ทานข้าวเช้าเสร็จ พวกเราก็เข้าเรียนในช่วงเช้า
“นักเรียนครูมีเรื่องจะแจ้งให้ทราบ เกี่ยวกับการการประชุมผู้ปกครอง ที่จะจัดขึ้นในสัปดาห์หน้าในช่วงเช้า และช่วงบ่ายจะเป็นกิจกรรมเปิดบูทให้นักเรียนได้จัดแสดงความสามารถ หรือเรียกอีกอย่างว่า open House และเน้นย้ำสำหรับนักเรียนม.6ทุกคน ว่าต้องมีผู้ปกครองมาร่วมกิจกรรม และต้องอยู่จนกิจกรรมจบ หากผู้ปกครองคนไหนกลับก่อน นักเรียนจะโดนหักคะแนนกิจกรรม ปีนี้เป็นปีสุดท้ายแล้ว ครูอยากให้นักเรียนทุกคน พยายามทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนๆให้ครบอย่าได้ขาด ใครมีอะไรสงสัยไหมคะ”
คุณครูปลายตามองนักเรียนไปรอบห้อง ฉันจึงรีบยกมือขึ้นรอถามคุณครู
“ ขออนุญาตค่ะ”
“ สงสัยอะไรคะ ถามมาได้เลยค่ะ ”
“ ถ้าในกรณีผู้ปกครองไม่อยู่ละคะ คุณแม่หนูท่านทำงานอยู่ที่ต่างประเทศค่ะ”
ฉันลุกขึ้นแล้วรีบสอบถามคุณครู แม่อยู่ต่างประเทศ คุณตาก็แก่มากแล้วท่านคงมาไม่ไหว
“ แล้วตอนนี้เธออยู่กับใคร ”
“ ถ้าเป็นที่บ้านก็อยู่กับคุณตาค่ะ แต่คุณตาท่านแก่มากแล้ว ตอนนี้หนูอยู่ที่คอนโดคนเดียวค่ะ”
คุณคุณครูประจำชั้นขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ แล้วคนอื่นล่ะไม่มีเลยหรอ ญาติบ้านใกล้เรือนเคียง ก็ไม่สามารถมาได้เลยหรอ”
ฉันนิ่งไป นั่นนะสินะ เด็กม.6ยังไม่เหมาะที่จะใช้ชีวิตคนเดียวด้วยซ้ำ ตอนนี้เหมือนฉันไม่มีใครเลย
“เอาเป็นว่า ใครก็ได้ที่ที่สามารถอยู่กับเราจนถึงจบกิจกรรม ครูต้องได้ลายเซ็นผู้ปกครองของทุกคน ในกรณียืมผู้ปกครองเพื่อน อันนี้ยิ่งไม่ควรทำ หากครูจับได้ คะแนนกิจกรรมเหลือแค่ศูนย์ ”
ครูพูดตัดอนาคตกันเกินไปแล้ว เวรกรรมอะไรของสมายด์ละเนี่ย
พักเที่ยง
“เฮ้อ!!แกเอาไงดีอะ แม่ฉันไม่อยู่ด้วยสิ ”
ฉันนั่งหงอยอย่างคนหมดหวัง ไหนจะต้องจัดแสดงความสามารถ ไหนจะต้องหาผู้ปกครองอีก
“ตาแกมาไม่ได้เลยเหรอมายด์ ”
ลูกพีชถามขึ้นเหมือนกำลังคิดหนักไปกับฉันด้วย
“อืม สงสารตาด้วยแหละ ถ้าให้ตามาป้าศศิก็ต้องบ่น ยิ่งเป็นป้าศศิยิ่งแล้วไปใหญ่เลย ไม่มีทางมาเป็นผู้ปกครองให้ฉันแน่ๆ ”
ลูกพีชแตะไหล่ฉันเบาๆ ฉันรู้ว่าเพื่อนก็เป็นกังวลกับฉันเหมือนกัน
“ไม่เป็นไร ยังมีเวลาอีกตั้ง1อาทิตย์ เดี๋ยวค่อยคิดเถอะ ไปกินข้าวดีกว่า ”
“เธอสองคนไปกินกันเลยนะ ฉันกับไอซ์จะไปเตะฟุตซอลหน่อย ฝากซื้อข้าวด้วย ”
แล้วไอซ์กับยูโรก็แยกตัวออกไป เพื่อนฉันสองคนก็แบบนี้แหละ ไม่ฟุตซอลก็เล่นบาส ไม่รู้ว่าผู้ชายจะชอบกีฬาอะไรขนาดนี้ เราสองคนเดินไปยังโรงอาหาร ชีวิตในโรงเรียนก็วนลูบอยู่แบบนี้
-ภูภัทร-
เที่ยงที่โรงอาหารคณะวิศวะ
“ไอ้ภูดูโน่น ”
ไอ้วาคิมสะกิดให้ผมดูคะนิ้งที่กำลังเดินมา เธอเป็นคนคุยผมนี่ละครับ
และเธอเป็นสเปคผมเลย เรียนคณะบริหารแต่งตัวเซ็กซี่เปรี้ยวเข็ดฟันเลยก็ว่าได้ แต่พอเราคุยกันได้2-3เดือนผมก็เริ่มเบื่อ เพราะคะนิ้งเริ่มตามหึงตามหวง จิกกัดไปทั่วไม่ว่ามีผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้ผม
“ภูคะ ทำไมนิ้งโทรหาไม่ยอมรับสายเลย อุตส่าห์ตั้งใจว่าวันหยุดจะชวนไปทะเลด้วยกัน ”
คะนิ้งเดินเข้ามา แล้วนั่งลงข้างๆผม พร้อมกับเพื่อนเธออีก2คน
“ผมไม่ว่าง เสาร์อาทิตย์ช่วงนี้ต้องกลับไปช่วยงานที่บ้าน แล้วกินอะไรรึยัง ไปสั่งข้าวมากินสิ ”
แต่ผมก็ยังคุยกับเธอนะ ไม่ได้ปฏิเสธซะทีเดียว
ผมแค่ไม่ชอบให้เธอต้องตามต้อยๆตลอดเวลา
“แล้วจะว่างวันไหนคะ นิ้งอยากไปเที่ยวทะเลกับภู ใส่ทูพีซลงเล่นน้ำด้วยกัน นิ้งว่าถึงวันนั้นทะเลคงร้อนแรงน่าดู ”
เธอโน้มหน้ากระซิบเบาๆมาที่ข้างหู
“เอาไว้วันหลังแล้วกัน ”
ผมปฏิเสธแบบนรักษาน้ำใจสุดๆ เพราะไม่อยากให้เธอรู้สึกเสียหน้า ก่อนหันไปชวนเพื่อนๆ
“พวกมึงไปดูดบุหรี่ป่ะ ”
“ไปดิ เฮ้ย พวกมึงตามไปทีหลังนะ ”
ผมกับไอ้ปอร์เช่เดินออกไปก่อน ส่วนไอ้คูเปอร์ไปทานข้าวกับแอลลี่ที่คณะบริหาร ไอ้วาคิมกับไอ้ธีร์ยังไม่อิ่ม ความจริงผมก็ยังไม่อิ่มหรอก แต่รำคาญคนมอง ที่จริงผมตั้งกฎร่วมกับคะนิ้งไว้แล้วนะ ไม่ใช่แค่กับคะนิ้งหรอก แต่กับทุกคนที่ผมกำลังคุยนั่นแหละ ผมเคยบอกแล้วว่าการคุยกันของพวกเรามันจะต้องเป็นความลับ คือยังไม่ใช่แฟนก็ต้องคบเผื่อเลือกป่ะ แต่เธอก็ทำตามข้อตกลงไม่ได้ ความจริงเธอนั่นแหละสเปคผมสุดๆ
“เชี้ยภู มึงเบื่อคะนิ้งแล้วเหรอวะ กูดูออก ”
ในระหว่างที่ผมกับไอ้ปอร์เช่กำลังดูดบุหรี่ อยู่ๆมันก็ถามขึ้น เหมือนมันมานั่งในใจผมเลย
รู้ดีไปทุกเรื่อง
“อืม น่ารำคาญ ”
ผมตอบแค่นั้น เพื่อนก็คงเข้าใจแล้วแหละ ก็รู้ๆกันอยู่
“ แต่โคตรสวยสเปคมึง ตัดทิ้งง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ ”
“ ไม่เคารพข้อตกลงกูตัดทิ้งหมดแหละ ถ้าอยากคุยกันก็ต้องยอมรับเงื่อนไขให้ได้ ”
“ร้ายวะสัสภู ”
ไอ้ปอร์เช่ถึงกับส่ายหัว คนหน้าตาดีและมากด้วยเงินทองแบบพวกผม ไม่ยึดติดกับผู้หญิงซักเท่าไหร่หรอก
“เย็นนี้มึงไปผับเฮียไดม่อนป่ะ ”
ไอ้นี่ก็ชวนไปแต่ผับ
“พักก่อน ตับกูพังพอดีสัส ”
พวกผมไปดื่มกันบ่อยมาก บ่อยจนบางทีก็ขี้เกียจไป ช่วงนี้แหละผมเป็นบ่อย
“ไอ้ภู มึงทิ้งคะนิ้งมาทำไมวะ เบื่อแล้วเหรอ ”
แล้วพอเพื่อนสองคนเดินตามมา ก็พูดแบบเดียวกันเป๊ะ เหมือนนัดกันมายังนั้นแหละ พวกผมดูดบุหรี่กันไปซักพัก ก็เดินไปพักผ่อนที่ห้องชมรม พวกเราเลือกชมรมฟุตซอล แต่ก็ยังชอบเล่นอย่างอื่นด้วย ฟุตบอล บาสเกตบอลได้หมด
“กูงีบแป๊บนะ พวกมึงห้ามรบกวน ”
ผมบอกเพื่อนๆ ก่อนที่จะปิดเปลือกตาลงแล้วผลอยหลับไปบนโซฟา
“ห้าว!!!! เชี้ยกี่โมงแล้ววะ ”
ผมหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ ตื่นมายังเห็นเพื่อนๆนั่งเล่นเกมอยู่เลย
“บ่าย2ละสัส นอนเหมือนไม่ได้นอนมาเป็นชาติอะ ”
เพื่อนเวร ก็แค่นอนป่ะ
“แล้วพวกมึงไม่ขึ้นเรียนกันรึไงวะ มันบ่าย2โมงแล้ว ”
สำหรับเพื่อนผมแล้วเรื่องเกมมาหลัก เรื่องเรียนไว้ไกลสุด
“เออ จบเกมนี้ก่อน ”
และนี่ก็คือคำตอบยอดฮิตที่ผมเองก็ชินเสียแล้ว
“งั้นกูไปล้างหน้ารอนะ ”
“ไปเลยๆ จบเกมนี้เดี๋ยวพวกกูตามไป ”
ไอ้ธีร์พูดขึ้นแต่ไม่ยอมหันมามองหน้าผม ผมเลยเดินออกจากห้องชมรมไปยังห้องน้ำ กะว่าล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นซักหน่อย
ซ่า!!!!
“พี่ภู!!!”
แต่ในระหว่างที่ผมกำลังล้างหน้าอยู่ ยังไม่ทันเสร็จดีด้วยซ้ำ เสียงแหลมคุ้นหูก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง แล้วผมก็จำได้ทั้งที่ยังไม่หันไปมอง
คนนี้อ่ะชื่อมัดหมี่ ก็คนคุยของผมอีกคนนั่นแหละ
“น้องหมี่มีอะไรรึเปล่า ”
ผมแกล้งถามไปงั้น ความจริงผมรู้ว่าเธอคงถามเหมือนกันกับคะนิ้งนั่นแหละ เพราะเวลาปกติผมไม่ชอบรับโทรศัพท์ใครเลย ยิ่งเป็นตอนที่ผมกำลังดื่ม ผมปิดเสียงไปเลยด้วยซ้ำ
“ทำไมพี่ภูไม่รับโทรศัพท์หมี่คะ ไลน์ไปก็ไม่อ่าน
รู้ไหมว่าหมี่คิดถึง ”
แล้วเธอก็ทำเสียงอ้อนมาเชียว คนนี้ก็สวยไม่แพ้กับคะนิ้ง เธอเรียนนิเทศ สาขาการแสดงพูดง่ายๆก็อยากเป็นดารานางแบบ
“พอดีพี่มีธุระหนะ ต้องช่วยงานที่บริษัทครับ เอาไว้ว่างๆเราค่อยนัดเจอกันนะดีไหม ”
ผมคุยกับมัดหมี่เพียงไม่นานก็ต้องรีบพาเธอออกจากห้องน้ำไปก่อน เดี๋ยวคนจะหาว่าผมพามัดหมี่เข้ามาทำมิดีมิร้าย เดี๋ยวก็ซวยกันไปใหญ่
“ภูคะนี่มันอะไร ทำไมเด็กนี่ถึงออกมาจากห้องน้ำกับภูได้ เพราะอีนี่ใช่ไหมถึงทำให้ภูเปลี่ยนไป”
เอาแล้วไง ในที่สุดความซวยก็บังเกิด คะนิ้งเดินมาจ๊ะเอ๋พอดี ตรงหน้าห้องน้ำพอดี
“ ทำให้พี่ภูเปลี่ยนไปอะไร หนูกับพี่ภูเราคบกัน
พี่นั่นแหละเป็นอะไรมากป่ะ”
มัดหมีเองก็สวนขึ้นทันทีอย่างไม่ยอม
“หน้าด้าน!! นี่แฟนฉัน ”
“แฟนหนูต่างหาก ”
ทั้งมัดหมี่และก็คะนิ้ง ดึงแขนผมคนละฝั่งไปมา
“หยุดก่อนได้ไหม ”
ผมพยายามห้ามให้ทั้งสองคนหยุด แต่ก็เหมือนสุภาษิตที่ว่า น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวาง
“ ไม่หยุดค่ะ พี่ภูบอกพี่คะนิ้งไปเลยว่าพี่เป็นแฟนกับหนู”
“ ภูคะ บอกมันไปค่ะว่าเราเป็นแฟนกัน และคบกันมานานแค่ไหนแล้ว”
สองคนถลึงใส่กันไปมา พร้อมดึงแขนผมซ้ายทีขวาทีจนผมชักหงุดหงิด
“ พอกันทั้งคู่นั่นแหละ ไม่ได้เป็นแฟนใครทั้งนั้น
ปล่อยได้แล้ว”
ผมสะบัดออกแล้วเดินหนีไปอีกทาง ผู้หญิงอะไรน่าเบื่อฉิบหาย แต่เสียงของพวกเธอสองคนก็ตะโกนตามมาไม่หยุด
“พี่ภู!!/ภูคะ”
แต่ผมก็ไม่สนใจ ดูสิทำเสื้อผมยับยู่ยี่ไปหมดแล้ว ผมจึงถอดเสื้อช็อปออกแล้วถือขึ้นพาดบ่า
แรงหึงของผู้หญิงโคตรน่ากลัว