“มีข่าวกอสซิบเม้าท์กันให้สนั่นวงการไฮโซในช่วงนี้เลยค่ะคุณขา เมื่อหนุ่มหล่อของเจ้าฉายาสามีมโนแห่งชาติ ไอศูรย์ เลิศพิพัฒน์โยธิน อุ้มอดีตแฟนสาวเข้าโรงพยาบาลกลางดึก
แหมๆๆ ก็ไม่รู้นะคะว่ากลับมาสนิทกันอีกครั้งตั้งแต่ตอนไหน หรือว่าถ่านไฟเก่าจะคุอีกรอบ...
เอ๋? แล้วแบบนี้ภรรยาตัวจริงจะรู้เรื่องนี้รึเปล่าน้า… อยากรู้จังเลย!”
ขวัญรักปิดโทรทัศน์ที่รายงานข่าวบันเทิงประเด็นเผ็ดร้อน ซ้ำยังมีรูปถ่ายตอนที่เขาอุ้มเนตรกมลโชว์หราตามหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์และนิตยสารหลายฉบับ ตลอดช่วงสองสามวันที่ผ่านมา
หลังจากเป็นลมอยู่ตรงบันได เธอฟื้นอีกทีก็อยู่ที่ห้องพักแล้ว คนแรกที่เธออยากพบหน้ากลับไม่ได้พบ มีเพียงน้าเอี้ยงที่คอยอยู่ดูแลและนอนเฝ้าไข้เธอคนเดียวเท่านั้น
เธอไม่ได้พูดหรือถามอะไร...
จะถามทำไมให้ใจ ‘เจ็บ’
แต่ได้ยินน้าเอี้ยงบอกว่าไอศูรย์เป็นคนอุ้มเธอมาส่งถึงมือหมอ แถมยังบอกอีกว่าพวกหมอและพยาบาลแตกตื่นกันยกใหญ่ เพราะถูกเขาขู่ว่าหากรักษาเธอไม่หาย จะรื้อโรงพยาบาลนี้ทิ้งซะ แถมยังออกตัวแทนเจ้านายอีกว่า…
ท่าทางไอศูรย์ดูเป็นห่วงเธอมาก!
เธอยิ้มขื่น...
เขาไม่ได้ห่วงเธอหรอก ที่ทำไปคงแค่นึกสมเพชหรือไม่อยากถูกครหาว่าเป็นสามีใจดำมากกว่า ถ้าเขาห่วงกันจริงคงไม่ทิ้งให้เธออยู่กับความหงอยเหงาภายในห้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและโหดร้ายตามลำพังหรอก
เธอเกลียดโรงพยาบาล!
ตลอดในความทรงจำของเธอ แม่ของเธอนอนอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อมากกว่าห้องนอนเสียอีก เพราะทำงานหนักรับภาระทุกอย่างภายในบริษัทแทนสามี สุขภาพเลยย่ำแย่ ยิ่งพอได้รับความกระเทือนทางจิตใจซ้ำอีก อาการป่วยของท่านก็ทรุดลงอย่างรวดเร็ว
เธออุตส่าห์ซื้อช่อดอกกุหลาบสีชมพูหวานมาฝากแม่ หวังว่าท่านเห็นแล้วจะสดชื่นสบายใจขึ้นบ้าง แต่สิ่งที่เด็กอายุสิบสองยืนถือดอกไม้อยู่มองเห็นกลายเป็นผ้าขาวที่คลุมใบหน้าซีดขาวของแม่
เธอจำไม่ได้ว่าวันนั้นร้องไห้รึเปล่า?
แต่รู้ว่าเธอช็อก ความรู้สึกเหมือนโลกหยุดนิ่งแล้วถล่มลงมาต่อหน้า สูญเสียทุกสิ่งในชั่วพริบตา หลังจากนั้นภาพที่เห็นก็กลายเป็นความมืดมิด ร่างกายเหน็บหนาวเหมือนถูกกระชากลงหลุมลึกไม่มีที่สิ้นสุด...
พอฟื้นขึ้นมาอีกที เธอก็เข็ดขยาดและเกลียดโรงพยาบาลเข้าไส้ เกลียดกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ เกลียดเสียงเครื่องมือแพทย์ที่ดังเสียดหูอยู่ตลอดเวลา เกลียดสถานที่ที่พรากลมหายใจของแม่ไปจากเธอ
เธอไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแม้แต่นาทีเดียว...
เธอจะกลับบ้าน!
ตัดสินใจได้ปุ๊บ เธอก็ดีดตัวลุกลงจากเตียงที่นอนจับเจ่าจนรากใกล้จะงอกทันที ก้าวเดินออกไปยังประตู พอดีกับที่น้าเอี้ยงเพิ่งมาถึง จึงเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
“คุณขวัญจะไปไหนคะ”
“ไปทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลค่ะ”
น้าเอี้ยงมีสีหน้าตกใจ รีบร้องห้าม
“แต่คุณขวัญยังไม่หายดีเลยนะคะ”
“ขวัญหายดีแล้วค่ะ” เธอเอ่ยเสียงเรียบ สีหน้ามุ่งมั่นว่าอย่างไรก็จะไม่ยอมอยู่ที่นี่เด็ดขาด
“แล้วคุณไอศูรย์ทราบเรื่องรึยังคะ”
“ขวัญจะพูดกับเขาเองค่ะ น้าเอี้ยงไม่ต้องเป็นห่วง”
ขวัญรักยิ้มบางๆ แต่ในใจนึกเยาะ เธอจะบอกหรือไม่บอกแล้วอย่างไร ถึงเธอจะอยู่หรือออกจากโรงพยาบาลแล้ว เขาคงไม่สนใจหรอก ตอนนี้คนรักของเขาโดนสังคมซุบซิบว่าเป็นมือที่สาม เขาคงเอาเวลาทั้งหมดไปทุ่มกับการแก้ข่าวและอยู่ปลอบใจเนตรกมลมากกว่าภรรยาที่ไร้ค่าอย่างเธอ
“น้าเอี้ยงช่วยเก็บข้าวของทีนะคะ เดี๋ยวขวัญมา”
ไม่รอให้แม่บ้านยื้อ เธอก็สาวเท้าออกไปอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาทีก็จัดการทำเรื่องขอกลับและจ่ายค่ารักษาพยาบาลเสร็จ ถึงเธอจะได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของไอศูรย์ แต่เธอไม่ได้พึ่งพาเขา เธอสามารถยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องให้เขายื่นมือเข้ามาช่วยเพราะหน้าที่หรือความสงสาร