ผมเข้าเรียนต่อในช่วงบ่าย2 พอตอนเลิกเรียนเพื่อนๆก็นัดกันไปดืมที่ผับเฮียไดม่อน
“ไอ้ภู มึงไม่ไปจริงเหรอวะ ”
ไอ้ธีร์ชวนผมเป็นรอบที่สิบได้แล้วมั้ง
“ไม่ไป วันนี้กูขี้เกียจ เอาไว้วันหลังแล้วกัน ”
ผมขี้เกียจจริงๆนะ อยากกลับไปนอนหน่อย
เมื่อต้นเดือนดื่มกันหนักมาจริงๆ พอผมเดินมาใกล้โรงจอดรถ
“ชิบหายละ”
ผมโพล่งขึ้นอย่างลืมตัว เมื่อเห็นคะนิ้งกับมัดหมี่ยืนประจันหน้ากันอยู่ทางเข้าโรงจอดรถ
“มึงเป็นอะไรเชี้ยภู ทำหน้ายังกะเห็นผี ”
พอไอ้วาคิมเห็นผมหยุดเดินจึงหันกลับมาถาม
“มึงดูนู่นสิ ”
ผมบุ้ยปากไปทางโรงจอดรถ พอเพื่อนๆผมเห็นคะนิ้งกับมัดหมี่ ก็เข้าใจได้ในทันที
“พวกมึงไปกันเลยนะ เดี๋ยวกูเรียกรถกลับ ”
ผมบอกเพื่อนอย่างร้อนใจ ก่อนรีบเดินไปออกประตูอีกฝั่ง
ปัง!!
“ไปสายธารคอนโดครับ ”
ตอนนี้ผมรอดละ ถึงจะได้เรียกรถกลับก็เหอะ
-สมายด์-
“แม่คะ อาทิตย์หน้าเป็นงานประชุมผู้ปกครอง
และก็เป็นการเปิดบ้าน จัดแสดงความสามารถ
ของเด็กม.6แม่บินกลับมาได้ไหมคะ ”
{หืม อาทิตย์หน้าเหรอลูก คงไม่น่าทันนะ
อีกอย่างลูกก็รู้ว่าแม่พึ่งบินมาได้ไม่กี่วันเอง แล้วจะให้บินกลับเลยจะเป็นไปได้ยังไง }
พอแม่พูดแค่นี้ฉันก็รู้แล้วหละ ว่าแม่คงมาไม่ได้
แล้วฉันจะทำไงละทีนี้
{ใจเย็นๆก่อนนะลูก เดี๋ยวแม่ขอลองหาวิธีก่อน
ยังไงลูกต้องมีผู้ปกครองไปด้วยแน่ }
แล้วแม่ฉันก็รับปากอย่างเป็นมั่นเหมาะ
“ก็ได้ค่ะ ”
ฉันรับคำแม่เสียงหงอย แล้วแม่จะไปหาใครมาเป็นผู้ปกครองฉันได้
{งั้นแค่นี้ก่อนนะลูก คุณลุงใกล้กลับมาแล้ว แม่ไปเตรียมอาหารให้คุณลุงก่อน}
“ค่ะแม่ รักแม่นะคะ”
พอวางสายจากแม่ ฉันก็นอนมือก่ายหน้าผากอย่างคนคิดไม่ตก บางทีฉันก็ไม่ควรรอแค่แม่นะ
อาจจะต้องหาวิธีเองไปด้วย
“แต่เดี๋ยวค่อยคิดเรื่องนั้น มาคิดก่อนว่าจะทำอะไรดีในการจัดแสดงความสามารถ ”
ฉันคิดไปคิดมาซักพักใหญ่ๆ พร้อมเปิดหาข้อมูลในเว็บไซต์ต่างๆ ในที่สุดก็สรุปได้ว่า ฉันจะทำโมเดลร้านกาแฟ
“ ไปกินข้าว แล้วก็ไปซื้ออุปกรณ์ไว้เลยดีกว่า
เอามาลองทำเล่นๆจะได้ไม่เร่งมากนัก ”
พอคิดได้แบบนั้นฉันก็สะพายกระเป๋าขึ้นบ่า
แล้วลงไปยังด้านล่าง แล้วก็เจอเข้ากับพี่สุดหล่อพอดี
“อ้าว!พี่ภูพึ่งกลับเหรอคะ ”
ฉันทักทายพี่ก่อน รู้อยู่แล้วว่าพี่ไม่ชอบพูด น่าจะกลัวพิกุลร่วงจากปาก
“อืม แล้วจะออกไปไหน ใกล้ค่ำแล้ว ”
แต่ผิดคาด นึกว่าตอบอืมคำเดียวแล้วจะจบ
แต่พี่ก็ยังถามต่อ
“หนูจะไปซื้ออุปกรณ์มาทำงานค่ะ แล้วก็ว่าจะไปหาอะไรกินด้วย ”
ฉันตอบไปแบบนั้นก่อนต่างคนจะต่างเงียบ
“เออ พี่ภูไปด้วยกันไหมคะ ที่หนูค้างเลี้ยงอาหารพี่ไว้1มื้อ ไปทานวันนี้เลยก็ได้นะ ”
พอนึกขึ้นได้ว่าฉันยังค้างพี่อยู่ ฉันเลยลองชวนพี่เขาดู จะได้มีคนขับรถให้ และไม่ต้องเสี่ยงเอารถไปปะทะกับใครด้วย
“อืม ”
ห๊ะ พี่เขาตกลงด้วย เข้าทางฉันเลยทีนี้
“ไปรถพี่นะคะ ”
ฉันบอกพี่ภูอย่างดีใจ ที่นี่ฉันอยู่คนเดียวมันเหงามาก เหมือนมีพี่ภูนี่แหละที่เป็นคนเดียวที่รู้จัก
“รถฉันจอดที่มหาลัย ไปรถเธอนั่นแหละ ”
“ งั้นพี่รอหนูตรงนี้แป๊บนึงนะคะ หนูขอกลับไปเอากุญแจรถก่อน ”
ฉันบอกพี่ภูรีบๆก่อนรีบเดินกลับเข้ามาในลิฟต์โดยไม่รอคำตอบ พอได้กุญแจรถก็รีบกลับลงไปด้านล่างอย่างเร่งรีบอีกครั้ง กลัวพี่เขาจะเปลี่ยนใจ เกิดไม่ไปแล้วทำไง
“นี่ค่ะ กุญแจรถหนู ”
แฮร่กๆ
ฉันยื่นกุญแจรถให้พี่ภู พร้อมอาการเหนื่อยหอบหายใจแทบไม่ทัน
“รถคันไหน ”
“คันนั้นค่ะ ”
ฉันชี้ไปยังBMW สีดำของแม่ ที่ไม่ได้ใหม่มากนัก
“จะไปซื้อของก่อนรึจะไปกินข้าวก่อน ”
“ไปห้างได้ไหมคะ พอซื้อของเสร็จเราก็แวะกินข้าวเลย ”
หลังจากนั้นเราสองคนก็ต่างคนต่างเงียบ จนกระทั่งมาถึงห้าง ฉันก็พาพี่ภูไปร้านขายของถูก
สิบบาท-ยี่สิบบาท จะได้หมดเงินน้อยหน่อย
เลือกซื้อของอยู่เกือบ20นาที ฉันก็มาจ่ายตังค์
พนักงานขายคิดเงิน
“ทั้งหมด570บาทค่ะ ”
“นี่ค่ะ ”
ฉันหยิบกระเป๋าตังค์ออกมาจ่ายแล้วพาพี่ภูเดินตรงไปยังโซนอาหาร
“พี่อยากกินอะไรคะ เลือกเลยค่ะหนูเลี้ยงเอง
หรือพี่จะไปร้านเดิมวันนั้นก็ได้นะคะ หนูได้หมด ”
ฉันไม่เรื่องมากอยู่แล้ว กินอะไรก็กินได้ แล้วพี่ก็เดินนำไป แต่ตรงนี้จะเป็นร้านขายอาหารที่เรียงกันหลายร้าน และเป็นโต๊ะหลายตัวให้เลือกนั่งกิน ตอนแรกนึกว่าจะเข้าร้านหรูซะอีก
“ พี่จะกินตรงนี้หรอคะ ”
คิดไปคิดมา กลัวมันไม่คุ้มกับที่เขาเลี้ยงฉันวันนั้น ถ้าซื้อกินตรงนี้ไม่น่าจะเกินสองสามร้อย มันจะกลายเป็นเอาเปรียบเขาเกินไปรึเปล่า
“ เงินเดือนเด็กอนุบาลอย่างเธอ กินตรงนี้แหละ”
ดูเขาพูดเข้า ฉันมีปัญญาจ่ายหรอก แต่ก็ตามใจเขาเถอะอยากกินอะไรก็กินไป ฉันวางของไว้บนโต๊ะก่อน เดี๋ยวค่อยเดินไปเลือกอาหารที่อยากทาน
“ พี่รอหนูแป๊บนะคะ เดี๋ยวหนูไปซื้อบัตรแป๊บเดียว”
พอได้บัตรมาก็ยื่นให้พี่1ใบ แล้วฉันก็แยกไปหาที่ตัวเองอยากกิน ไม่นานฉันก็กลับมาพร้อมข้าวซอย
“หืม ของพี่น่ากินจัง ”
เป็ดย่างหนังกรอบ ราดน้ำซอสฉ่ำ แล้วก็หอมมากด้วย คนบ้าฉันก็อุตส่าห์พูดด้วยก็ไม่พูด
“กินสิ ”
หืม ที่ด่าไปเมื่อกี้ขอคืนคำพูดแล้วกัน ฉันยิ้มจนตาหยีก่อนตักเป็ดราดซอสฉ่ำๆที่อยู่อีกฝั่ง
ก่อนเอาเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ
“อือหือ อร่อยมากเลยอะ แปะไว้ก่อนแล้วกัน
รอบหน้าค่อยมากิน ”
ฉันชิมของพีแค่คำเดียวนั่นแหละ เพราะของตัวเองก็ยังไม่ได้กินซักคำ
“กินอีกสิ ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ข้าวซอยของหนูก็อร่อยเหมือนกัน”
เรากินข้าวไม่นานก็อิ่ม ฉันยังซื้อขนมหวานและชานมกลับบ้าน พร้อมถืออุปกรณ์ทำงานอีกถุงใหญ่ๆ
“พี่คะ หนูฝากพี่ถือของแป๊บเดียว หนูขอไปเข้าห้องน้ำก่อน ”
ตอนนี้ปวดฉี่มากเลย ก่อนกลับขอไปเข้าห้องน้ำหน่อยแล้วกัน
“เสร็จแล้วค่ะกลับห้องกัน ”
ทำธุระเสร็จเรียบร้อย ฉันก็จะยื่นมือไปเอาของกลับมาถือเอง แต่พี่กลับเดินไปเลยไม่พูดอะไรซักคำ ไม่ยอมส่งของให้ฉันด้วย
บนรถ
“ถ้าพรุ่งนี้พี่ไม่มีรถไปมหาลัย พี่ขับรถหนูไปก็ได้นะคะ ”
เงียบ ไม่มีเสียงตอบรับอะไร หรือว่ารถเรามันราคาถูกไปเขาไม่กล้าขับ
“ถ้าพี่อายที่จะขับ/ไปกี่โมง ”
ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดอะไรต่อ แล้วพี่เขาก็พูดสวนขึ้น
ฉันตาโตยิ้มดีใจ
“พี่ตกลงใช่ไหมคะ ”
“อืม สรุปจะไปกี่โมง”
“หนูเคารพธงชาติ8โมงตรงค่ะ ไปให้ถึงก่อน07.40 ถ้าไปเร็วก็จะดีหน่อย เพราะจะได้กินข้าวที่โรงอาการ ถ้าสายไม่เป็นไรหนูกินแค่ขนมปังกับนมก็พอ ”
ฉันรีบอธิบายยาวเหยียด
“7โมงตรงให้มาเคาะประตู”
“โอเคค่ะ พี่ใจดีเหมือนกันนะเนี่ย ”
พอมาถึงคอนโด พี่สุดหล่อก็ยังถือของให้จนมาถึงหน้าห้อง
“ ขอบคุณพี่มากนะคะ พรุ่งนี้เช้าเจอกัน”
ฉันรับของจากพี่ และก็ยังไม่ลืมกล่าวขอบคุณ
“อืม เข้าห้องได้แล้ว แล้วก็ไม่ต้องออกไปไหนกลางค่ำกลางคืน ”
“รับทราบค่ะ ฝันดีนะคะ ”
ฉันเปิดประตูเข้าห้อง ไม่รอให้พี่ได้พูดอะไรอีก
ยังไม่ทำอะไรฉันก็เริ่มทำโมเดลก่อนเลย วิญญาณนักออกแบบเข้าสิงสมายด์แล้ว
ห้าว~~~
“กี่โมงแล้วเนี่ย ”
ฉันทำงานจนดึก จนรู้สึกว่าง่วง ถึงได้มองดูเวลา
“ชิบหายแล้ว ตีหนึ่งครึ่ง ”
ฉันไม่เคยนอนดึกขนาดนี้ แล้วพรุ่งนี้จะตื่นทันไปโรงเรียนไหมเนี่ย น้ำก็ยังไม่อาบเลย ฉันรีบลุกไปอาบน้ำ แล้วรีบกลับมานอนถ้าพรุ่งนี้ตื่นไม่ทันนะ คะแนนพฤติกรรมถูกหักไปหมดแน่ๆ