ประโยคของวีด้าในวันนั้น ยังลอยเข้ามาในความคิดของจัสมินอยู่เนืองๆ พร้อมกับคำถามที่ว่า เธอรู้จักฟรานซ์ดีแค่ไหน เธอรู้อะไรเกี่ยวกับฟรานซ์บ้าง ข้อมูลส่วนตัวของเขา เธอรู้ลึกดีแค่ไหนกันเชียว
และยิ่งได้เห็นข้อมูล ที่เธอตัดสินใจจ้างนักสืบให้ไปสืบเรื่องของฟรานซ์ ยิ่งทำให้จัสมินไม่เข้าใจเอาเสียเลยในเรื่อง
'คุณฟรานซ์เคยเป็นเพื่อนรัก กับคุณเบญจมินมาก่อนครับ เมื่อเกือบสิบปีที่ผ่านมา'
นั่นคือสิ่งที่จัสมินไม่เข้าใจและสงสัยมากที่สุด ในเมื่อฟรานซ์คือเพื่อนของพี่ชายเธอ แล้วทำไมตั้งแต่ที่คบหากันวันแรกจนถึงวันนี้ ชายหนุ่มจึงไม่เอ่ยถึงพี่ชายเธอบ้างเลย ทำไมเขาไม่บอกเธอเลย ว่าตัวเองเป็นเพื่อนกับพี่ชายของเธอ
และนี่ก็คือสาเหตุที่ทำให้จัสมินตัดสินใจมาที่บริษัทของฟรานซ์ในวันนี้ เธออยากรู้ใจจะขาด ว่าชายหนุ่มจะเอ่ยเช่นไร หากเธอถามถึงเรื่องนี้
“สวัสดีค่ะ” เอ่ยทักทายชายหนุ่มที่ทำหน้าที่เป็นเลขา ให้เจ้าของห้องด้วยรอยยิ้มสดใสตามแบบฉบับของหญิงสาว
“สวัสดีครับ” ไรอันกล่าวทักทายกลับ ด้วยรอยยิ้มไม่ต่างจากหญิงสาว อีกทั้งยังแอบสงสารจัสมินด้วยซ้ำ ที่ตกเป็นเครื่องมือของเจ้านายตัวเอง
“มะลิซื้อขนมเจ้าดังมาฝากค่ะ พี่ฟรานซ์อยู่ไหมคะ” เอ่ยถามออกไป พร้อมกับยื่นถุงขนมไปให้ชายหนุ่มที่ยื่นมือมารับไว้
“อยู่ครับ” เมื่อได้คำตอบ จัสมินจึงเปิดประตูห้องทำงานของฟรานซ์เข้าไป โดยที่ไม่ได้เคาะประตูขออนุญาตแต่อย่างใด ทำให้เจ้าของห้องที่นั่งทำงานอยู่มองมาด้วยความไม่พอใจแกมตำหนิ
“สวัสดีค่ะพี่ฟรานซ์ ทำอะไรอยู่คะ” เอ่ยออกมาเสียงสดใส เดินยิ้มเข้ามาด้านใน วางอาหารที่ซื้อติดมือมาลงบนโต๊ะ
“ทำไมเข้ามาในห้องคนอื่นถึงไม่เคาะประตูครับ” น้ำเสียงราบเรียบที่เอ่ยตำหนิออกมานั้น ทำให้ใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มค่อยๆ เจือนลง เมื่อรู้ตัวว่าเมื่อสักครู่ตัวเองได้เผลอทำตัวไม่มีมารยาทลงไป
“มะลิขอโทษค่ะ พี่ฟรานซ์โกรธมะลิเหรอคะ” ฟรานซ์ถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อเห็นท่าทางและน้ำเสียงที่เศร้าลงของคนตรงหน้า
“พี่ไม่ได้โกรธครับ แต่พี่แค่อยากบอกมะลิว่า อย่าเปิดประตูห้องคนอื่นเข้ามาโดยไม่ขออนุญาตแบบนี้อีก ถ้าพี่มีแขกอยู่จะทำยังไง” คนถูกตำหนิก้มหน้ามองพื้น
สิ่งที่ฟรานซ์กล่าวมาย่อมถูกต้องทั้งสิ้น เพราะความร้อนใจรีบร้อนตัวเดียวแท้ๆ ที่ทำให้เธอทำตัวเสียมารยาท
ฟรานซ์ส่ายหน้าน้อยๆ เมื่อเห็นอาการซึมของหญิงสาว ลุกเดินเข้าไปดึงร่างบางเข้ามากอดไว้ โดยที่จัสมินก็กอดตอบกลับไปเช่นเดียวกัน
“มะลิขอโทษนะคะ มะลิไม่ได้ตั้งใจจะเสียมารยาท มะลิแค่อยากเข้ามาเซอร์ไพรส์พี่ฟรานซ์”
“พี่ไม่ได้โกรธเราสักหน่อย แล้วนี่ซื้ออะไรมาเยอะแยะเลยครับ” คนถูกถามรีบผละออกจากอ้อมกอด ส่งยิ้มไปให้ชายหนุ่ม เอ่ยบอกออกไปอย่างกระตือรือร้น
“อาหารเจ้าอร่อยค่ะ มะลิไปซื้อมาให้พี่ฟรานซ์ทาน มาค่ะ มานั่งทานด้วยกัน” ว่าแล้วก็จับมือของชายหนุ่มให้เดินตามตัวเองมาที่โซฟารับแขก จัดการแกะกล่องอาหารที่วางอยู่ออกทีละกล่อง
“ซื้อมาเยอะขนาดนี้กินหมดไหมเนี่ยเรา”
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ตอนอยู่ที่ร้านอยากกินทุกอย่างเลย ถ้ากลัวกินไม่หมดพี่ฟรานซ์ก็ต้องทานเยอะๆ นะคะ ช่วงนี้มะลิเห็นพี่ทำงานหนัก พี่ต้องพักผ่อนบ้างนะคะ ข้าวเที่ยงก็ต้องทาน เดี๋ยวเป็นโรคกระเพาะขึ้นมาจะยุ่ง พี่ชายมะลิก็อีกคน มัวแต่ทำงานข้าวปลาไม่ยอมทานเหมือนกัน นี่ถ้าอยู่บ้านนะคะ ถูกแม่บ่นชุดใหญ่” คำว่าพี่ชายที่พูดออกมา ทำให้คนที่กำลังสนใจอาหารตรงหน้าชะงักค้าง แววตาคมกริบลุกโชนไปด้วยไฟแค้น กรามขบกันแน่นจนเป็นสันนูน
จัสมินที่หันมาเห็นถึงกับแปลกใจ และนึกกลัวในแววตาคู่นั้นที่เปลี่ยนไป เพราะเธอไม่เคยเห็นชายหนุ่มในโหมดแบบนี้มาก่อน มือเล็กยื่นมาแตะหลังมือชายหนุ่มเบาๆ
“พี่ฟรานซ์เป็นอะไรไปคะ” ฟรานซ์รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ พร้อมกับยิ้มออกมา
“เปล่าครับ”
"พูดถึงพี่มังกรก็ดีเหมือนกัน มะลิมีเรื่องจะถามพี่ด้วยค่ะ" ฟรานซ์ใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ทว่าชายหนุ่มก็ยังแสร้งยิ้มอบอุ่นออกไป
"เรื่องอะไรครับ"
"มะลิรู้มาว่า พี่กับพี่มังกรเป็นเพื่อนกันเหรอคะ เมื่อเกือบสิบปีที่ผ่านมา แล้วตอนนี้ไม่ได้เป็นเพื่อนกันแล้วเหรอ ทำไมมะลิไม่เห็นพี่ฟรานซ์บอกมะลิเลย ว่าพี่กับพี่มังกรรู้จักกัน เป็นเพื่อนกัน" ฟรานซ์ยิ้มบาง จับมือจัสมินมากุมไว้
"เพราะพี่อยากจีบมะลิด้วยตัวของพี่เองน่ะสิครับ พี่อยากทำให้มะลิรักพี่ด้วยตัวพี่เอง ไม่ใช่เพราะพี่เป็นเพื่อนกับมังกร อีกอย่างพี่ก็อยากเซอร์ไพรส์มังกรด้วยเรื่องของเรา เพราะฉะนั้น พี่อยากให้มะลิปิดเรื่องของเราสองคนกับมังกรไว้ก่อนนะครับ พี่อยากเห็นหน้ามังกรกับตา ตอนที่มันรู้ว่าเราสองคนจะแต่งงานกัน"
เขาอยากเห็นหน้าไอ้คนสารเลวนั่น ว่ามันจะทำหน้ายังไง ที่รู้ว่าน้องสาวมันกำลังรับกรรมจากสิ่งที่มันทำกับน้องสาวเขาเอาไว้
"งั้นก็ได้ค่ะ มะลิก็อยากเห็นหน้าพี่มังกรเหมือนกัน แต่ถ้าให้มะลิเดา มะลิว่าพี่มังกรคงตกใจมากแน่ๆ" คนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ยังพูดไปยิ้มไปอย่างมีความสุข
"ครับ มันคงตกใจมาก"
“พี่ฟรานซ์คะ พี่ว่างวันไหน มะลิว่าจะชวนพี่ไปหาแม่กับแด๊ด” รอยยิ้มบนใบหน้าหายไปทันที เมื่อได้ยินประโยคของจัสมิน มีเพียงความเรียบเฉยกับแววตาเฉยชาเท่านั้นที่แสดงออกมา
“พี่ว่าเราคุยเรื่องนี้กันแล้วนะมะลิ” น้ำเสียงราบเรียบ แววตาเฉยชา ทีมองมา ทำให้จัสมินใจเสียขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะพยักหน้ารับ
แต่ในใจลึกๆ ก็อดที่จะน้อยใจชายหนุ่มไม่ได้อยู่ดี ที่เขาปฏิเสธการไปพบครอบครัวของเธอทุกครั้ง
แต่จะโทษฟรานซ์ก็ไม่ได้ ในเมื่อเธอเป็นคนบอกเขาเอง ว่าเธอจะไม่พูดเรื่องนี้อีก จนกว่าชายหนุ่มจะเคลียร์งานเสร็จ
แต่เมื่อหวนคิดไปถึงเรื่องของเธอกับเขา ที่เกินเลยไปมากแล้วนั้น จัสมินก็อยากให้ฟรานซ์ไปพบบุพการีทั้งสอง
“ขอโทษค่ะ งั้นเรามาทานอาหารกันดีกว่าค่ะ” ก่อนที่บรรยากาศจะเสียมากไปกว่านี้
จัสมินก็สลัดความน้อยใจทิ้งไป เพราะเธอไม่อยากทำลายบรรยากาศดีๆ ให้เสียไป อยากอยู่กับคนที่เธอรักด้วยความสุขมากกว่า