ความรักเป็นสิ่งสวยงาม ก่อเกิดเป็นความสุข ยิ่งได้ใช้เวลาร่วมกับคนที่รัก ยิ่งทำให้ความสุขเพิ่มมากขึ้นในทุกๆ วัน
และเหมือนคนที่มากประสบการณ์ จะใช้ข้อนี้ในการหลอกล่อให้คนที่อ่อนหัด ติดกับดักได้อย่างง่ายดาย มอมเมาหญิงสาวให้ลุ่มหลง และหลงคารมในสิ่งที่ตัวเองเอ่ยออกไปทุกอย่าง ผูกมัดเธอไว้ด้วยความเสน่หา
ส่วนคนที่อ่อนต่อโลก ย่อมตามไม่ทันเกมที่อีกคนวางไว้ เมื่อถูกชายคนรักป้อนคำหวานให้ฟัง วาดความฝันว่าอยากสร้างอนาคตร่วมกัน
หญิงสาวก็จินตนาการ วาดฝันอนาคตร่วมกับชายหนุ่มไปไกล ถึงวันที่ทั้งสองคนแต่งงานมีลูก ดั่งฉันสามีภรรยาทั่วไป
ร่างสูงยืนทอดสายตาออกไปยังเบื้องหน้าอย่างจุดหมาย สายตาคมกริบที่ใครได้พบเห็นในช่วงเวลาทั่วไปต่างก็ยำเกรง
ทว่าตอนนี้แววตาคู่นั้นกลับว่างเปล่า และยังแอบแฝงไปด้วยความเศร้า ความสับสนซ่อนอยู่ในนั้น
“คิดอะไรอยู่คะ” เอวสอบถูกสวมกอดจากด้านหลัง ใบหน้าที่เคลือบไปด้วยรอยยิ้มซบอยู่กับแผ่นหลังกว้าง
ดึงความคิดของชายหนุ่มให้กลับมา หมุนตัวกลับมาหาหญิงสาว สวมกอดร่างบางเอาไว้ไม่ต่างกัน ลูบศีรษะเล็กเบาๆ ตามสัญชาตญาณด้วยใบหน้าอมยิ้ม จากความรู้สึกบางอย่างในใจ ที่ดูเหมือนจะก่อตัวมากขึ้นทุกวัน เสพติดกลิ่นความหอม เสพติดรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของหญิงสาวอย่างไม่รู้ตัว
สัมผัสอบอุ่นที่ชายหนุ่มมอบให้ ทำให้จัสมินรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เงยหน้าขึ้นมองชายคนรักด้วยรอยยิ้ม ที่เต็มไปด้วยความสุข
“คิดไปเรื่อยเปื่อย”
“นึกว่าคิดถึงมะลิซะอีก” ฟรานซ์อมยิ้ม มองคนตรงหน้าด้วยความสับสน
ความคิดที่ว่าเขาทำถูกต้องแล้วใช่ไหม ที่ทำร้ายเธอแบบนี้ผุดเขามา ความคิดที่ว่า เขาควรหยุดทุกอย่างไว้แค่นี้ไหมเกิดขึ้นโดยฉับพลัน
เมื่อเห็นรอยยิ้ม ได้ฟังสิ่งที่จัสมินเอ่ยมา แต่สุดท้าย ฟรานซ์ก็เลือกที่จะสลัดความคิดรู้สึกเหล่านั้นทิ้งไป
“อยู่ด้วยกันแบบนี้ ยังจะต้องให้พี่คิดถึงอีกเหรอครับ...คุณภรรยา” เสียงทุ้มกระซิบข้างใบหูเล็กในประโยคสุดท้าย เรียกความเขินอายพาดผ่านบนแก้มเนียนทั้งสองข้างได้เป็นอย่างดี
“พี่ฟรานซ์บ้า” แสร้งดุชายหนุ่มเพื่อกลบเกลื่อนความอาย ในขณะที่หัวใจอิ่มเอม แววตาเปล่งประกายสุกสกาวมีความสุข
“พี่บ้า เพราะว่ารักมะลิไงครับ” คนฟังหน้าแดงก่ำ ลามลงมายังลำคอและใบหู กับคำหวานที่ฟรานซ์เอ่ยออกมา
“พอแล้วมะลิเขินนะ”
“คนอะไรยิ่งเขินยิ่งน่ารัก” ยื่นมาไปบีบจมูกเล็กเบาๆ อย่างเอ็นดู ในความน่ารักสดใสของจัสมิน
หากน้องสาวของเขายังอยู่ ก็คงจะน่ารักสดใสแบบนี้อย่างแน่นอน แต่เสียดายที่ถูกไอ้ชั่วพรากความสดใสไป
“พี่ฟรานซ์มะลิเจ็บนะ”
“พี่ไม่ได้บีบแรงเลยนะ”
“ไม่รู้แหละ พี่ฟรานซ์ต้องโอ๋มะลิด้วย” ฟรานซ์ยิ้มกรุ้มกริ่ม ยกมือขึ้นโยกศีรษะเล็ก โน้มใบหน้าลงมาใกล้
“โอ๋แบบไหนดีครับ มะลิถึงจะหายเจ็บ” คนถูกถามยิ้มเขินออกมาน้อยๆ ใบหน้าเห่อร้อนกับความคิดของตัวเอง เลื่อนแขนที่โอบกอดเอวสอบขึ้นมาคล้องลำคอแกร่งเอาไว้แทน
“แบบนี้ไงคะ” พูดจบก็เขย่งเท้า ประกบริมฝีปากลงบนเรียวปากหยัก ขบเม้มริมฝีปากบนของชายหนุ่มเล่นอย่างกล้าๆ กลัวๆ อย่างคนไร้ซึ่งประสบการณ์ แต่อยากทำเพื่อเอาใจคนรัก
ริมฝีปากอิ่มบดคลึงเรียวปากหยักแผ่วเบา ลิ้นเล็กปัดป่ายไปทั่วจนฟรานซ์ทนไม่ไหว ต้องเป็นฝ่ายรุกกลับ สอดมือประคองท้ายทอยเล็ก เพื่อปรับองศาหน้าให้ตรงกัน สอดแทรกปลายลิ้นเข้าสู่โพรงปากนุ่ม เกี่ยวรัดลิ้นเล็กดูดดื่ม
โดยที่จัสมินก็จูบตอบกลับเช่นกัน ริมฝีปากของทั้งคู่บดเบียดโรมรันกันอย่างเร่าร้อน ต่างคนก็ต่างเกี่ยวรัดลิ้นกันแน่นด้วยไฟเสน่ห์หา
และก่อนที่ทุกอย่างจะบานปลายมากไปกว่านี้ จัสมินก็เป็นฝ่ายถอนริมฝีปากออก โดยมีสายตาของฟรานซ์มองมาอย่างคาดโทษ ที่มาทำให้ชายหนุ่มอารมณ์ค้างกลางทางแบบนี้
“มะลิหิวข้าว เราออกไปหาอะไรทานกันดีไหมคะ เสร็จแล้วมะลิจะได้เข้าร้าน” ฟรานซ์ส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยตอบกลับมา
“พี่หิวมะลิ ขอกินมะลิก่อนได้ไหม แล้วเราค่อยไปกินข้าวกัน” คนถูกขอถึงกับหน้าแดงระเรื่อ รีบซบหน้าลงกับอกแกร่ง เพื่อหลบสายตาคมที่มองมาด้วยความเอียงอาย
“แต่มะลิหิวข้าวนี่คะ” ฟรานซ์ก้มลงมองคนขี้อายในอ้อมกอด และหัวเราะออกมาเบาๆ
อยากจับเด็กคนนี้มาลงโทษเสียจริงๆ ที่กล้ามาปลุกเร้าอารมณ์ของเขาให้ลุกฮือ แล้วคิดจะชิ่งหนีไปง่ายๆ
“ก็ใครล่ะที่เริ่มก่อน พี่อยู่ของพี่เฉยๆ เลยนะ มะลิมาปลุกอารมณ์พี่เอง” คนที่อายอยู่ก่อนหน้ายิ่งอับอายหนักเข้าไปใหญ่ อยากจะเขกกะโหลกตัวเองเสียจริง อยู่ดีไม่ว่าดีไปปลุกเสือให้ตื่นขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“แต่มะลิแค่จูบเฉยๆ นะคะ ไม่ได้คิดจะทำอย่างอื่นด้วยสักหน่อย”
“เด็กแสบ เรานี่น่ามันเขี้ยวจริงๆ”
“นะคะ มะลิหิวข้าว” เมื่อเห็นสายตาเว้าวอนขอร้องของจัสมิน หัวใจที่แข็งดั่งหินก็เริ่มหวั่นไหว
“โอเคครับ ไปกินข้าวก็ได้ เพราะพี่มีเวลากินมะลิทั้งชีวิต ไปครับไปอาบน้ำกัน"
ยังไม่ทันที่จัสมินจะได้ตอบกลับ ร่างบางก็ถูกอุ้มด้วยความเร็ว เข้าไปในห้องน้ำเสียแล้ว