6คนคุย

1688 คำ
ทานข้าวเช้าเสร็จ พวกเราก็เข้าเรียนในช่วงเช้า “นักเรียนครูมีเรื่องจะแจ้งให้ทราบ เกี่ยวกับการการประชุมผู้ปกครอง ที่จะจัดขึ้นในสัปดาห์หน้าในช่วงเช้า และช่วงบ่ายจะเป็นกิจกรรมเปิดบูทให้นักเรียนได้จัดแสดงความสามารถ หรือเรียกอีกอย่างว่า open House และเน้นย้ำสำหรับนักเรียนม.6ทุกคน ว่าต้องมีผู้ปกครองมาร่วมกิจกรรม และต้องอยู่จนกิจกรรมจบ หากผู้ปกครองคนไหนกลับก่อน นักเรียนจะโดนหักคะแนนกิจกรรม ปีนี้เป็นปีสุดท้ายแล้ว ครูอยากให้นักเรียนทุกคน พยายามทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนๆให้ครบอย่าได้ขาด ใครมีอะไรสงสัยไหมคะ” คุณครูปลายตามองนักเรียนไปรอบห้อง ฉันจึงรีบยกมือขึ้นรอถามคุณครู “ ขออนุญาตค่ะ” “ สงสัยอะไรคะ ถามมาได้เลยค่ะ ” “ ถ้าในกรณีผู้ปกครองไม่อยู่ละคะ คุณแม่หนูท่านทำงานอยู่ที่ต่างประเทศค่ะ” ฉันลุกขึ้นแล้วรีบสอบถามคุณครู แม่อยู่ต่างประเทศ คุณตาก็แก่มากแล้วท่านคงมาไม่ไหว “ แล้วตอนนี้เธออยู่กับใคร ” “ ถ้าเป็นที่บ้านก็อยู่กับคุณตาค่ะ แต่คุณตาท่านแก่มากแล้ว ตอนนี้หนูอยู่ที่คอนโดคนเดียวค่ะ” คุณคุณครูประจำชั้นขมวดคิ้วเล็กน้อย “ แล้วคนอื่นล่ะไม่มีเลยหรอ ญาติบ้านใกล้เรือนเคียง ก็ไม่สามารถมาได้เลยหรอ” ฉันนิ่งไป นั่นนะสินะ เด็กม.6ยังไม่เหมาะที่จะใช้ชีวิตคนเดียวด้วยซ้ำ ตอนนี้เหมือนฉันไม่มีใครเลย “เอาเป็นว่า ใครก็ได้ที่ที่สามารถอยู่กับเราจนถึงจบกิจกรรม ครูต้องได้ลายเซ็นผู้ปกครองของทุกคน ในกรณียืมผู้ปกครองเพื่อน อันนี้ยิ่งไม่ควรทำ หากครูจับได้ คะแนนกิจกรรมเหลือแค่ศูนย์ ” ครูพูดตัดอนาคตกันเกินไปแล้ว เวรกรรมอะไรของสมายด์ละเนี่ย พักเที่ยง “เฮ้อ!!แกเอาไงดีอะ แม่ฉันไม่อยู่ด้วยสิ ” ฉันนั่งหงอยอย่างคนหมดหวัง ไหนจะต้องจัดแสดงความสามารถ ไหนจะต้องหาผู้ปกครองอีก “ตาแกมาไม่ได้เลยเหรอมายด์ ” ลูกพีชถามขึ้นเหมือนกำลังคิดหนักไปกับฉันด้วย “อืม สงสารตาด้วยแหละ ถ้าให้ตามาป้าศศิก็ต้องบ่น ยิ่งเป็นป้าศศิยิ่งแล้วไปใหญ่เลย ไม่มีทางมาเป็นผู้ปกครองให้ฉันแน่ๆ ” ลูกพีชแตะไหล่ฉันเบาๆ ฉันรู้ว่าเพื่อนก็เป็นกังวลกับฉันเหมือนกัน “ไม่เป็นไร ยังมีเวลาอีกตั้ง1อาทิตย์ เดี๋ยวค่อยคิดเถอะ ไปกินข้าวดีกว่า ” “เธอสองคนไปกินกันเลยนะ ฉันกับไอซ์จะไปเตะฟุตซอลหน่อย ฝากซื้อข้าวด้วย ” แล้วไอซ์กับยูโรก็แยกตัวออกไป เพื่อนฉันสองคนก็แบบนี้แหละ ไม่ฟุตซอลก็เล่นบาส ไม่รู้ว่าผู้ชายจะชอบกีฬาอะไรขนาดนี้ เราสองคนเดินไปยังโรงอาหาร ชีวิตในโรงเรียนก็วนลูบอยู่แบบนี้ -ภูภัทร- เที่ยงที่โรงอาหารคณะวิศวะ “ไอ้ภูดูโน่น ” ไอ้วาคิมสะกิดให้ผมดูคะนิ้งที่กำลังเดินมา เธอเป็นคนคุยผมนี่ละครับ และเธอเป็นสเปคผมเลย เรียนคณะบริหารแต่งตัวเซ็กซี่เปรี้ยวเข็ดฟันเลยก็ว่าได้ แต่พอเราคุยกันได้2-3เดือนผมก็เริ่มเบื่อ เพราะคะนิ้งเริ่มตามหึงตามหวง จิกกัดไปทั่วไม่ว่ามีผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้ผม “ภูคะ ทำไมนิ้งโทรหาไม่ยอมรับสายเลย อุตส่าห์ตั้งใจว่าวันหยุดจะชวนไปทะเลด้วยกัน ” คะนิ้งเดินเข้ามา แล้วนั่งลงข้างๆผม พร้อมกับเพื่อนเธออีก2คน “ผมไม่ว่าง เสาร์อาทิตย์ช่วงนี้ต้องกลับไปช่วยงานที่บ้าน แล้วกินอะไรรึยัง ไปสั่งข้าวมากินสิ ” แต่ผมก็ยังคุยกับเธอนะ ไม่ได้ปฏิเสธซะทีเดียว ผมแค่ไม่ชอบให้เธอต้องตามต้อยๆตลอดเวลา “แล้วจะว่างวันไหนคะ นิ้งอยากไปเที่ยวทะเลกับภู ใส่ทูพีซลงเล่นน้ำด้วยกัน นิ้งว่าถึงวันนั้นทะเลคงร้อนแรงน่าดู ” เธอโน้มหน้ากระซิบเบาๆมาที่ข้างหู “เอาไว้วันหลังแล้วกัน ” ผมปฏิเสธแบบนรักษาน้ำใจสุดๆ เพราะไม่อยากให้เธอรู้สึกเสียหน้า ก่อนหันไปชวนเพื่อนๆ “พวกมึงไปดูดบุหรี่ป่ะ ” “ไปดิ เฮ้ย พวกมึงตามไปทีหลังนะ ” ผมกับไอ้ปอร์เช่เดินออกไปก่อน ส่วนไอ้คูเปอร์ไปทานข้าวกับแอลลี่ที่คณะบริหาร ไอ้วาคิมกับไอ้ธีร์ยังไม่อิ่ม ความจริงผมก็ยังไม่อิ่มหรอก แต่รำคาญคนมอง ที่จริงผมตั้งกฎร่วมกับคะนิ้งไว้แล้วนะ ไม่ใช่แค่กับคะนิ้งหรอก แต่กับทุกคนที่ผมกำลังคุยนั่นแหละ ผมเคยบอกแล้วว่าการคุยกันของพวกเรามันจะต้องเป็นความลับ คือยังไม่ใช่แฟนก็ต้องคบเผื่อเลือกป่ะ แต่เธอก็ทำตามข้อตกลงไม่ได้ ความจริงเธอนั่นแหละสเปคผมสุดๆ “เชี้ยภู มึงเบื่อคะนิ้งแล้วเหรอวะ กูดูออก ” ในระหว่างที่ผมกับไอ้ปอร์เช่กำลังดูดบุหรี่ อยู่ๆมันก็ถามขึ้น เหมือนมันมานั่งในใจผมเลย รู้ดีไปทุกเรื่อง “อืม น่ารำคาญ ” ผมตอบแค่นั้น เพื่อนก็คงเข้าใจแล้วแหละ ก็รู้ๆกันอยู่ “ แต่โคตรสวยสเปคมึง ตัดทิ้งง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ ” “ ไม่เคารพข้อตกลงกูตัดทิ้งหมดแหละ ถ้าอยากคุยกันก็ต้องยอมรับเงื่อนไขให้ได้ ” “ร้ายวะสัสภู ” ไอ้ปอร์เช่ถึงกับส่ายหัว คนหน้าตาดีและมากด้วยเงินทองแบบพวกผม ไม่ยึดติดกับผู้หญิงซักเท่าไหร่หรอก “เย็นนี้มึงไปผับเฮียไดม่อนป่ะ ” ไอ้นี่ก็ชวนไปแต่ผับ “พักก่อน ตับกูพังพอดีสัส ” พวกผมไปดื่มกันบ่อยมาก บ่อยจนบางทีก็ขี้เกียจไป ช่วงนี้แหละผมเป็นบ่อย “ไอ้ภู มึงทิ้งคะนิ้งมาทำไมวะ เบื่อแล้วเหรอ ” แล้วพอเพื่อนสองคนเดินตามมา ก็พูดแบบเดียวกันเป๊ะ เหมือนนัดกันมายังนั้นแหละ พวกผมดูดบุหรี่กันไปซักพัก ก็เดินไปพักผ่อนที่ห้องชมรม พวกเราเลือกชมรมฟุตซอล แต่ก็ยังชอบเล่นอย่างอื่นด้วย ฟุตบอล บาสเกตบอลได้หมด “กูงีบแป๊บนะ พวกมึงห้ามรบกวน ” ผมบอกเพื่อนๆ ก่อนที่จะปิดเปลือกตาลงแล้วผลอยหลับไปบนโซฟา “ห้าว!!!! เชี้ยกี่โมงแล้ววะ ” ผมหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ ตื่นมายังเห็นเพื่อนๆนั่งเล่นเกมอยู่เลย “บ่าย2ละสัส นอนเหมือนไม่ได้นอนมาเป็นชาติอะ ” เพื่อนเวร ก็แค่นอนป่ะ “แล้วพวกมึงไม่ขึ้นเรียนกันรึไงวะ มันบ่าย2โมงแล้ว ” สำหรับเพื่อนผมแล้วเรื่องเกมมาหลัก เรื่องเรียนไว้ไกลสุด “เออ จบเกมนี้ก่อน ” และนี่ก็คือคำตอบยอดฮิตที่ผมเองก็ชินเสียแล้ว “งั้นกูไปล้างหน้ารอนะ ” “ไปเลยๆ จบเกมนี้เดี๋ยวพวกกูตามไป ” ไอ้ธีร์พูดขึ้นแต่ไม่ยอมหันมามองหน้าผม ผมเลยเดินออกจากห้องชมรมไปยังห้องน้ำ กะว่าล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นซักหน่อย ซ่า!!!! “พี่ภู!!!” แต่ในระหว่างที่ผมกำลังล้างหน้าอยู่ ยังไม่ทันเสร็จดีด้วยซ้ำ เสียงแหลมคุ้นหูก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง แล้วผมก็จำได้ทั้งที่ยังไม่หันไปมอง คนนี้อ่ะชื่อมัดหมี่ ก็คนคุยของผมอีกคนนั่นแหละ “น้องหมี่มีอะไรรึเปล่า ” ผมแกล้งถามไปงั้น ความจริงผมรู้ว่าเธอคงถามเหมือนกันกับคะนิ้งนั่นแหละ เพราะเวลาปกติผมไม่ชอบรับโทรศัพท์ใครเลย ยิ่งเป็นตอนที่ผมกำลังดื่ม ผมปิดเสียงไปเลยด้วยซ้ำ “ทำไมพี่ภูไม่รับโทรศัพท์หมี่คะ ไลน์ไปก็ไม่อ่าน รู้ไหมว่าหมี่คิดถึง ” แล้วเธอก็ทำเสียงอ้อนมาเชียว คนนี้ก็สวยไม่แพ้กับคะนิ้ง เธอเรียนนิเทศ สาขาการแสดงพูดง่ายๆก็อยากเป็นดารานางแบบ “พอดีพี่มีธุระหนะ ต้องช่วยงานที่บริษัทครับ เอาไว้ว่างๆเราค่อยนัดเจอกันนะดีไหม ” ผมคุยกับมัดหมี่เพียงไม่นานก็ต้องรีบพาเธอออกจากห้องน้ำไปก่อน เดี๋ยวคนจะหาว่าผมพามัดหมี่เข้ามาทำมิดีมิร้าย เดี๋ยวก็ซวยกันไปใหญ่ “ภูคะนี่มันอะไร ทำไมเด็กนี่ถึงออกมาจากห้องน้ำกับภูได้ เพราะอีนี่ใช่ไหมถึงทำให้ภูเปลี่ยนไป” เอาแล้วไง ในที่สุดความซวยก็บังเกิด คะนิ้งเดินมาจ๊ะเอ๋พอดี ตรงหน้าห้องน้ำพอดี “ ทำให้พี่ภูเปลี่ยนไปอะไร หนูกับพี่ภูเราคบกัน พี่นั่นแหละเป็นอะไรมากป่ะ” มัดหมีเองก็สวนขึ้นทันทีอย่างไม่ยอม “หน้าด้าน!! นี่แฟนฉัน ” “แฟนหนูต่างหาก ” ทั้งมัดหมี่และก็คะนิ้ง ดึงแขนผมคนละฝั่งไปมา “หยุดก่อนได้ไหม ” ผมพยายามห้ามให้ทั้งสองคนหยุด แต่ก็เหมือนสุภาษิตที่ว่า น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวาง “ ไม่หยุดค่ะ พี่ภูบอกพี่คะนิ้งไปเลยว่าพี่เป็นแฟนกับหนู” “ ภูคะ บอกมันไปค่ะว่าเราเป็นแฟนกัน และคบกันมานานแค่ไหนแล้ว” สองคนถลึงใส่กันไปมา พร้อมดึงแขนผมซ้ายทีขวาทีจนผมชักหงุดหงิด “ พอกันทั้งคู่นั่นแหละ ไม่ได้เป็นแฟนใครทั้งนั้น ปล่อยได้แล้ว” ผมสะบัดออกแล้วเดินหนีไปอีกทาง ผู้หญิงอะไรน่าเบื่อฉิบหาย แต่เสียงของพวกเธอสองคนก็ตะโกนตามมาไม่หยุด “พี่ภู!!/ภูคะ” แต่ผมก็ไม่สนใจ ดูสิทำเสื้อผมยับยู่ยี่ไปหมดแล้ว ผมจึงถอดเสื้อช็อปออกแล้วถือขึ้นพาดบ่า แรงหึงของผู้หญิงโคตรน่ากลัว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม