บทที่ 8
เริ่มงาน
หลังจากวันที่มีบทรักเร่าร้อนร่วมกันในห้องทำงาน ทาวน์ก็มีเหตุต้องเดินทางไปเชียงใหม่กะทันหัน เนื่องจากคลับถูกสั่งปิดโดยไม่ทราบสาเหตุ สร้างความเสียหายและสูญเสียรายได้พอควร เขาคงประเมินอีกฝ่ายต่ำเกินไป จึงจำเป็นต้องไปสะสางด้วยตัวเอง
ส่วนสายขิมยังคงใช้ชีวิตอยู่บนชั้นสามของคลับ เสื้อผ้า รองเท้า ข้าวของเครื่องใช้สำหรับผู้หญิงถูกลำเลียงเข้ามาในห้องจนอัดแน่น ชีวิตนกน้อยในกรงทองวนเวียนมาอีกครั้ง ได้แต่นั่งๆ นอนๆ ไปวันๆ
ยืนมองความเป็นไปด้านนอกผ่านหน้าต่าง รถรามากมายบนท้องถนนไม่น่าเบื่ออีกต่อไป อยากออกไปสัมผัสเสียด้วยซ้ำ แต่เพราะไม่มีเงิน ไม่มีเครื่องมือสื่อสาร จึงทำได้แค่ยืนมองอยู่บนนี้
ก๊อกๆ เสียงเคาะดึงความสนใจของเธอไปยังประตู สายขิมเดินไปส่องตาแมว เมื่อเห็นคนด้านหน้าก็บิดล็อกและเปิดประตู
“ผมมาติดตั้งทีวีให้ครับ” วาโยรายงานในทันที
“อ่อ..ค่ะ”
สายขิมเบี่ยงตัวหลบแล้วเดินไปนั่งโซฟามุมห้อง มองชายหนุ่มทำงานอย่างแข็งขัน ทุกคนต่างมีหน้าที่ ยกเว้นเธอที่ใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมาย ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์ที่ทาวน์เงียบหาย เขาไม่มาที่คลับอีกเลยตั้งแต่วันนั้น
“คุณทาวน์ไปไหนเหรอคะ ขิมไม่เห็นหลายวันแล้ว” ถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“ไปทำงานต่างจังหวัดครับ” วาโยตอบเสียงเรียบ ปรายตามองคนของเจ้านายเพียงนิดก่อนหันไปสนใจงานตรงหน้าต่อ
“จะกลับมาเมื่อไหร่คะ”
“ไม่รู้ครับ”
คำตอบขอไปทีทำให้สายขิมต้องสงบปากสงบคำ ไม่กล้าถามต่อ เพราะคู่สนทนาหน้านิ่งจนเธอไม่อยากยุ่งด้วย แต่คำพูดต่อมาของเขาทำให้ยิ้มกว้าง
“ถ้าคุณอยากทำงาน ผมพาไปฝากได้นะครับ”
ด้วยเหตุนี้สายขิมจึงได้เริ่มงานในตำแหน่งผู้ช่วยแคชเชียร์ของคลับ โดยมีกลอยใจสาวใหญ่ผู้ทำงานมานานเป็นฝ่ายบุคคล ควบตำแหน่งหัวหน้าแคชเชียร์ไปด้วย
“ต้องสแกนนิ้วเข้าทำงานก่อนหกโมงเย็น เลิกงานตีหนึ่งหลังจากเคลียร์ยอดเสร็จ หนึ่งสัปดาห์จะมีวันหยุดให้หนึ่งวัน แต่ต้องไม่ใช่คืนวันหยุด” กลอยใจอธิบายหลังจากเก็บลายนิ้วมือเสร็จ
“สามเดือนแรกเป็นช่วงทดลองงาน ขิมใส่ชุดทั่วไปได้แต่ต้องแขวนบัตรพนักงานตลอด พรุ่งนี้ไปรับบัตรที่ห้องสำนักงานติดกับครัวด้านหลังนะ”
“ค่ะ..พี่กลอย” สาวน้อยยิ้มสดใส
“เพิ่งเริ่มงานยังไม่ต้องประจำหน้าเครื่องคิดเงิน คอยช่วยดูบิลและออร์เดอร์เครื่องดื่มของลูกค้าก็พอ คลับมีเด็กเสิร์ฟทั้งหญิงและชายรวมสามสิบคน มีแคชเชียร์ห้าคนกับผู้ช่วยอีกสามคน ส่วนการบริการด้านอื่นไม่เกี่ยวกับงานที่ทำ ไม่ต้องรู้ก็ได้”
“ค่ะ”
“วันไหนลูกค้าเยอะ ขิมอาจต้องช่วยเสิร์ฟบ้าง คงไม่เป็นไรใช่มั้ยจ๊ะ”
“ขิมทำได้ค่ะ” รีบรับปากแม้ไม่มั่นใจ
“จบปริญญาตรีแต่จะได้ค่าจ้างเท่าค่าแรงขั้นต่ำรายวัน เพราะไม่มีประสบการณ์การทำงานมาก่อน หลังผ่านทดลองงานจึงจะเพิ่มให้ตามการประเมิน ถึงเป็นคนของคุณวาโยพี่ก็ไม่ใจดีหรอกนะ”
กลอยใจเสียงเข้มแต่แววตาเต็มไปด้วยความเอ็นดู หญิงสาวหน้าใสในชุดกระโปรงยาวถึงข้อเท้าเหมือนเด็กอายุสิบแปด หากอีกฝ่ายไม่ยืนยันด้วยบัตรประชาชน เธอคงไม่รับเข้าทำงานแน่นอน
“ถ้าขิมทำผิดหรือทำไม่ถูก พี่กลอยต่อว่าหรือแนะนำขิมได้นะคะ ถึงจะเป็นคนของ เอ่อ..คุณวาโย ขิมก็เหมือนพนักงานทั่วไปนั่นแหละค่ะ”
สายขิมรับสมอ้างว่าเป็นคนของวาโย ทั้งที่ความจริงเป็นคนของทาวน์ รู้ดีว่าระบบเส้นสายอาจทำให้เพื่อนร่วมงานบางคนเขม่น เพราะเคยประสบพบเจอมาด้วยตัวเองสมัยฝึกงานตอนปีสี่
“งั้นขิมประจำแคชเชียร์หมายเลขห้าแล้วกัน คนนี้ชื่อฮานะเป็นตัวหลัก ส่วนขิมก็ช่วยดูช่วยเช็กบิลตามที่ฮานะบอก”
“สวัสดีค่ะพี่ฮานะ” สายขิมยกมือไหว้นอบน้อม สาวสวยที่อยู่ในชุดยูนิฟอร์มกึ่งสูทกระโปรงสีชมพูก็รับไหว้
“พี่ฝากด้วยนะฮานะ”
“ได้ค่ะ”
แคชเชียร์สาวสวยรับคำ ก่อนหันมาพินิจหญิงสาวหน้าใสที่ส่งยิ้มมาให้ น่ารักยังกับเด็กแบบนี้จะทำงานได้สักกี่วัน
“เราชื่ออะไรเหรอ”
“ชื่อสายขิมค่ะ พี่ฮานะเรียกขิมเฉยๆ ก็ได้”
“รับทราบ..มายืนตรงนี้สิพี่จะบอกงานคร่าวๆ ให้ จะได้ไม่งงเวลาทำจริง สงสัยอะไรก็ถามอย่าทำเอง ผิดพลาดมาถูกไล่ออกสถานเดียว”
“ค่ะ..พี่ฮานะ ขิมจะตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด”
[เธออยากทำงานครับคุณทาวน์ เพิ่งเริ่มงานวันแรก กลอยใจให้เป็นผู้ช่วยแคชเชียร์หมายเลขห้า ตอนนี้ฮานะกำลังสอนงานอยู่ครับ] เสียงวาโยรายงานมาตามสาย
“โอเค..ยังไงก็จับตาดูไว้ อย่าให้ออกไปไหนเด็ดขาด”
[ครับ..เมื่อวานเธอถามว่าคุณทาวน์จะกลับวันไหน]
“ไม่ต้องบอกอะไรทั้งนั้น”
[ครับ]
ทาวน์วางสาย จากนั้นก็กดอ่านแชทที่ส่งมาหวานหยด บอกคิดถึง บอกอยากเจอ พร้อมส่งภาพถ่ายวาบหวิวหลอกล่อเขาให้ไปหา
อ่า..รู้สึกดีชะมัด เมื่อนึกถึงวันที่จะได้เจอกัน หึๆ
“ดูอะไรอยู่ค่ะพี่ทาวน์ ท่าทางมีความสุขจัง”
เสียงสตรีใบหน้าหวานดึงให้สนใจ เขากดล็อกหน้าจอเก็บใส่กระเป๋าเสื้อสูทด้านใน ร่างสมส่วนในชุดผ้าไหมงดงามนั่งฝั่งตรงข้าม รังรองเป็นรุ่นน้องสมัยเรียนปริญญาโทที่อังกฤษ เธอเพิ่งกลับมาบริหารกิจการร้านผ้าพื้นเมืองได้ไม่นาน หลังจากทำงานหาประสบการณ์ที่อังกฤษ
“เช็กงานไปเรื่อยแหละครับ ชีวิตพี่ก็วนเวียนอยู่แค่นี้” ทาวน์ยกมือส่งสัญญาณให้บริกรหนุ่มยกอาหารมาเสิร์ฟ รังรองยิ้มพอใจที่หนึ่งในนั้นมีสลัดทูน่าที่เธอชอบ แสดงว่าเขายังจำได้
“นึกยังไงถึงนัดเจอรอง อย่าบอกว่าคิดถึงนะคะ เพราะรองจะไม่เชื่อ”
“ก็ตามที่รองไม่เชื่อนั่นแหละครับ”
ทาวน์ยิ้มน้อยๆ ก่อนใช้ช้อนกลางตักของโปรดใส่จานให้เธอ รู้ว่าอีกฝ่ายมีความรู้สึกดีๆ ให้ ทว่าไม่เคยพัฒนาความสัมพันไปไกลกว่าคำว่ารุ่นพี่รุ่นน้อง หลังจากเรียนจบด้านบริหารในวัยยี่สิบห้า เขาก็รีบกลับมารับช่วงต่อกิจการจากพ่อที่วางมือหลังจากแม่เสียชีวิต ด้วยความที่กิจการมั่นคงเป็นระบบ ทัดเทพจึงไว้ใจให้บัญชาลูกน้องคนสนิทบริหารต่อเป็นการชั่วคราว รอเวลาให้เขาศึกษาจนจบอย่างที่ตั้งใจ ระยะเวลาและหน้าที่จึงทำให้เขากับรังรองไม่เคยมีโอกาสได้ศึกษากันและกัน
“คิดถึงรองหรือคิดถึงใครบางคนที่ลอนดอนกันแน่” รังรองเย้าแหย่ เพราะรู้อดีตของชายหนุ่มเป็นอย่างดี
“ไม่แซวสิครับ”
“รุ่นพี่เลิกกับสามีแล้วนะคะ เห็นบ่นว่าอยากกลับไทย”
“เรื่องของเขาครับ ไม่เกี่ยวกับพี่” ทาวน์ตักอาหารเข้าปาก ใบหน้านิ่งเฉยไร้ความรู้สึกทำให้รังรองคลี่ยิ้ม
“ว๊า..แบบนี้ก็ไม่สนุกซิ กะจะทำให้พี่ทาวน์เสียอาการสักหน่อย”
“อย่าพูดถึงคนอื่นเลย” ชายหนุ่มจ้องตากับสาวงามเมืองเชียงใหม่อย่างมีความหมาย
“มีอะไรให้ช่วยก็บอกมาเถอะค่ะ รองยินดี”
“อย่าแปลเจตนาพี่ผิด พี่คิดถึงรองจริงๆ”
“เชื่อดีมั้ยน๊า..” แต่สีหน้าคนไม่เชื่อดูอิ่มความสุข
“พี่อยากรู้จักท่านประกิจ มาเชียงใหม่หลายครั้งแต่ยังไม่มีโอกาสเข้าไปฝากเนื้อฝากตัวกับท่านเลย”
“ได้สิคะ..คุณพ่อคงดีใจที่ได้เจอพี่ทาวน์”
“ยังไงนะครับ?”
“รองแอบนินทาพี่ให้คุณพ่อฟังบ่อยๆ ท่านก็เลยอยากเจอตัวเป็นๆ สักครั้ง”
รังรองหัวใจพองโตที่ชายหนุ่มอยากรู้จักบุพการี เป็นสัญญาณความสัมพันธ์ในเชิงบวก ทาวน์คือผู้ชายเก่งและน่าค้นหา เงียบขรึมแต่น่าลุ่มหลง เธอจึงมีใจให้เขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ น่าเสียดายที่ตอนนั้นเขามีเจ้าของ
“แบบนี้นี่เอง..ยินดีมากเลยครับ”
รังรองเป็นลูกสาวนายทหารยศพลเอก ปัญหาเรียกเก็บส่วยจำนวนสิบล้านจากผู้กำกับคนใหม่ หากนายทหารผู้มีอิทธิพลยื่นมือมาช่วย ทุกอย่างคงจบด้วยดี ไม่ได้คิดถึงเพราะเสน่หา แต่คิดถึงเพราะผลประโยชน์จากสิ่งที่จะได้รับหลังจากนี้ต่างหาก
สองสัปดาห์ในการทำงานเป็นผู้ช่วยแคชเชียร์ สายขิมก็สามารถทำได้อย่างคล่องแคล่ว ถึงผิดพลาดบ้างแต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต เพื่อนร่วมงานทุกคนน่ารักพูดคุยอย่างเป็นมิตร ยกเว้นฮานะที่เริ่มเปลี่ยนไป หลังจากรู้ว่าเธอพักอยู่บนชั้นสามของคลับ เพราะทำงานใกล้ชิดและอีกฝ่ายเป็นคนสอนงาน เธอจึงเผลอพูดเรื่องที่พักโดยไม่ตั้งใจ ตั้งแต่นั้นมาฮานะก็หน้าตึงและมักต่อว่าเธอเสมอ
“ยืนเหม่ออะไร วันนี้วันหยุดลูกค้าเยอะ ออร์เดอร์ก็คงเยอะตาม เช็กแล้วประกบบิลให้ดีนะขิม ห้ามหลุดเด็ดขาด”
ด้วยความที่คลับมีโซนวีไอพีและโซนธรรมดาลูกค้าจึงมีหลายระดับ ระบบคิดเงินจึงแยกออกเป็นสองส่วน รวมยอดแล้วเช็กบิลครั้งเดียวสำหรับโซนวีไอพี ต้องจ่ายทันทีหลังเครื่องดื่มไปเสิร์ฟที่โต๊ะสำหรับโซนธรรมดา สายขิมจึงมีหน้าที่ตรวจเช็กบิลสั่งเครื่องดื่ม กับใบเสร็จคิดเงินที่ออกจากเครื่องว่าตรงกันหรือไม่ หากเป็นวันธรรมดาคงไม่วุ่นวาย แต่วันหยุดก็หัวหมุนกันเลยทีเดียว
“ขอโทษค่ะพี่ฮานะ อ้าว..บิลหายไปไหนแล้ว เมื่อวานขิมวางไว้ตรงนี้นี่คะ” สายขิมหันซ้ายขวาหาเอกสารของเมื่อวานที่เตรียมเก็บเข้าแฟ้ม
“ไม่รู้เหมือนกัน” ฮานะยักไหล่ก่อนหันไปสนใจหน้างานของตัวเองต่อ
“อยู่ไหนน๊า..ก็วางไว้ตรงนี้” สายขิมรื้อค้นไปทั่วแต่ไม่เจอ กระทั่งลูกค้าเริ่มทยอยมาใช้บริการ เธอจึงกลับไปทำงานช่วยฮานะ
เวลาล่วงเลยจนตีหนึ่ง ด้วยความเหนื่อยเมื่อยล้าจากลูกค้าที่ล้นหลาม สายขิมจึงลืมเอกสารที่ยังหาไม่เจอเมื่อช่วงหัวค่ำ ร่างเล็กที่มีใบหน้าอิดโรยเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสามช้าๆ สองสัปดาห์แล้วที่ไม่เจอทาวน์ เขาเงียบหายราวกับว่าจะไม่มาที่นี่อีก คิดแบบนั้นหัวใจก็กระตุก จนต้องยกมือแตะเพื่อเช็กว่าเกิดอะไรขึ้น
“เราเป็นอะไรเนี่ย คุณเขาไม่อยู่ก็ดีแล้ว จะได้ไม่เปลืองตัว” พึมพำกับตัวเองแล้วเอียงคอฉีกยิ้ม
“ลั้ลล้า ลั้ลล้า” ฮัมเสียงในลำคอระหว่างเดิน การได้ทำงานและพบปะพูดคุยกับผู้คน ทำให้คลายความเศร้าหมองลงบ้าง อีกไม่กี่วันเงินค่าแรงก้อนแรกในชีวิตก็จะออก แม้เพียงน้อยนิดก็ตั้งใจเก็บไว้เป็นทุน หากวันหนึ่งสามารถออกจากตรงนี้ได้ เงินก็เป็นสิ่งจำเป็นอันดับแรกในการใช้ชีวิต
พ่อเขมรอก่อนนะ สักวันขิมจะกลับไปพิสูจน์ความจริงให้ได้