันทีที่ก้าวเท้าลงจากรถ ความรู้สึกคุ้นเคยกับบรรยากาศนี้ทำให้รัญชน์รวีใจหายวูบ ความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของมารดาผุดขึ้นมาในใจ “ไปห้องฉุกเฉินเลยไหม หรือจะไปแผนกตรวจโรคทั่วไปดี” ธีร์ธวัชเอ่ยถาม พลางมองหาป้ายบอกทาง “เดี๋ยวรัญชน์...ขอแวะไปดูคุณแม่ก่อนนะคะ” รัญชน์ตอบเสียงแผ่ว ใบหน้าของเธอดูเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อพูดถึงมารดา ธีร์ธวัชแปลกใจเล็กน้อยและอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “คุณแม่ของน้องรัญชน์รักษาตัวอยู่ที่นี่ด้วย...เหรอครับ!!!” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่ลดความติดตลกเหลือเพียงความห่วงใย รัญชน์พยักหน้าช้าๆ “ค่ะ แม่รัญชน์เพิ่งเข้าโรงพยาบาลเมื่อวานนี้” เธอตอบ พยายามเก็บซ่อนความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้ ธีร์ธวัชไม่กล้าถามต่อ เขาทำได้แค่พยักหน้าเข้าใจ ”งั้น...พี่ขอไปเยี่ยมคุณแม่ด้วยสิ” เด็กสาวไม่ได้ตอบพลางเดินนำเขาไปยังห้องพักคนไข้ มุ่งหน้าไปยังแผนกผู้ป่วยใน เมื่อไปถึงหน้าห้องพักผู้ป่วย รัญชน์หยุดยืนอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับกำลังรวบรวมความกล้า ธีร์ธวัชเห็นดังนั้นก็อดรู้สึกสงสารเธอไม่ได้ เขายืนรออยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ เป็นกำลังใจให้ รัญชน์สูดหายใจลึกๆ ก่อนจะผลักประตูเข้าไป ภายในห้องพักผู้ป่วยมีหญิงสูงวัยผิวพรรณดีคนหนึ่งนอนหลับตาอยู่บนเตียง ใบหน้าซีดเล็กน้อย ริมฝีปากแห้งผาก ร่างกายดูอ่อนแรง ธีร์ธวัชเหลือบมองเห็นแผงควบคุมการทำงานของเครื่องช่วยหายใจที่วางอยู่ข้างเตียง จึงถามว่ามารดาของเธอป่วยด้วยโรคอะไร รัญชน์รวีเล่ามาว่ามารดาของทำร้ายตัวเองด้วยการกินยาฆ่าตัวตาย มีเพื่อนบ้านนำส่งโรงพยาบาลได้ทัน หญิงสาวเดินเข้าไปใกล้เตียง จับมือแม่เบาๆ แววตาของเธอเต็มไปด้วยความรักและความเจ็บปวด “แม่คะ รัญชน์มาแล้ว!!” เธอพึมพำเบาๆ น้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย ธีร์ธวัชยืนมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ความเห็นใจถาโถมเข้ามาจนเต็มอก เขามองรัญชน์อย่างพินิจพิจารณา ใบหน้าที่ซีดเซียวของเธอในยามนี้ดูอ่อนแอและเปราะบางเหลือเกิน ไม่เหมือนกับรัญชน์รวีที่เขาเคยเห็นในตลาดนัดเมื่อครั้งที่แล้ว “เดี๋ยวพี่จะออกไปรออยู่ข้างนอกนะครับ ให้น้องรัญชน์ได้อยู่กับคุณแม่” ธีร์ธวัชเอ่ยเสียงเบา เขาเข้าใจว่าเธอคงต้องการเวลาส่วนตัวกับมารดา รัญชน์พยักหน้ารับคำ ดวงตาแดงก่ำเล็กน้อย ธีร์ธวัชเดินออกมาจากห้องพักผู้ป่วย เขามองไปยังหน้าต่างบานใหญ่ที่มองเห็นวิวเมืองยามค่ำคืน ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในใจ เขาจะช่วยรัญชน์ได้อย่างไร นอกจากเรื่องเงินที่เขาเหมาภาพของเธอไปแล้ว เขารู้สึกอยากจะทำอะไรให้เธอมากกว่านั้น เขาอยากจะปลดเปลื้องภาระและความทุกข์ที่เธอแบกรับไว้ เมื่อรัญชน์รวีเดินออกมาจากห้อง ใบหน้าของเธอยังคงซีดเซียว แต่แววตากลับดูเข้มแข็งขึ้นเล็กน้อย ราวกับได้รับพลังใจจากมารดา ธีร์ธวัชเดินเข้าไปหาเธอทันที “น้องรัญชน์ไปตรวจกันเถอะครับ” เขาเอ่ยพร้อมกับพยักหน้าไปยังแผนกฉุกเฉิน รัญชน์พยักหน้ารับคำ เธอรู้ว่าไม่มีทางปฏิเสธเขาได้ และในใจก็รู้สึกซาบซึ้งกับความเอาใจใส่ของธีร์ธวัชทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะรู้จักกัน หลังจากที่รัญชน์ได้รับการตรวจจากแพทย์แล้ว ผลคือเธอเพียงมีอาการท้องเสียเพียงเล็กน้อย แพทย์ได้จัดยาและเกลือแร่ไปให้ทาน ธีร์ธวัชถอนหายใจอย่างโล่งอกราวกับยกภูเขาออกจากอก เขามองใบหน้าซีดเซียวของรัญชน์ด้วยแววตาห่วงใยอย่างแท้จริง และจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้เธออย่างเงียบๆ โดยไม่ให้เธอได้จ่ายแม้แต่บาทเดียว เมื่อออกจากห้องตรวจ ธีร์ธวัชหันมามองใบหน้าที่ยังคงซีดเซียวของรัญชน์อย่างพินิจพิจารณา “พี่ว่าน้องรัญชน์ควรจะหาอะไรทานรองท้องสักหน่อยนะครับ ดูสิ...หน้าไม่มีเลือดเอาเสียเลย” น้ำเสียงทุ้มนุ่มนวลเจือแววเอาใจใส่ รัญชน์ส่ายหน้าเบาๆ พยายามปั้นยิ้มบางๆ “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวรัญชน์จะแวะไปบอกแม่ก่อน แล้วก็จะเลยกลับบ้าน เพราะหมอให้เยี่ยมถึงแค่สองทุ่มแล้วก็ไม่ให้เฝ้าด้วย พี่ธีร์จะกลับเลยมั้ยคะ” น้ำเสียงของเธอแสดงความเหนื่อยล้าอย่างชัดเจน และความต้องการที่จะหลีกหนีจากสถานการณ์นี้ “พี่ขอเลี้ยงมื้อค่ำน้องรัญชน์ได้มั้ยครับ พอดีพี่มีเรื่องจะคุยด้วย” ธีร์ธวัชเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อนแกมบังคับ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นที่มุมปากอย่างที่เธอคุ้นเคย “พี่บอกรัญชน์ตรงนี้ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวพยายามต่อรอง เธอไม่อยากสร้างภาระให้เขามากไปกว่านี้ “ไม่เอาสิครับ ไปคุยกันที่ร้านอาหารดีกว่า ถ้างั้นพี่ไม่คืนภาพวาดทั้งหมดให้นะ” ธีร์ธวัชไม่รอช้า เขาโยนไพ่ไม้ตายออกมา ดวงตาคมกริบจ้องมองใบหน้าหวานอย่างไม่ยอมแพ้ รัญชน์รวีเบิกตากว้างด้วยความตกใจปนขัดใจ ดวงตาคู่สวยฉายแววไม่พอใจเล็กน้อย “พี่ธีร์!!!....เป็นอย่างที่รัญชน์คิดเอาไว้จริงๆ ด้วย!” เธอเอ่ยเสียงสูงเล็กน้อย แสดงความไม่พอใจที่ถูกจับไต๋ได้ “สรุปพี่ซื้อรูปของรัญชน์ใช่มั้ยคะ! เอาเงินของพี่คืนไปเลย” เธอพยายามจะยื่นธนบัตรคืนให้เขา แต่ธีร์ธวัชไม่รับ “เดี๋ยวก่อนสิ ใจเย็นๆ ไปทานข้าวกับพี่ก่อน แล้วเดี๋ยวเราค่อยคุยเรื่องนี้กันอีกที” ธีร์ธวัชจับมือเธอไว้เบาๆ เป็นการปราม รัญชน์รวีถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอรู้ดีว่าไม่มีทางเลือกอื่น และไม่ต้องการให้เขาช่วยเหลือด้วยวิธีแบบนี้ “ก็ได้ค่ะ...แต่ขอเป็นร้านอาหารง่ายๆ นะคะ รัญชน์ไม่ชอบคนเยอะ” เธอยอมจำนนในที่สุด “ได้สิครับ” ธีร์ธวัชยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจในชัยชนะของตนเอง แววตาของเขาเป็นประกาย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม