แต่ในสายตาของไอศูรย์ ที่เธอมีปฏิกิริยาเหมือนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยแบบนี้ยิ่งเหมือนเป็นการยั่วยุเขา ฝ่ามือหนาคว้าหมับเข้าที่ปลายคางเรียว บีบแน่นจนกรามเธอแทบจะหัก
“คนอย่างเธอนี่มันไม่มีสำนึกจริงๆ มานี่!”
เขากระชากแขนเธอให้ลุกขึ้นจากเตียงอย่างกะทันหัน หญิงสาวไม่ทันตั้งตัวจึงล้มลงเข่ากระแทกกับพื้นเสียงดังฟังชัด เธอนิ่วหน้า เม้มปากแน่น เจ็บปวดเหมือนข้อต่อแตกหัก จะลุกก็ลุกไม่ขึ้น ได้แต่นั่งแหมะอยู่ตรงนั้น มีมือของเขาบีบแน่นดึงรั้งสร้างความปวดร้าวมากขึ้น
ไอศูรย์รู้สึกได้ว่าขวัญรักไม่ขยับ จึงหันขวับ ก่อนชะงักแล้วผ่อนแรงลงนิดหนึ่ง ทีแรกตั้งใจมาดูอาการคนป่วยว่าเป็นอย่างไรบ้าง หลังเป็นกังวลจนนอนไม่ค่อยหลับเกือบทั้งคืน แต่กลับพบว่าเธอนอนเอกเขนกแชตกับผู้ชายคนไหนอยู่ก็ไม่รู้ รอยยิ้มเหมือนเช้าเมื่อวานไม่มีผิด เห็นแล้วขัดลูกตาเขามาก
“ฉันให้เวลาสิบนาที จัดการตัวเองให้เรียบร้อย เราจะไปโรงพยาบาลกัน”
เขาสะบัดมือเธอไม่เบานัก แล้วออกจากห้องไปอย่างไม่ไยดี ขวัญรักนั่งเงยหน้าให้มากที่สุด ไม่ยอมให้น้ำตาที่กลั่นออกมาจากความเสียใจไหลออกมา เธอกะพริบตาถี่ๆ พลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ปรับอารมณ์ความรู้สึกกดทับความร้าวรานใจเอาไว้ ก่อนจะรีบจัดการตัวเองให้เรียบร้อยตามที่เขาสั่ง เพราะรู้ดีว่าไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ
ลงมาชั้นล่าง เธอเห็นไอศูรย์นั่งดื่มกาแฟอ่าหนังสือพิมพ์เศรษฐกิจรออยู่ เขาปรายตามองมาเพียงนิดก็ลุกขึ้นเดินนำไปทันที ไม่พูดหรือถามอะไรเธอสักคำ แม้แต่น้ำสักหยดเธอก็ยังไม่ได้แตะ ต้องก้มหน้าเดินตามเขาไปขึ้นรถโรลส์รอยส์ที่จอดเทียบอยู่หน้าบ้าน
ระหว่างทางมีแต่ความเงียบ สารถีก็ทำหน้าที่ขับรถไป ส่วนเธอกับเขาก็เหมือนเป็นใบ้ นั่งหันหน้าไปคนละทางจวบจนมาถึงโรงพยาบาลเอกชนที่เนตรกมลพักรักษาตัว ทั้งที่ตลอดทางเขาไม่ชายตามองเธอสักนิด ไม่เฉียดเข้าใกล้คล้ายกับกลัวจะติดโรคร้ายจากเธอ แต่พอเปิดประตูห้องเข้าไปเท่านั้นละ เขาก็คว้ามือเธอเหวี่ยงไปยืนอยู่ต่อหน้าเนตรกมลทันทีเหมือนผู้ร้ายที่รอการตัดสินโทษ
“ขอโทษเธอซะ”
“อิศย์คะ... อย่าทำแบบนี้”
เนตรกมลเอื้อมมือมาจับแขนเขา เขย่าเบาๆ เป็นเชิงขอร้อง สีหน้าดูมีความลำบากใจอยู่ไม่น้อย ซ้ำตอนที่มองเธอก็มีแต่ความเห็นใจ ไม่มีความโกรธเคืองเลยสักนิด ผิดกับสามีเธอที่ยืนอยู่ข้างกายหล่อน
“แต่เขาทำให้คุณป่วยจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดนะ ผมไม่ยอม”
“ขวัญคงไมได้ตั้งใจหรอกค่ะ เขาคงไม่รู้เรื่องที่เนตรแพ้กระเทียม”
เนตรกมลช่วยออกตัวแทนเธอ ทุกคำไม่ได้กดดันหรือกล่าวหา แต่ปิดช่องไม่มีพื้นที่เหลือให้เธออธิบาย แล้วเธอยังจะพูดอะไรได้อีกล่ะ...
ยิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนเป็นการแก้ตัว!
“ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ไม่รู้ว่าเธอแพ้กระเทียม”
เธอกล่าวคำที่คิดว่าจะทำให้ไอศูรย์พอใจ แต่ในใจอัดอั้นเพราะไม่สามารถระบายออกมาได้ ขนตางอนยาวของเธอสั่นกระพือน้อยๆ พยายามบังคับความเจ็บปวดที่หัวใจไม่ให้แสดงออกมาทางสีหน้า
“ไม่รู้หรือตั้งใจกันแน่” ไอศูรย์ถามสวนเสียงต่ำเหมือนลอดผ่านไรฟัน
“ในสายตาคุณ ฉันเป็นคนเลือดเย็นขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“แย่งแฟนน้องคุณยังทำได้ แล้วนับประสาอะไรกับเรื่องนี้”
ทั้งสีหน้า ทั้งคำพูดมีแววเย้ยหยันและไม่เชื่อเธอเลยสักนิด นี่เขาเกลียดเธอมาก เห็นเธอเป็นคนเลวร้ายขนาดนั้นแล้วหรือ?
ปวด...
ในอกของขวัญรักรวดร้าวเหมือนโดนก้อนหินหนักๆ ทับเอาไว้จนหายใจไม่ออก เธอรู้สึกว่าร่างกายโงนเงนเหมือนไผ่ที่ลู่ไปตามกระแสลมยังไงยังงั้น สีหน้าขาวซีดเหมือนกระดาษ กัดฟันข่มความเจ็บปวดเอาไว้อย่างสุดกำลัง
“ไม่เอาค่ะ คุณอย่าไปโทษขวัญเลย เนตรไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ อีกอย่างเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับขวัญด้วย เขาไม่รู้ว่าเนตรแพ้กระเทียมก็ไม่แปลก เนตรเองต่างหากที่ควรจะระวังตัวให้มากกว่านี้ ไม่น่าลืมตัวเพราะความตะกละเลย”
ไอศูรย์มองคนพูดติดตลกแล้วขมวดคิ้ว เนตรกมลเพียรหว่านล้อมเขาสารพัด ดวงตาคู่สวยใสซื่อและบริสุทธิ์ ไม่มีสิ่งอื่นแอบแฝง หล่อนจะรู้ไหมว่าริมฝีปากซีดแค่ไหน สีหน้าก็ไร้สีเลือด ทุกคนต้องพลอยเดือดร้อนวุ่นวายเพราะขวัญรักแท้ๆ แต่เนตรกมลก็ยังคงปกป้องพี่สาวที่ไม่มีความรู้สึกผิดเลยอย่างเธอ
ยิ่งเห็นเขาก็ยิ่งหงุดหงิด ความเดือดดาลยากเกินจะระงับ จึงหันไปตวาดคนที่ยืนทำเป็นทองไม่รู้ร้อนว่า
“ออกไป!”