“อ่า...เอ้อ...ทะ...ท่าน...”
“ข้าคือเฉินคุน...เป็นหลานของแม่ทัพหลีเหว่ย เจ้าล่ะชื่ออะไร?”
“ข้าชื่อหยู่เยียนเจ้าค่ะ...เป็นสาวใช้ที่นี่”
“อ้อ...อืม...เมื่อกี๊เจ้ารีบร้อน จะไปไหนเช่นนั้นรึ”
“ข้ากำลังจะ...เอ้อ...ไปเก็บดอกไม้ในสวนมาให้แม่ครัวเจ้าค่ะ”
นางตอบโดยแทบไม่กล้ามองหน้าผู้วึ่งยืนตรงหน้า แต่ก็แอบเหลือบมองชั่วแว่บ แค่ชั่วแว่บแต่กลับเห็นชัดว่าเฉินคุน หลานชายของแม่ทัพหลีเหว่ยนั้นเป็นเด็กหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่กำยำ ใบหน้าคมคายไม่ต่างจากอาของเขาแม้แต่น้อย ดูเหมือนเขาจะไม่เหมือนนายทหารที่นางเคยเห็นในจวนนี้เลยแม้แต่ผู้เดียว ความคมเข้มนั้นบาดจิตและช่างดูกล้าแกร่ง ดึงดูดสายตาของสาวใช้บ้านนอกยิ่งนัก แต่ตอนนี้นางก็ยังพะวักพะวงกับเหตุการณ์ที่ได้พบเจอมามาเมื่อครู่ ใบหน้ากังวลของนางเป็นที่สังเกตของนายทหารหนุ่ม
“หยู่เยียน...เจ้าจะไปเก็บดอกไม้ในสวนนี่มิใช่รึ ไปเถิด ข้าจะเข้าไปหาท่านอาสักหน่อย”
“ท่านแม่ทัพคงมิอยู่ตอนนี้หรอกเจ้าค่ะ”
เขาเลิกคิ้ว “หืมม์...เจ้ารู้ได้อย่างไร”
“อ้อ...เอ้อ...ข้าเห็นท่านแม่ทัพเดินออกไปจากจวนเมื่อครู่นี้เจ้าค่ะ แต่อาจสักพักคงกลับมา”
“มิเป็นไรหรอก ข้าจะไปนั่งรอด้านในก็แล้วกัน ขอบใจนะที่บอกข้า”
“มิเป็นไรเจ้าค่ะ...เอ้อ...ข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ”
หยู่เยียนรีบเดินออกไปและไปหยุดยืนถอนหายใจที่ข้างประตูบานใหญ่ทางเข้าห้องครัว เกือบแย่ไปแล้วไหมล่ะ...นางเกือบหลุดปากว่าแม่ทัพหลีเหว่ยอยู่กับผิงอัน แต่เมื่อนึกอีกทีนางก็ชักสงสัยว่าเรื่องที่ผิงอันบอกไว้นั้นไม่เห็นเป็นจริงดังว่า ที่แม่ทัพไม่ยอมให้ผู้ใดเข้าไปยุ่งย่ามในเขตหอเหมยฟ้า แท้จริงเป็นอุบายของนางรับใช้ที่เข้าไปบำเรอความสุขให้แม่ทัพใหญ่นี่เอง หยู่เยียนรีบกลับเข้าไปในครัวเพื่อหาตะกร้าใบใหม่เพื่อเก็บดอกไม้ไปให้แม่ครัว
เช้าวันต่อมา...หลังช่วยงานในครัวเสร็จเรียบร้อยและเห็นว่ามีเวลาว่างแล้วหยู่เยียนก็กลับไปที่ห้องของนาง แต่ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นผิงอันยังนอนอยู่บนเตียง จึงเข้าไปถาม
“ผิงอัน...นี่เจ้ายังมิตื่นหรอกรึ ข้านึกว่าเจ้าไปกวาดถูในจวนแม่ทัพแล้วเสียอีก"
“ข้าไม่ค่อยสบาย หยู่เยียน...แต่เจ้าอย่าบอกเรื่องนี้กับใครนะ”
“เรื่องอะไร?”
“ก็เรื่องที่ข้าไม่สบายนี่อย่างไร”
“อ้าว...ทำไมล่ะ ไม่สบายเจ้าก้ต้องให้หมอรักษา มิเช่นนั้นจะหายไปทำงานได้รึ”
บทที่ 6
“เจ้ามิต้องถามมากหรอก ข้ามียาของข้าอยู่แล้ว แค่ปวดหัวเล็กน้อยเท่านั้น”
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าจงนอนพักผ่อนเถิด ข้าจะกลับไปที่ห้องครัว”
“หากแม่บ้านถามก็บอกว่าข้าปวดหัว นอนสักพักแล้วค่อยออกไปช่วยงาน เจ้าเข้าใจหรือไม่”
ผิงอันยังสำทับอยู่นั่นเอง แต่หยู่เยียนรู้ว่าที่นางรับใช้ไม่สบายนั่นเพราะเหตุใด สงสัยว่าจะกรำงานหนักกับท่านแม่ทัพล่ะสิท่า เพราะเมื่อวานนี้นางกลับมาที่ห้องแบบลับ ๆ ล่อ ๆ ตอนเย็นมากแล้ว แต่พอนึกได้หยู่เยียนไพล่คิดไปถึงเฉินคุน หลานชายแม่ทัพใหญ่ หากผิงอันกลับเย็นแล้วเขามิต้องรอคอยอาของเขาจนเย็นย่ำหรอกรึ หยู่เยียนออกจากห้องและนึกขึ้นได้ว่าวันนี้นางมีงานอีกอย่างที่ต้องทำ นั่นคือกลับไปเอาตะกร้าที่ลืมไว้ในหอเหมยฟ้า สาวใช้รีบพาร่างบอบบางของนางตรงไปยังสวนดอกไม้ในยามที่ทุคนกำลังวุ่นวายกับงานในครัว นางกลับไปยังที่นั่นอีกครั้ง...หอเหมยฟ้าแสนงามรายล้อมด้วยดอกไม้นานาพันธุ์
หยู่เยียนต้องย่องเข้าไปตรงทางเดินที่นางแอบย่องเงียบเข้าไปเมื่อวานนี้ รอบ ๆ บริเวณนั้นยังเงียบสงบ โชคดีที่ไม่มีใครอยู่ และนางก็แน่ใจว่าแม่ทัพหลีเหว่ยยังไม่กลับมาเวลานี้ เพราะนางเห็นเขาออกจากจวนพร้อมด้วยคนสนิท คงไปยังวังหลวงเพื่อปฏิบัติราชการ เป็นโอกาสอันดีให้นางเข้ามายังสถานที่นี้โดยสะดวก นางกลับเขาไปยังหลังพุ่มไม้ ที่ซึ่งเห็นว่าตะกร้าใบเดิมยังวางอยู่ไม่หายไปไหน หยู่เยียนรีบเข้าไปหยิบมันขึ้นมาแล้วถอนใจโล่ง
“โอย...นึกว่าจะมีใครเก็บเอาไปซะแล้ว ถ้ามีคนมาเห็นอาจจะรู้ว่ามีคนเข้ามาที่นี่โดยพละการ...อ๊ะ!”
นางรับใช้ร้องขึ้นเมื่อกำลังจะหันหลังกลับแต่ก็ชนเข้ากับอกกว้างของใครคนหนึ่งเข้าอย่างจัง แลเมื่อตั้งสติได้นางก็ออกอาการตกใจ
“เฉินคุน!...ทะ...ท่านมาทำอะไรที่นี่”
“หยู่เยียน...นี่เจ้าเองรึ...ข้าตามเจ้ามาเมื่อครู่ เห็นเข้ามาทำลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่ในนี้นึกว่าใครเสียอีก เจ้าเข้ามาทำอะไร”
“ข้าลืมตะกร้าดอกไม้ไว้ที่นี่...ขะ...ข้ากำลังจะกลับ”
“จะกลับออกไปง่าย ๆ เช่นนั้นรึ”
เฉินคุนคว้าข้อมือของนางไว้ หยู่เยียนตาเบิกกว้างและถามออกไปเสียงสั่น
“ขะ...ข้าจะกลับไปที่จวนของท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ”
“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าปกติหอเหมยฟ้าแห่งนี้มิมีผู้ใดเข้ามาโดยมิได้รับอนุญาต”
“รู้เจ้าค่ะ...ตะ...แต่ว่า...”