โดนของ

1266 คำ
“สิเฮ็ดของใส่ไผ” (จะทำของใส่ใคร) “ใส่คนนี้จ้ะพ่อหมอ” รูปภาพของปลัดถูกยื่นส่งให้กับชายผิวดำคล้ำ รอบเขตสำนักดูอึมครึมน่ากลัว ต่างจากสำนักของพ่อหมอหิรัญลิบลับ แถมยัง... รู้สึกขนลุกตลอดเวลา ราวกับมีอีกเกือบสิบสายตาที่จ้องมองฉันอยู่ ทั้งที่ตอนนี้ ฉันอยู่บนสำนักกับพ่อหมอผาน และลูกศิษย์ของเขาอีกสองคน “มึงมั่นใจแล้วแมนบ่ ว่าสิเฮ็ด” (มึงมั่นใจใช่ไหมว่าจะทำ) “มั่นใจจ้ะ” ฉันพยักหน้าระรัว ก่อนจะยื่นเงินที่เต็มไปด้วยธนบัตรสีเขียวสลับแดงส่งให้กับชายตรงหน้า นี่คือเงินที่ฉันอดออมมาตั้งแต่ปีที่แล้ว หากแผนนี้ไม่สำเร็จ ฉันคงไม่ต่างไปจากคนที่ทำเงินหายแน่ “เอาปางตาย แต่บ่ฮอดตายแมนบ่” (เอาปางตาย แต่ไม่ถึงตายใช่ไหม) “ใช่จ้ะ” “สิให้เอาผีไปหลอกมันนำติ” (จะให้เอาผีไปหลอกมันด้วยเหรอ) ฉันพยักหน้าระรัวแทนคำตอบ ในขณะที่จ้องมองคนตรงหน้าส่งเงินให้กับลูกศิษย์ของเขาที่นั่งข้าง ๆ นับ พอนับเสร็จ พวกเขาก็ส่งสัญญาณให้กันผ่านสายตา เดาไม่ออกเลยว่าหมายถึงอะไร “คันสิให้ส่งผีไปหลอกนำ เงินบ่พอดอก” (ถ้าจะให้ส่งผีไปหลอกด้วย ไม่พอหรอก) “เอ้า! ที่ให้ไปก็เยอะมากเลยนะ” “หลายมันกะบ่พอ มึงสิตื่มเงิน ฮึสิเอาแค่เล่นของใส่” (เยอะก็ไม่พอ มึงจะเพิ่มเงิน หรือจะเอาแค่เล่นของใส่) ฉันเม้มปากแน่นอย่างครุ่นคิดเพราะต้องวางแผนใหม่ ถ้าไม่สามารถที่จะส่งผีไปกดดันได้ งั้นก็คงต้องเอาแค่เล่นของนี่แหละ เอาให้ป่วยหนัก แล้วฉันจะหาทางพาเขามาสำนัก จากนั้นถึงจะให้พ่อหมอบอกเขาอีกทีว่าอย่ามายุ่งกับครอบครัวฉัน ไม่งั้นเจ้าที่เจ้าทางจะเอาถึงตาย “ถ้างั้นเอาแค่เล่นของใส่ก็ได้ เห็นผลวันไหนพ่อหมอ” “มื่อแลงนี่ล่ะ” (ตอนเย็นนี้แหละ) “เอาแค่ป่วยหนักพอนะ อย่าให้ตายนะพ่อหมอ” “เออ กูฮู่แล้ว” (เออ กูรู้แล้ว) เมื่อวางเงินเสร็จ ฉันก็ออกมาจากสำนักแล้วรีบกลับเข้าบ้านก่อนที่คนอื่น ๆ จะสงสัย เพราะตอนนี้พระอาทิตย์ก็ใกล้จะตกดินแล้ว “ไปไหนมาเหรอชบา” พี่บัวเอ่ยทักท้วงเป็นคนแรก เมื่อมองเห็นฉันปั่นจักรยานคันเก่ากลับเข้ามาใต้ถุนบ้าน “ไปเล่นกับเพื่อนแถวนี้แหละ ทำอะไรกินเหรอพี่บัว” “นึ่งปลาน่ะ มาช่วยพี่เตรียมกับข้าวหน่อยนะ เย็นนี้คุณปลัดเขาจะมากินข้าวด้วย” “เหรอ... แล้วเขาจะมาตอนไหนล่ะ” ฉันถามอย่างไม่ยี่หระ พยายามเก็บซ่อนความตื่นเต้นที่กำลังปะทุ “ประชุมเสร็จก็น่าจะมาเลยมั้ง มาถึงก็คงทุ่มกว่า ๆ” ทุ่มกว่า ๆ ตอนนั้นก็คงจะมีอาการบ้างแล้ว แต่จะเป็นอาการยังไงนะ ฉันก็ไม่เคยรู้เรื่องแบบนี้ด้วยสิ “มาช่วยพี่ล้างผักหน่อยสิ เสร็จแล้วเอาใส่กะละมังใบนี้ไว้นะ” ฉันทำตามคำสั่งของพี่บัวทันที ระหว่างนี้ก็พยายามไม่พูด ไม่หลุดพิรุธอะไรออกมา เอาแต่นั่งนิ่งรอฟังข่าวว่าปลัดจะมาได้หรือเปล่า จนกระทั่งเวลาเกือบเข้าหนึ่งทุ่ม จู่ ๆ โทรศัพท์ของพ่อก็มีสายเรียกเข้าดังเข้ามา “ฮัลโหล ว่าจังได๋ครับปลัด” (ฮัลโหล ว่ายังไงเหรอครับปลัด) เสียงคุยโทรศัพท์ของพ่อดังพอสมควร ถึงขนาดที่ฉันไม่ต้องเอียงหูฟัง ก็รู้ได้ว่าพวกเขาพูดคุยอะไรกันอยู่ “เอ้า เป็นแฮงบ่ล่ะ” (เอ้า เป็นหนักหรือเปล่า) น้ำเสียงของพ่อเปลี่ยนไปกะทันหัน แน่นอนว่าสิ่งที่เขาได้ฟังจากปลายสายต้องไม่ใช่เรื่องที่ดี ถ้างั้นก็หมายความว่าปลัดวสันคงได้เจอดีเข้าแล้ว ทั้งที่ฉันควรตื่นเต้นดีใจที่ได้ผลไว แต่ไม่รู้ทำไมมันถึงมีความรู้สึกบางอย่างผุดขึ้นมา นี่ฉันทำถูกต้องแล้วใช่ไหม? “บ่เป็นหยังครับ จังมามื่อหน้ากะได้” (ไม่เป็นไรครับ ค่อยมาวันหลังก็ได้) พูดคุยอยู่ไม่นานพ่อก็กดวางสาย เป็นจังหวะที่แม่เดินเข้ามาถามพอดี “เป็นหยังล่ะเฒ่า เลาว่าจังได๋” (เป็นไงบ้าง ปลัดเขาว่ายังไง) “เลาว่าเจ็บท้องแฮง คึสิมาบ่ได้แล้วล่ะ” (ปลัดบอกว่าปวดท้องมาก คงมาไม่ได้แล้วล่ะ) ทุกประโยคไหลเข้าหูฉันโดยอัตโนมัติ ทั้งที่ฉันควรตื่นเต้นดีใจที่ได้ผล แต่ตอนนี้กลับกังวลขึ้นมาดื้อ ๆ “ชบา” ฉันสะดุ้งจนตัวโยน เพราะถูกพี่บัววางมือลงหัวไหล่อย่างไม่ทันตั้งหลัก พลันสีหน้าเจื่อนขึ้นมาทันที “เป็นอะไรเนี่ย” “ปะ เปล่า” ฉันส่ายหน้าระรัวจนผมกระจาย หัวใจยังสั่นไหวรุนแรง กลัวว่าสิ่งที่ทำลงไปจะถูกจับได้ หรือเกิดอะไรร้ายแรงขึ้นกว่าที่ต้องการ “ไปยกกับข้าวช่วยพี่หน่อย จะได้กินข้าวกัน” “จ้า” ตั้งแต่เกิดมา ฉันแทบไม่เคยสลดกับสิ่งที่ทำเลยสักครั้ง แต่ครั้งนี้ ทำไมถึงได้รู้สึกประหม่านัก ถึงขนาดที่สูญเสียการเป็นตัวเอง เอาแต่เงียบปากไม่ยอมพูดจาใด ๆ ในระหว่างนั่งกินข้าว “วังแลงผู้ใหญ่บ้านเพินมาเฮ็ดหยัง” (ตอนเย็นผู้ใหญ่บ้านมาทำไมเหรอ) “มาบอกให้เจ้าไปตรวจเยี่ยวหาสารเสพติด มื่ออื่นตอน 9 โมงเด้อ อยู่ศาลากลางบ้านนั่นล่ะ” (มาบอกให้พี่ไปตรวจฉี่หาสารเสพติด พรุ่งนี้ตอน 9 โมงนะ อยู่ศาลากลางบ้าน) “เอ้า คือสิได้ตรวจ” (เอ้า ทำไมต้องตรวจ) สองสามีภรรยานั่งคุยกันระหว่างกินข้าว ส่วนฉันกับพี่บัวก็เอาแต่นั่งกินอยู่เงียบ ๆ ไม่พูดไม่จา “สารวัตรทิศเพินลงพื้นที่ตั้ว เพินสิกวาดออกให้เบิด หมู่บ้านเฮาสิบ่ให้มีย***าเลยเพินว่า” (สารวัตรทิศแกลงพื้นที่ แกจะกวาดออกให้หมด หมู่บ้านเราจะไม่ให้มียาเสพติดเลย) “สิเฮ็ดได้แท้บ่ล่ะ” (จะทำได้จริงเหรอ) “กะลองเบิ่ง สารวัตรทิศเลากะบ่แมนธรรมดาเนาะ” (ก็ลองดู สารวัตรทิศแกก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน) พี่บัวที่นิ่งไปนาน จู่ ๆ ก็เอ่ยถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจ “พี่ทิศ ลูกน้านาวเหรอแม่” “แมน” (ใช่) วันนี้ฉันนิ่งกว่าปกติ ถึงได้เห็นสายตาวูบไหวของพี่บัว อย่าบอกนะว่าผ่านไปตั้งหลายปีแล้ว พี่บัวยังลืมพี่ทิศไม่ได้อีก... “เห็นว่าย้ายมาประจำการอยู่นี่เลยเด้ ดีคือกันล่ะ สุมเมายามันจังบ่กล้าออกอาละวาดอีก” (เห็นว่าย้ายมาประจำอยู่นี่เลยนะ ดีเหมือนกันแหละ พวกเมายาจะได้ไม่ออกอาละวาดอีก) ทั้งสองยังคงพูดคุยและยกยอถึงสารวัตรทิศไม่เลิก จนพี่บัวต้องแกล้งทำเป็นกินข้าวอิ่มแล้วแยกออกไปก่อน น่าสงสารจัง รักกับอีกคน แต่ต้องแต่งกับอีกคน รอหน่อยนะพี่บัว ถ้าแผนนี้สมหวัง ฉันจะหาทางเอาสารวัตรทิศมาประเคนให้พี่เอง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม