ตอนที่ 4
หนูไม่อยากเป็นเมียน้อยใคร
ชนินทร์เดินออกจากห้องของเมฆินทร์ด้วยหลากหลายความรู้สึกทั้งโล่งใจและดีใจหลุดพ้นจากเจ้าหนี้ แต่มันก็ตามด้วยความรู้สึกก็เจ็บปวดกับการตัดสินใจที่ต้องแลกด้วยอนาคตของลูกสาว เขายังไม่รู้ว่าจะบอกชนัญชิดาเรื่องนี้ได้อย่างไร แต่ก็คิดว่าชนัญชิดาจะต้องเข้าใจและยอมรับว่าเขาเองก็ไม่มีทางเลือก
เขานั่งแท็กซี่ออกจากบริษัทและมารอลูกสาวที่หอพักระหว่างนั้นก็พยายามคิดหาคำพูดและคำอธิบายเพื่อให้เธอยอมทำตาม
หลังจากเลิกเรียนและไปนั่งติวหนังสือกับเพื่อนๆ แล้วชนัญชิดากลับมาถึงห้องพัก วันนี้เธอรู้สึกเหนื่อยล้าจากการเรียนและการใช้ชีวิตที่วุ่นวาย เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไป ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นบิดานั่งรออยู่ในห้อง
“พ่อมาได้ไงคะ” ชนัญชิดาถามด้วยความตกใจ ปกติบิดาไม่ค่อยมาหาเธอที่หอพักบ่อยนักหรือถ้าจะมาก็โทรมาบอกก่อนทุกครั้ง
ชนินทร์หันมามองลูกสาวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เขาพยายามยิ้มให้เธอ แต่รอยยิ้มนั้นกลับดูฝืนและเจ็บปวด
“หนูกินอะไรมาหรือยัง” ชนินทร์ถามอย่างเป็นห่วง
“หนูกินมาแล้วค่ะ พ่อล่ะคะ”
“พ่อก็กินมาแล้ว วันนี้เหนื่อยไหม”
“ก็เหนื่อยค่ะ แต่คงไม่เท่าพ่อหรอกค่ะ นี่พ่อตั้งใจมาหาหนูหรือมาทำงานคะ”
“พ่อมาติดต่องานที่สำนักงานใหญ่ก็เลยแวะมาหา”
“หนูไม่รู้ว่าพ่อจะมาเลิกเรียนแล้วก็เลยอยู่ติวกับเพื่อนค่ะ ถ้าพ่อบอกก่อนเราคงไปหาอะไรกินด้วยกัน พ่อจะค้างที่นี่ไหมเดี๋ยวหนูจัดที่นอนให้ค่ะ”
“ไม่เป็นไร พ่อว่าจะคุยกับหนูแล้วก็รีบกลับ”
“นี่มันค่ำแล้วจะมีรถเหรอคะ”
“มีสิลูก”
“พ่อมีอะไรจะคุยกับหนูเหรอคะ หน้าเครียดเชียวหรือว่าช่วงนี้งานหนักค่ะ พ่อดูเหนื่อยๆ พ่ออดทนอีกนิดนะคะถ้าหนูเรียนจบแล้วหนูจะช่วยพ่อหาเงินเองค่ะ” ชนัญชิดาพูดไปยิ้มไปอย่างมีความหวังเพราะอีกไม่นานเธอก็จะเรียนจบแล้ว
“มะปรางหนูฟังพ่อนะ”
ชนัญชิดารู้สึกถึงความผิดปกติในน้ำเสียงของพ่อ เธอเดินเข้ามานั่งลงข้างๆ
“มีอะไรคะพ่อ ดูพ่อไม่ค่อยสบายใจเลย”
ชนินทร์ถอนหายใจลึกๆ ก่อนจะเล่าเรื่องที่เขาไปก่อหนี้พนัน และถูกคุณชายชาญทวงหนี้และขู่ว่าจะจับตัวเธอไปใช้หนี้ก่อนจะบอกว่าเขาไปขอความช่วยเหลือจากเจ้านายของเขาที่ชื่อเมฆินทร์ และเสนอตัวเธอให้กับเมฆินทร์แลกกับเงินเจ็ดแสนบาท
“พ่อ....พ่อทำแบบนี้ได้ยังไงคะ พ่อเอาชีวิตหนูไปแลกกับเงินได้ยังไง” ชนัญชิดาตะโกนเสียงสั่น
เมื่อได้ยินเรื่องทั้งหมดชนัญชิดารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบถล่มลงมาตรงหน้า หญิงสาวรู้สึกโกรธ เจ็บปวดและผิดหวังมากที่บิดาทำเหมือนกับเธอเป็นสิ่งของที่จะยกให้ใครก็ได้
“มะปราง พ่อขอโทษ พ่อไม่มีทางเลือกจริงๆ พ่อกลัวว่าจะถูกพวกมันทำร้าย” ชนินทร์น้ำตาคลอเบ้าน้ำเสียงเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“แล้วชีวิตหนูล่ะคะพ่อ หนูจะต้องไปเป็นนางบำเรอของคนอื่น พ่อคิดถึงใจลูกบ้างไหม” ชนัญชิดาถามด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ
“พ่อรู้ว่าพ่อผิดต่อหนูมาก แต่พ่อไม่รู้จะทำยังไงแล้วจริงๆ พ่อจนมุมไปหมดแล้ว เสี่ยมันขู่ว่าจะมาเอาตัวหนูไปใช้หนี้” ชนินทร์สะอื้น
“พ่อก็เลยให้หนูไปเป็นนางบำเรอของเจ้านายพ่อ มันก็ไม่ต่างกันเลยนะ”
“ถ้าฟังแล้วมันอาจไม่ต่างกันแต่อย่างน้อยคุณเมฆินทร์เขาก็ไม่เหมือนเสี่ยชายชาญ เพราะเสี่ยนั่นคงเอาหนูไปขายต่อถ้าเบื่อแล้ว”
“ทุกคนทำเหมือนหนูเป็นสิ่งของเลยนะคะ” ชนัญชิดาพูดแล้วหัวเราะกับชีวิตของตนเอง ชนัญชิดาพยายามควบคุมอารมณ์ เธอรู้สึกผิดหวังในตัวพ่ออย่างที่สุด แต่ก็รู้ว่าการโวยวายไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น
“ไม่ใช่แบบนั้นนะมะปราง”
“พ่อคะ หนูว่าเราขอผ่อนผันเขาดีไหม อีกไม่ถึงสองปีหนูก็จะเรียนจบแล้วนะคะ ถ้าหนูเรียนจบมีงานทำเราก็จะมีเงินใช้หนี้”
“พ่อลองมาหมดแล้ว เขาผ่อนผันให้อีกไม่ได้แล้ว และวันนี้พ่อก็เอาเงินของคุณเมฆินทร์มาแล้วด้วย”
“พ่อ.....” หญิงสาวจุกจนไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
“มะปราง พ่อรู้ว่าหนูลำบากใจและผิดหวังในตัวพ่อ แต่คุณเมฆินทร์เขารับปากว่าจะให้หนูเรียนจนจบ”
“แต่หนูไม่อยากเป็นเมียน้อยใคร”
“เขายังไม่มีเมีย”
“งั้นจะเรียกเด็กเสี่ย นางบำเรอดีล่ะ หรือว่าจะเรียกว่าโสเภณีดีล่ะพ่อ แต่หนูว่าทุกคำเรียกไม่ต่างกันเลยนะคะยังไงหนูก็ต้องขายศักดิ์ศรีเพื่อไปนอนกับเขา” ชนัญชิดาน้อยใจในชีวิตของตนเอง
ชนินทร์เงยหน้าขึ้นมองลูกสาวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังและรู้สึกผิด
“พ่อขอร้องนะมะปราง ถ้าหนูไม่ยอม พ่อคงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว"
ชนินทร์หยิบมีดพกขนาดเล็กที่ซ่อนไว้ในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาจ่อที่คอตัวเอง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความจริงจังและเจ็บปวด
“พ่ออย่าทำแบบนั้นนะคะ”
“พ่อไม่มีทางเลือกจริงๆ มะปรางพ่อขอโทษนะ”
ชนัญชิดาตกใจและนึกไม่ถึงว่าบิดาจะทำแบบ แม้จะโกรธและเสียใจแค่ไหน แต่เธอก็ไม่อาจปล่อยให้บิดาต้องตายต่อหน้าต่อตาได้
“พ่อ! อย่าทำอะไรบ้าๆ นะคะ” ชนัญชิดารีบเข้าไปคว้าแขนบิดาไว้อย่างรวดเร็ว
ความกลัวว่าบิดาจะทำร้ายตัวเองทำให้ชนัญชิดาต้องยอมจำนน เธอไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ
“พ่อหนูยอมแล้ว หนูยอมช่วยพ่อแล้ว” ชนัญชิดาพูดด้วยน้ำเสียงที่ยอมแพ้ หัวใจของเธอแตกสลาย
“ขอบใจนะลูก...ขอบใจจริงๆ” ชนินทร์ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา