คำลวงแสนร้ายกาจ 2

1521 คำ
ฟรานซ์นั่งมองคนตรงหน้าที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนรัก ที่เอาแต่นั่งจ้องหน้าตัวเองมาร่วมสิบนาที ตั้งแต่เข้ามาในห้องทำงาน ไม่ปริปากพูดอะไรออกมาสักคำ จนชายหนุ่มอยากจะเดินไปตักน้ำในห้องน้ำมาสาดให้รู้แล้วรู้รอด "เฮ้อ! มึงนี่ยังไง สรุปคือมีอะไรไหม จะพูดอะไรกับกูหรือเปล่า นั่งจ้องหน้าอย่างกับกูเป็นเมีย" สุดท้ายฟรานซ์ก็ทนไม่ไหว เอ่ยออกมาในที่สุด "กูว่ามึงควรหยุด" คิ้วเข้มเลิกขึ้น หลังจากได้ยินประโยคเตือนของเพื่อนรัก ฟรานซ์เอนตัวพิงพนักโซฟา ประสานมือบนหน้าท้อง มองหน้าเพื่อนรัก "เรื่อง?" แม้จะรู้อยู่เต็มอก ว่าสิ่งที่เรย์เอ่ยเตือนออกมาคือเรื่องอะไร ทว่าก็ยังแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ นำพาความขุ่นเคืองมาสู่คนฟัง สีหน้าที่เรียบเฉย ยิ่งถูกฉาบด้วยอารมณ์เย็นชาอีกชั้น "น้องสาวไอ้มังกร ไม่ใช่เครื่องมือที่มึงจะเอามาใช้แก้แค้น นี่คือคน ไม่ใช่สิ่งของที่จะไม่มีความรู้สึก มึงกำลังล้อเล่นกับความรู้สึกของคนอยู่ มึงไม่สงสารน้องเหรอ ถ้าวันหนึ่งความจริงถูกเปิดเผยขึ้นมา ว่ามึงเข้าหา เพราะต้องการใช้น้องเป็นเครื่องมือแก้แค้นพี่ชายตัวเอง" สายตาฉายแววรู้สึกผิด กับการกระทำอันเลวทรามของตัวเองชั่วครู่ ทว่าเพียงครู่เดียวแววตาคู่นั้น ก็เปลี่ยนเป็นแข็งกระด้าง ที่อัดแน่นไปด้วยไฟแค้น "เช่นกันเพื่อนรัก น้องสาวกูก็ไม่ใช่สิ่งของ" เรย์ผ่อนลมหายใจออกมาหนักๆ หลายครั้งแล้วที่ชายหนุ่มพยายามเตือนสติฟรานซ์ ถึงสิ่งที่กำลังทำอยู่ ทว่าฟรานซ์ก็ยังไม่ยอมหยุด "กูเข้าใจ แต่มันจะต้องไม่ใช่วิธีสกปรกแบบนี้สิวะ" "แล้วที่ไอ้มังกรมันทำกับน้องสาวกูล่ะไอ้เรย์ มันคือวิธีที่สะอาดอย่างนั้นหรือไง มันทำให้น้องสาวกูต้องตาย!!" เรย์ก็จนปัญญาที่จะแย้งต่อ เมื่อฟรานซ์กล่าวความจริงข้อนี้ออกมา "งั้นกูถามมึงจริงๆ เลยนะ มึงไม่ได้รู้สึกอะไรกับมะลิเลยหรือไง มันไม่ใช่เวลาแค่วันสองวัน หรือเดือนสองเดือนนะ ที่มึงกับมะลิสานสัมพันธ์กัน แต่มันเป็นเวลาปีกว่าเลยนะฟรานซ์ ความรักของน้องที่มีให้มึง มันไม่สามารถทำให้มึงเปลี่ยนใจได้เลยเหรอวะ" ฟรานซ์เลือกที่จะหันหน้ามองไปทางอื่น ไม่ยอมสบสายตาของเรย์ที่มองมา ในขณะเดียวกัน ชายหนุ่มยังรู้สึกหน่วงในหัวใจขึ้นมาชอบกล กับสิ่งที่เรย์กล่าวมา ความรักที่จัสมินมีให้ ทำไมเขาจะรับรู้ไม่ได้ ว่าหญิงสาวรักเขาแค่ไหน ทำไมเขาจะสัมผัสไม่ได้ ว่าหญิงสาวมีความสุขขนาดไหน เขาสัมผัสและรับรู้ได้ทั้งสิ้น และมันก็คงเป็นเหมือนดั่งน้องสาวของเขา เวลาที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับเบญจมิน พี่ชายของจัสมิน น้องสาวเขาก็คงรู้สึกเช่นนี้ และก็คงเจ็บปวดมากเช่นกัน ในวันที่ถูกไอ้เลวนั่นปฏิเสธราวกับไม่ใช่ลูกผู้ชาย ภายในร้านดอกไม้ จัสมินก็กำลังช่วยพนักงานในร้านปิดร้าน หลังจากช่วยกันจัดดอกไม้ช่อใหญ่ให้ลูกค้า ที่จะใช้เซอร์ไพรส์แฟนสาวในวันเกิดเป็นออเดอร์สุดท้ายของวัน "คุณมะลิกลับเถอะค่ะ เดี๋ยวที่เหลือมิรันจัดการเอง" "ไม่เป็นไร ช่วยกันนี่แหละ มิรันจะได้ไม่กลับดึก" "กลับเถอะนะคะ เดี๋ยวคุณฟรานซ์จะรอนาน" จัสมินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เมื่อได้ยินชื่อที่มิรันเอ่ยบอก ก่อนจะหันไปมองตามสายตาของมิรันที่พยักพเยิดให้ดู ก็เห็นว่าฟรานซ์ยืนยิ้มรออยู่ที่หน้าร้าน จัสมินจึงรีบเดินออกไปหา "พี่ฟรานซ์ มาได้ยังไงคะเนี่ย" คนถูกถามไม่ตอบ แต่กลับเลือกที่จะเดินยิ้มเข้ามาสวมกอดร่างบางไว้ สูดกลิ่นหอมที่คุ้นเคยของจัสมินเข้าเต็มปอด "ขับรถมาสิครับคนดี" "มะลิไม่ได้หมายความแบบนั้นสักหน่อยค่ะ" เสียงหัวเราะของฟรานซ์ทำให้จัสมินย่นจมูกใส่แผงอกกว้าง ก่อนจะผละออกจากอ้อมกอดอบอุ่นของชายหนุ่ม "พี่ทนคิดถึงมะลิไม่ไหวครับ ก็เลยมาหา" คนฟังยิ้มจนตาหยี หัวใจอิ่มเอมมีความสุขอย่างที่สุด "ปากหวาน เพิ่งเจอกันเมื่อกลางวันนี้เองนะคะ" "ห่างกันแค่นาทีเดียวก็คิดถึงใจจะขาด ถ้าตอนบ่ายไม่ต้องมาประชุม พี่คงไม่ปล่อยมะลิกลับมาแน่" มือบางฟาดเข้าที่แขนแกร่งเป็นการแก้เขิน พวงแก้มซับสีเรื่อทั้งสองข้าง "หรือว่ามะลิไม่คิดถึงพี่เหรอครับ" แสร้งตีหน้าเศร้าเอ่ยถาม "ไม่ใช่สักหน่อย มะลิก็คิดถึงพี่ฟรานซ์เหมือนกันค่ะ" "ถ้าอย่างนั้นเย็นนี้เราไปทานข้าวเย็นด้วยนะครับ พี่จองโต๊ะไว้แล้ว" "แบบนี้เขาเรียกบังคับไหมคะ" "นะครับคนดี พี่อยากกินข้าวกับมะลินะครับ พี่อุตส่าห์รีบเคลียร์งาน เพราะอยากมีเวลาอยู่กับภรรยา" จัสมินตาเบิกกว้าง รีบหันมองซ้ายขวาด้วยกลัวใครจะมาได้ยินเข้า "พี่ฟรานซ์ อย่าพูดแบบนี้นะคะ เดี๋ยวคนอื่นมาได้ยินค่ะ" "ที่บอกว่ามะลิเป็นภรรยาพี่น่ะเหรอครับ" ริ้วแดงพาดผ่านแก้มเนียนจนแดงก่ำ ดวงตากลมโตถลึงใส่คนตรงหน้า ที่ขยันแกล้งให้เธออาย อาการของจัสมิน ทำให้ฟรานซ์เผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว ธรรมชาติของหญิงสาวช่างดูแล้วสบายตาเสียจริง "ไม่คุยด้วยแล้ว เดี๋ยวมะลิไปเอากระเป๋า แล้วก็โทรบอกแม่ก่อนนะคะ ว่าจะกลับดึก พี่ฟรานซ์รอตรงนี้นะคะ" ฟรานซ์พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม จัสมินจึงรีบหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในร้าน ทว่าเดินได้ไม่ถึงห้าก้าวก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อได้ยินประโยคของฟรานซ์ที่ดังตามหลังมา "รีบไปรีบมานะครับคุณภรรยา พี่คิดถึง" เรียวปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น หันขวับกลับมามองคนชอบแกล้ง ยิ่งเห็นฟรานซ์ยิ้มล้อเลียนมาให้ จัสมินก็หน้าแดงก่ำ รีบหมุนตัวเดินเข้าไปในร้านด้วยความเร็ว การให้อิสระในการใช้ชีวิตแก่ลูก คือสิ่งที่พ่อแม่ทุกบ้านควรมี แม้คนเป็นแม่อย่างนางราตรี จะเป็นห่วงบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนเพียงใดก็ตาม ทว่าจะให้นางส่งคนตามติดชีวิตลูกตลอดเวลา ก็ดูจะเห็นแก่ตัวไปเสียหน่อย แม้ใจจริงยากจะทำเช่นนั้นใจแทบขาด "เดี๋ยวลูกก็กลับมาน่า เข้ามานั่งก่อนเถอะคุณ" เสียงเข้มทว่ากลับแฝงความอบอุ่นแกมเอ็นดู ของชายสูงวัยที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีเอ่ยบอก พร้อมกับโอบไหล่ภรรยา บังคับให้เดินตามกลับเข้ามาในห้องรับแขก เมื่อภรรยาออกไปยืนรอบุตรสาวอยู่หน้าบ้าน "ก็ฉันเป็นห่วงมะลินี่คะคุณ บอกว่าจะกลับแล้ว นี่ก็ผ่านมาเป็นครึ่งชั่วโมงยังไม่เห็นมาเลยค่ะ" "เอาน่า เดี๋ยวลูกก็คงมา แล้วนี่คุณได้โทรหาลูกชายสุดที่รักของคุณไหม อยู่ที่นั่นเป็นยังไงบ้าง" พูดถึงเรื่องลูกชายก็พลอยให้ลืมลูกสาวไปชั่วครู่ "โทรค่ะ ฉันก็บ่นให้ชุดใหญ่ ว่าเมื่อไหร่จะแต่งงานมีหลานมาให้อุ้มสักที อยู่บ้านเฉยๆ แบบนี้เหงาจะตาย แต่ลูกชายตัวดีของคุณน่ะสิคะ ก็เอาแต่บ่ายเบี่ยง หาข้ออ้างไปเรื่อย สงสัยฉันคงไม่มีโอกาสอุ้มหลานกับเขาแน่" เบรย์เดนนั่งอมยิ้มให้ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก ที่อยากอุ้มหลานจนถึงขั้นโทรจิกลูกชายให้มีครอบครัว "ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกน่า คุณก็พูดไปเรื่อย คุณแข็งแรงขนาดนี้ รับรองอยู่จนหลานแต่งงานนู่นแหละ" "ให้มันจริงเถอะ อ๋อ! พูดแล้วก็นึกขึ้นมาได้ ตามังกรบอกว่าช่วงนี้ฝากดูมะลิหน่อย เหมือนมะลิจะมีแฟน อยากให้เราเป็นหูเป็นตา" "มะลิจะมีแฟนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนี่คุณ ลูกเราก็อายุไม่ใช่น้อยๆ แล้วนะ ผมว่าถ้าลูกจะมีแฟน มีคนคุยเหมือนคนอื่น มันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย" "คุณพูดเหมือนคุณไม่หวงลูกสาวเราเลยนะ" "ผมก็หวงและห่วงลูกไม่ต่างจากคุณหรือมังกร แต่ผมแค่อยากให้ลูกได้มีอิสระในการใช้ชีวิต ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตในสังคมจอมปลอมนี้ต่างหาก อย่าลืมนะคุณ ว่าเราไม่ได้อยู่กับลูกไปตลอด เราไม่สามารถปกป้องหรือดูแลลูกไปได้จนลูกแก่ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราจะปกป้องและให้ลูกได้ คือสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูก บทเรียนชีวิตไม่มีใครสอนใครได้ นอกจากเจ้าตัวจะเรียนรู้ และสอนตัวเองได้เท่านั้น"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม