ณิชาวีร์ออกมาจากบ้านตั้งแต่บ่ายโมงแล้ว กลุ่มเพื่อนที่สนิทสนมชวนพูดคุยและทำให้หัวเราะได้ดีอยู่ไม่น้อย หลังจากที่เครียดมานานหลายวัน ตั้งแต่วันนั้นที่พูดคุยกับสามีครั้งสุดท้าย ทั้งเธอและเขาก็บึ้งตึงใส่กันจนทำให้บ้านที่เคยอบอุ่นรู้สึกอึดอัดไม่น่าอยู่เลยแม้แต่นิด การได้ออกมาเปิดหูเปิดตาเช่นนี้ทำให้ณิชาวีร์รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาอยู่มาก
“เป็นอะไรน่ะยัยณิ?”
อรวรรณเพื่อนสาวคนสนิท ขยับมานั่งลงข้างกายณิชาวีร์ หญิงสาวหน้าตาดี กลายเป็นคุณแม่ลูกหนึ่งแล้ว ส่วนเรื่องสามีนางบอกไม่ต้องนับให้เสียเวลา บางทีการใช้ชีวิตแบบนั้นก็คงจะมีความสุขไปอีกแบบสินะ
“เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร”
“แต่สีหน้ามันบ่งบอกว่าเธอกำลังทุกข์ใจอยู่ มีเรื่องอะไร เล่ามาเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“ไม่มีจริง ๆ ฉันแค่รู้สึกเหนื่อย ๆ”
“เหนื่อยกาย เหนื่อยใจ เหนื่อยยังไง หรือว่าเธอกำลังจะมีข่าวดี?”
สีหน้าที่แลดูตื่นเต้นแทนเพื่อนสาว ณิชาวีร์ต้องส่ายหน้าปฏิเสธอย่างไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด
ข่าวดีอย่างนั้นน่ะเหรอ ถ้าจะหมายถึงเรื่องตั้งครรภ์คงเป็นไปได้ยาก เพราะครั้งล่าสุดที่มีอะไรกับสามีก็แทบจะจำวันเดือนไม่ได้แล้ว สามเดือนมานี้ยังไม่ได้นอนกอดกันเลยสักครั้ง แม้จะนอนร่วมเตียงเดียวกันแต่จิรภัทรก็จะนอนหันหลังให้ตลอด พอเธอจะกอดเขาหน่อยก็ถูกผลักไสให้ออกห่างจากกาย จนบางทีแอบอดคิดไม่ได้ว่าเขาไปอิ่มมาจากข้างนอกแล้วหรือเปล่านะ
“หรือแกมีปัญหากับคุณภัทร?”
“ก็ไม่เชิงหรอก อย่ามาอยากรู้เรื่องของฉันเลย ว่าแต่อรเถอะออกมาเที่ยวทุกคืนเลยเหรอ แล้วลูกล่ะใครเลี้ยงให้?”
“แม่ฉันน่ะสิ เลี้ยงลูกมันเครียดมากนะณิ ปกติฉันไม่ได้ออกมาบ่อยนักหรอก แต่คืนนี้เพราะเธอชวน ฉันเลยขอแม่ขอผัวมาวันนึง”
“เออนี่อร ถามอะไรหน่อยสิ”
“ว่ามาเลยเพื่อน”
“ถ้าสามีเธอขอไปมีคนอื่น เธอจะทำยังไง?”
“อะไรนะ! ทำไมถึงถามแบบนี้หรือว่าคุณภัทรมีเมียน้อย?”
เสียงถอนหายใจจากเพื่อนสาว สีหน้าของณิชาวีร์ก็ดูเศร้าอีกครั้งจนปกปิดไม่มิด อรวรรณถึงกับจ้องมองหน้าเพื่อน พอจะเดาสถานการณ์ที่เพื่อนรักทำหน้าเศร้าอยู่บ่อยครั้งคงเป็นเพราะเรื่องนี้สินะ
“เสียทองเท่าหัวฉันจะไม่ยอมเสียผัวให้ใคร เรามีทะเบียนสมรสนะณิ ใครมายุ่งกับผัวเราฟ้องมันให้หมดตัวไปเลย!”
“แต่ถ้าสามีไม่รักเราแล้วล่ะ เธอยังจะอยากนอนกอดทะเบียนต่อไปอีกไหม?”
“เพราะถ้ายังรักผู้ชายคนนั้นมากอยู่ ฉันก็จะยอม ไม่ใช่เพราะเสียดายวันเวลาที่ผ่านมานะ แต่เพราะยังรักไงมันคงตัดใจกันไม่ได้ง่าย ๆ หรอก เธอว่าจริงไหมล่ะณิ?”
ณิชาวีร์เห็นด้วยเป็นอย่างมาก ไม่ง่ายเลยที่จะตัดใจจากคนที่เรารัก ไม่ว่าเขาจะร้ายกาจมากเพียงใด เธอก็อยากเป็นคนโง่ที่พร้อมทนกับความเจ็บปวด คำว่า “ไม่ได้รักเธอแล้ว” ยังคงดังก้องอยู่ในหู แต่ทำไมสำหรับเธอยังคงรักเขามากอยู่เช่นเดิม หรือต้องเจ็บให้ถึงที่สุดแล้วหยุดที่คำว่าจากลาดี...
ความตึงเครียดในชีวิตแต่งงานก็ยังคงเป็นอยู่แบบนั้นเช่นทุกวัน จิรภัทรแทบจะไม่ถามไถ่คนเป็นภรรยาเลยแม้แต่นิด เช้ามาก็รีบออกจากบ้าน ค่ำมืดดึกดื่นเขาถึงจะกลับเข้าบ้านมาอีกครั้ง ชีวิตเป็นแบบนี้มานานร่วมเดือนแล้ว
ณิชาวีร์ทนไม่ไหวในเมื่อเขาไม่งอนง้อ เธอควรจะเป็นฝ่ายที่เริ่มพูดคุยกับเขาก่อน เพราะที่ผ่านมาเธอก็เงียบไม่ยอมปริปากแม้แต่จะทักทายสามีเลยเช่นกัน ลดอีโก้ลงสักนิด ตัดทิฐิลงอีกหน่อย
วันนี้จึงถือโอกาสเข้าครัวเพื่อทำอาหารเที่ยงและเดินทางไปส่งปิ่นโตให้สามีถึงที่ออฟฟิศด้วยตัวเอง เหล่าพนักงานทักทายภรรยาเจ้าของบริษัทเมื่อพบเจอหน้า ณิชาวีร์ยิ้มรับอย่างน่ารักเช่นทุกครั้งที่เคยมาที่นี่
“สวัสดีค่ะคุณณิ”
คุณป้าเลขาหน้าห้องของจิรภัทรทักทายด้วยรอยยิ้ม หญิงสาวรีบยกมือพนมขึ้นไหว้ทำความเคารพคนสูงวัยอย่างนอบน้อมชวนให้นึกเอ็นดูนัก
“สวัสดีค่ะป้าสุรีย์ สบายดีนะคะ”
“ไม่เห็นคุณณิมาที่นี่นานมากแล้ว หายไปไหนมาคะเนี่ย”
“ไม่ได้หายไปไหนค่ะ แค่ไม่อยากเข้ามารบกวนเวลาทำงานของพี่ภัทร แล้วนี่พี่ภัทรอยู่ไหมคะ ณิเอาอาหารกลางวันมาส่ง”
“อยู่อีกอาคารหนึ่งค่ะ ท่านประธานไปดูเขาถ่ายแบบกันอยู่ พอดีได้นางแบบโปรโมทโครงการคนใหม่มา สงสัยคงไปตรวจดูความเรียบร้อย คุณณิเข้าไปรอในห้องก่อนก็ได้ค่ะ”
“ณิว่าณิเดินไปหาพี่ภัทรที่นั่นดีกว่าค่ะป้า เขาถ่ายอยู่ตึกไหนกันเหรอคะ?”
“งั้นเดี๋ยวป้าพาคุณณิเดินไปดีกว่านะคะ”
ณิชาวีร์เดินตามคุณป้าเลขาของสามีไปติด ๆ
จิรภัทรเป็นเจ้าพ่ออสังหาฯ เขาทำโครงการคอนโดมิเนียมหรูหลายแห่ง แถมมีบริการเรือยอร์ชหรูเพื่อท่องเที่ยว จึงไม่แปลกที่จะต้องใช้นางแบบเพื่อโปรโมทธุรกิจเป็นเรื่องปกติ
เพียงไม่ถึงห้านาทีสตูดิโอที่ถ่ายทำประตูบานใหญ่ก็ถูกผลักเข้าไป พร้อมกับภาพตรงหน้าที่สามีกำลังเอาอกเอาใจนางแบบคนสวยอยู่ คอยป้อนน้ำให้ รอยยิ้มที่สามีจับจ้องมองหญิงสาวอีกคน ช่างแตกต่างกับเวลาที่มองเธอยิ่งนัก
ทุกคนในสตูดิโอต่างรู้จักณิชาวีร์กันทั้งนั้น ทั้งไหว้ทำความเคารพและทักทายหญิงสาวอย่างเป็นกันเอง
“โอ้โหไม่เจอคุณณิตั้งนาน สวยมากเลยค่ะ ไปทำอะไรมาคะเนี่ย”
อรุณรุ่งเป็นพนักงานฝ่ายการตลาดที่ต้องมาดูเขาถ่ายทำเอ่ยทักขึ้นเสียงดัง จนทำให้จิรภัทรต้องรีบหันหน้ากลับมามอง สีหน้าที่ดูยิ้มแย้มมีความสุขเมื่อครู่แปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
“ภรรยาคุณมาค่ะ ไม่ต้องดูแลนิชาใกล้ชิดขนาดนี้ก็ได้นะ”
“ขอตัวสักครู่นะครับ เดี๋ยวผมมา” ชายหนุ่มส่งยิ้มให้อีกครั้ง พร้อมกับเดินเข้าไปหาภรรยา ไม่รู้ว่าวันนี้ลมอะไรหอบเธอมาจนถึงที่นี่ได้
“มาทำไมน่ะ”
แทนที่จะเป็นคำทักทายที่หวานหู ณิชาวีร์ยังคงยิ้มส่งให้สามี เพื่อไม่ให้คนอื่น ๆ ต้องสงสัยจนเก็บเอาไปพูดนินทาลับหลังได้
“ณิเอาปิ่นโตมาส่งค่ะ ณิทำอาหารที่พี่ภัทรชอบมาให้ด้วยนะคะวันนี้”
ตรงนั้นมีแค่สองสามีภรรยาที่ยืนอยู่ จิรภัทรจึงไม่ต้องพูดอะไรที่หวานหูกับคนตรงหน้า
“พี่ไม่ได้สั่ง จะเอามาให้ทำไม”
สีหน้าที่พูดคุยกับเธอช่างแตกต่างจากคุยกับหญิงสาวคนนั้นมากมายเหลือเกินนัก ณิชาวีร์ยังทำใจดีสู้เสืออยู่แบบนั้น ใบหน้าสวยหวานยังคงยิ้มกว้าง ดวงตากลมโตจับจ้องมองหน้าของสามี แม้จะมีรอยยิ้มให้ได้เห็นแต่เธอก็ยังคงดูเศร้าจนปกปิดเอาไว้ไม่มิด
“ทำไมคะหรือพี่ภัทรกลัวว่าณิจะมาเห็นอะไรที่พี่ไม่อยากให้เห็น”
“พี่ทำงานอยู่ ไม่ว่างจะมาทะเลาะกับณิหรอกนะ เอาข้าวมาส่งก็วางไว้บนโต๊ะสิ แล้วก็กลับไปได้เลย”
“แทนที่จะชวนณิอยู่ทานข้าวเที่ยงด้วย แต่พี่ภัทรกลับไล่ณิกลับบ้านเลยเหรอคะ?”
“นี่ณิชาวีร์อย่ามาทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักแยกแยะหน่อยเลยหน่า ก็เห็นอยู่ว่าพี่กำลังทำงานไม่รู้จะเสร็จตอนไหน เอาไว้มีอะไรค่อยไปคุยกันต่อที่บ้านก็แล้วกันนะ”
จิรภัทรเดินกลับไปหาทีมงาน ร่างสูงในชุดสูทสุดเท่ห์ยืนกอดอกจ้องมองนางแบบคนสวยโพสต์ท่าให้ตากล้องอย่างกับมืออาชีพ ณิชาวีร์ได้แต่จ้องมองหน้าของสามี จิรภัทรยืนอมยิ้มมองนางแบบสาวคนนั้นอย่างไม่วางสายตา
ดวงตากลมโตคู่สวยจับจ้องมองไปที่หญิงสาวที่กำลังอยู่หน้ากล้องอีกครั้ง จะว่าไปหน้าตาเธอคนนั้นก็ดูคุ้นอยู่มาก เหมือนกับว่าเธอเคยเห็นที่ไหนมาก่อน