ตอนที่ 2
เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับงาน
ในขณะที่ลูกสาวกำลังตั้งใจเรียนนั้นชนินทร์ผู้เป็นบิดากำลังนั่งตัวสั่นอยู่หน้าโต๊ะในบ่อนพนันใต้ดินแห่งหนึ่ง ดวงตาของเขาแดงก่ำใบหน้าอิดโรยจากการอดนอนและดื่มเหล้า ท่าทางของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
รอบโต๊ะมีชายฉกรรจ์ร่างใหญ่นั่งล้อมอยู่หลายคน แต่ที่น่ากลัวที่สุดคือคุณชายชาญเจ้าของบ่อนพนันและเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบรายใหญ่ ที่นั่งไขว่ห้างอยู่ตรงข้ามชนินทร์ ด้วยแววตาแข็งกร้าวราวกับมัจจุราช
“เอาไงคุณชนินทร์ หนี้คุณตอนนี้รวมดอกเบี้ยก็ห้าแสนบาทถ้วน ไม่รวมไอ้ที่คุณเพิ่งเสียไปเมื่อกี้อีกนะ” คุณชายชาญเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่แฝงด้วยความกดดัน
“ทำไมมันเยอะขนาดนั้น ผมยืมไปแค่สามแสนเองนะ มันเพิ่มมาจากไหนตั้งเยอะ”
“จะไม่ให้มันเพิ่มได้ยังไงล่ะ ก็คุณน่ะไม่เคยจ่ายดอกเบี้ยเลยสักนิด”
“คุณก็น่าจะลดหนี้ให้กันบ้าง ผมมาเล่นที่นี่ตลอดเลยนะ” ชนินทร์พยายามต่อรอง แต่ถ้าหากได้ลดหนี้จริงๆ ก็ยังนึกไม่ออกเลยว่าจะหาเงินมากขนาดนั้นมาจากไหน
“ก็เพราะเห็นว่าเป็นลูกค้าประจำไงล่ะผมเลยให้คุณติดหนี้เยอะขนาดนี้ แต่ตอนนี้ผมว่ามันถึงเวลาแล้วที่คุณจะจ่ายบ้าง เอาแค่ดอกเบี้ยมาก่อนก็ได้”
ชนินทร์เงยหน้าขึ้นมองคุณชายชาญด้วยแววตาเลื่อนลอยตอนนี้เขารู้สึกหมดหนทาง
“ผมขอเวลาอีกหน่อยนะครับคุณชาย”
“อีกหน่อยเหรอ คุณขอมาหลายหน่อยแล้วนะ ผมใจดีกับคุณมามากพอแล้วนะชนินทร์” คุณชายชาญหัวเราะในลำคอเพราะคำพูดแบบนี้เขาได้ยินมาจนชินและส่วนใหญ่เวลาที่พวกเขาขอนั้นมันมักจะมากอย่างไม่มีขีดจำกัด
“นี่มึงคิดจะเบี้ยวหนี้คุณชายเหรอวะ” ชายฉกรรจ์ที่นั่งข้างๆ คุณชายชาญตบโต๊ะเสียงดัง
“เปล่าครับ ไม่ได้คิดจะเบี้ยว ผมแค่ไม่มีจริงๆ ตอนนี้” ชนินทร์สะดุ้งสุดตัว
“ไม่มีงั้นเหรอ แล้วครอบครัวคุณล่ะ ไม่ได้มีลูกสาวสวยๆ คนหนึ่งเหรอไง” คุณชายชาญลุกขึ้นยืนเดินเข้ามาใกล้ชนินทร์
“อย่าแตะต้องลูกสาวผมเลยนะครับคุณชาย” คำพูดของคุณชายชาญทำให้ชนินทร์ชาวาบไปทั้งตัว เขารู้ดีว่าชายชาญจะทำยังไงกับเจ้าหนี้ที่มีลูกสาว
“หึๆ เอาอย่างนี้ไหมล่ะ ลูกสาวคุณนั่นแหละคือทางออกที่ดีสุด เงินห้าแสนไม่มากไม่น้อย แลกกับชีวิตที่เป็นอิสระของคุณดีไหมล่ะ” ชายชาญเสนอเขาให้คนไปสืบมาแล้วว่าลูกสาวของชนินทร์นั้นสวยมากแค่ไหน
“ไม่ ผมไม่มีทางทำแบบนั้นเด็ดขาด”
“คุณคิดว่ามีทางเลือกเหรอชนินทร์”
ชนินทร์มองหน้าเสี่ยชาติด้วยความโกรธ แม้เขาจะเป็นพ่อที่แย่แต่ก็ยังเหลือจิตสำนึกอยู่บ้าง เขารู้ว่าจุดจบของผู้หญิงของชาติชายนั้นสุดท้ายก็จะถูกขายไปให้คนอื่นและเขาจะไม่ยอมให้ลูกสาวตกไปอยู่ในวังวนแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด
“ผมขอเวลาอีกสามวัน”
“เวลาผ่านมาตั้งนานคุณยังหาเงินมาใช้หนี้ไม่ได้แล้วแค่สามวันคุณจะไปหาเงินที่ไหนกัน”
“ผมมั่นใจว่าผมจะหาเงินมาใช้หนี้คุณให้ทันเวลา”
“เอางั้นก็ได้ แต่ถ้าครบสามวันแล้วผมยังไม่ได้เงินคุณก็เตรียมตัวรับผลที่ตามมาแล้วกัน” คุณชายชาญพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินจากไป ปล่อยให้ชนินทร์นั่งตัวสั่นอยู่คนท่ามกลางนักพนันที่ไม่มีใครสนใจใครเพราะต่างก็จดจ่ออยู่กับเม็ดเงินตรงหน้า
เมื่อออกมาจากที่นั่นแล้วชนินทร์ก็กลับบ้านซึ่งเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่เหลืออยู่ แม้จะไม่มีเงินแต่เขาก็ไม่คิดจะขายหรือเอาบ้านไปหมุนเป็นเงินเพราะอยากเหลือสมบัติไว้ให้ลูกสาวบ้าง
ชนินทร์พยายามโทรศัพท์หาเพื่อนฝูงและญาติพี่น้องทุกคนที่รู้จักเพื่อขอยืมเงินแต่ทุกคนต่างก็ปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใย บางคนถึงกับตัดสายทิ้งไปเสียดื้อๆ เขาเดินไปมาในในบ้านของตัวเองอย่างกระวนกระวาย ห้าแสนบาทมันเป็นเงินจำนวนมหาศาลสำหรับคนอย่างเขาแล้วเขาจะหามาจากไหน จากหนี้แค่หลักหมื่นแต่เพราะอยากจะได้เงินเยอะ เขาจึงยืมเงินจากบ่อนมาเรื่อยๆ จนสุดท้ายมันก็มากจนไม่รู้จะหาเงินมาจากไหน
เมื่อหายืมจากคนรู้จักไม่ได้ ก็มีอีกคนหนึ่งที่เขานึกถึง แม้จะไม่สนิทเป็นการส่วนตัวแต่มันก็ไม่มีอะไรต้องเสียแล้ว เขาจะลองเสี่ยงดูสักครั้ง
ภาพของเมฆินทร์หรือเมฆเจ้าของบริษัทที่เขาทำงานอยู่ก็แวบเข้ามาในความคิด เมฆินทร์เป็นชายหนุ่มรูปหล่อ รวยและยังโสด แต่ที่สำคัญที่สุดก็คงจะเป็นข่าวลือหนาหูว่าเขาชอบเลี้ยงดูนักศึกษาสาวๆ ไว้เป็นนางบำเรอ ชนินทร์เคยได้ยินจากเพื่อนร่วมงานหลายครั้งว่าเมฆินทร์ใจป้ำกับเด็กๆ ของเขามาก ชนินทร์ไม่รู้จะหาทางออกอื่นได้อย่างไรแล้ว ความคิดชั่ววูบผุดขึ้นมาในสมองของเขา
แม้จะรู้สึกละอายใจอย่างที่สุด แต่ความกดดันจากเจ้าหนี้ที่พร้อมจะทำร้ายเขาและลูกสาวได้ทุกเมื่อ ทำให้เขาไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วจริงๆ
วันรุ่งขึ้นชนินทร์ตัดสินใจนั่งรถเขากรุงเทพเพราะคิดว่าเรื่องนี้ต้องคุยเป็นการส่วนตัว
ในห้องทำงานชั้นสูงสุดของตึกสำนักงานใหญ่ของบริษัท เมฆินทร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เมฆินทร์ ในชุดสูทสีเข้มกำลังนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ เขาเป็นชายหนุ่มวัย 32 ปี รูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อ คมเข้ม แววตาคมกริบแต่แฝงด้วยความเย็นชา เขาคนเด็ดขาดและจริงจังกับการทำงานมาก
ชายหนุ่มกำลังตรวจสอบเอกสารการนำเข้าเครื่องจักรจากญี่ปุ่นอย่างละเอียด เมื่อเลขาฯ แจ้งว่าชนินทร์ พนักงานจากสาขาภาคอีสานขอเข้าพบเมฆินทร์ก็เลิกคิ้วเล็กน้อย ปกติชนินทร์ไม่ได้มีเรื่องด่วนขนาดต้องมาเข้าพบเขาที่กรุงเทพฯ
“ให้เขาเข้ามาเลยก็ได้นะ ผมกำลังว่างอยู่พอดี” เมฆินทร์เอ่ยสั้นๆ
ชนินทร์เดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทีประหม่า ตัวสั่นเล็กน้อย เขาก้มหัวให้เมฆินทร์อย่างนอบน้อม
“สวัสดีครับคุณเมฆินทร์ ขอบคุณมากนะครับที่ให้ผมเข้าพบ”
“มีเรื่องอะไรเหรอคุณชนินทร์ ถึงเข้ามาด้วยตัวเอง” เขาถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่แฝงด้วยอำนาจ
ชนินทร์อึกอักเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจเปิดปากพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา
“คือผมมีเรื่องจะมาคุยกับคุณเมฆินทร์ครับ”
“คงเป็นเรื่องสำคัญมากสินะถึงมาด้วยตัวเองแบบนี้” เมฆินทร์พอมองออกว่าชายคนนี้มีเรื่องจะคุยกับเขาและคงเป็นเรื่องที่คุยทางโทรศัพท์ไม่ได้
“ครับ มันเรื่องสำคัญมากแต่เรื่องนี้มันใช่เรื่องงานนะครับ”
“เรื่องอะไรล่ะ”