บทที่1 คนนอกครอบครัว
ร่างเล็กหอบหนังสือเรียนและกระเป๋าสะพายสีซีดที่ผ่านการใช้งานมานานหลายปีลงจากรถเมล์ นักศึกษาสาวปีหนึ่งวัยสิบเก้าปี เดินเลี้ยวเข้าซอยบ้าน เด็กสาวเหนื่อยล้าทั้งวันกับการทำกิจกรรมของมหาวิทยาลัย กว่าจะปลีกตัวออกมาก็ดูเวลาบ่งบอกว่าห้าโมงเย็น เป็นห่วงกลัวว่าคนในบ้านจะห่วงเธอ กลับบ้านค่ำไม่แจ้งหรือส่งข้อความบอกไว้ล่วงหน้า
“ทำไมวันนี้พี่บราวนี่ถึงกลับค่ำ ปกติน้องเห็นพี่กลับตรงเวลาเป็นประจำ”
เสียงรองเท้าส้นสูงของร่างอรชรอ้อนแอ้นกำลังออกจากบ้านในยามพระอาทิตย์กำลังตกดิน ท่องเที่ยวยามราตรี เสียงกระแทกเอ่ยถามเจอคนที่ ไพลิน กานต์ทวี อคติ เกลียดชังคนนอกครอบครัวอย่างกาฝาก
ตอนเด็ก ไพลิน ก็ไม่ถึงกลับเกลียดพี่สาวบุญธรรมถูกพ่อแม่รับมาเลี้ยง ตอนเธอยังไม่เกิด ทว่าพวกท่านอยากมีลูกสาวมากจึงขอรับเลี้ยงเด็กกำพร้าคนหนึ่งถูกทอดทิ้งอยู่ในความดูแลของสถานสงเคราะห์ เมื่อลูกสาวบุญธรรมของครอบครัวกานต์ทวีมีอายุเพียงห้าขวบ มารดาได้กำเนิดลูกสาวสมใจ ซึ่งก็คือไพลิน
“วันนี้มีกิจกรรมมาก พี่ก็เลยกลับช้านิดหนึ่ง แล้วพ่อแม่ไปไหน น้องไพลินจะรีบไปไหนเหรอ”
วาลิน กานต์ทวี เอ่ยถามน้องสาวบุญธรรมห่างอายุจากเธอเพียงหนึ่งปี เธอรักพวกท่านและน้องสาว เพราะพวกท่านเติมเต็มชีวิตเด็กกำพร้า พ่อแม่ของไพลินเสมือนสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต
เธอรักและห่วง ไพลินใกล้จะเรียนจบมัธยมปลายอีกเทอมหนึ่ง ยิ่งเที่ยวเตร่กลางคืนบ่อยเข้าส่งผลไม่ดีต่อชีวิตการเรียน คนเป็นพี่สาวรู้ว่าพวกเขาทำงานหนักหาเงินมาส่งเสียเรียนแก่ลูกสาวที่เฝ้ารอคอยมานาน
วาลินรักน้องสาวคนนี้มาก เสมือนน้องสาวแท้ๆ เธอไม่รบกวนพวกท่านเดือดร้อนเรื่องเงินของเธอ วาลินออกหางานทำพาร์ตไทม์หาเงินมาแบ่งเบาภาระ
“ไพลินนัดเพื่อนออกไปทำรายงาน พ่อแม่อยู่ข้างใน พี่บราวนี่ก็เข้าไปหาพวกท่านเลยแล้วกัน น้องขอตัว”
ไพลินเอ่ยเรียกชื่อเล่นของวาลินด้วยน้ำคำโมโห เกลียดที่พี่สาวบุญธรรมมีใบหน้าสะสวยกว่า แต่ก่อนไพลินเคยตั้งชื่อเล่นแก่พี่สาวด้วยการเอาแต่ใจตัวเอง ไพลินต้องการเป็นหนึ่ง คนนอกครอบครัวจะโดดเด่นกว่าเธอผู้เป็นที่รักของพ่อแม่กว่าไม่ได้
ไพลินโดนกลุ่มเพื่อนเปรียบเทียบเธอกับพี่สาวบุญธรรม วาลินโดดเด่นทางหน้าตาสวย ไม่จำเป็นต้องเติมแต่งมีผู้ชายรุมขายขนมจีบ และโดดเด่นทางการศึกษา
ไพลินเกลียดวาลิน ถึงแม้วาลินจะบอกว่ารักเธอ ยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อน้อง ถ้าหากไม่มีพี่สาวบุญธรรมสักคนในบ้านครอบครัวกานต์ทวี เธอถูกพ่อแม่รักตามใจประสาลูกสาวคนรักเพียงคนเดียว
“ออกไปทำรายงานกับเพื่อนตอนนี้เนี่ยนะ? แต่งตัวแบบนี้ พี่ว่าไพลินคงไปเที่ยวกลางคืนกับเพื่อน พี่บอกแล้วว่าอย่าไป พี่ พ่อแม่ของน้องเป็นห่วง อายุเราก็สิบแปดปี จะจบม.6 ในเทอมหน้า พี่ไม่อยากให้พวกท่านต้องเสียใจ”
วาลินทั้งรักทั้งห่วงน้องสาว ประสบการณ์สอนให้เธอรู้ว่าพวกผู้ชายชวนเที่ยวสถานที่อโคจร กลัวว่าไพลินจะหลงแสงสี หลงระเริงตามคำชักชวนของกลุ่มเพื่อน คนดื้อรั้นมิยอมฟังตามคำเตือนของพี่สาวนอกไส้ที่เธอเกลียดชัง
“พี่วาลิน ฉันโตแล้ว ฉันจะไปไหนมันก็เรื่องของฉัน ห้ามบอกพ่อแม่ว่าฉันออกไปเที่ยวกับเพื่อน ถ้าพี่บอกความจริง ฉันจะไม่นับถือเรียกพี่ว่าพี่ของฉันอีก”
“น้องไพลิน”
ครั้นจะห้ามปราบ หรือตักเตือนเท่าไหร่ น้องสาวรักสุดดวงใจของวาลินไม่ฟัง ร่างอรชรสวมชุดเสื้อสายเดี่ยวโชว์ขับผิวขาวเนียนผุดผ่องบวกกระโปรงสั้นเหนือเข่าจงใจเดินกระแทกชนไหล่คนเป็นพี่สาวนอกไส้ออกจากบ้าน
เมื่อเห็นรถของเพื่อนจอดรอรับตามนัด ซึ่งไพลินเอ่ยโกหกบุพการีว่าต้องออกไปทำรายงาน ติวหนังสือสอบกลุ่มเพื่อนแทบทุกคืน บางทีกลับเช้า อ้างว่านอนบ้านเพื่อน
วาลินลอบถอนหายใจยาว กับความดื้อรั้นของน้องสาวเริ่มทำตัวปีกกล้าขาแข็ง คิดว่าตัวเองโตแล้วเอาตัวรอด แท้จริงกลัวใจว่าไพลินจะพลาดท่าเข้าสักวัน
“บราวนี่ กลับมาแล้วเหรอ ทานอะไรมาหรือยังจ๊ะ แม่ทำกับข้าวรอลูกเอาไว้ เห็นน้องสาวเราแล้วไหม ไพลินขอแม่ไปทำรายงานเพื่อน น่าจะกลับดึกตามเคย”
น้ำทิพย์ มารดาบุญธรรมแสนใจดีรับเลี้ยงดูอดีตเด็กกำพร้าที่ถูกพ่อแม่แท้จริงทอดทิ้ง น้ำทิพย์รักและเอ็นดูวาลินเปรียบเสมือนลูกแท้ๆ สีหน้าของหญิงวัยกลางคนพยายามเก็บซ่อนอาการเครียดวิตกกังวลบางอย่าง เมื่อตอนกลางวันมีใครมาข่มขู่พวกเธอที่บ้าน ระหว่างลูกสาวคนโตไม่อยู่
“เพิ่งเดินสวนทางไปเมื่อกี้นี้ค่ะ บราวนี่ไม่อยากให้น้องไพลินต้องออกไปกลางคืนทุกวัน มันอันตราย”
“แม่ก็เป็นห่วงน้องเหมือนกัน ยายไพลินเชื่อฟังใครได้ที่ไหนล่ะ บราวนี่ขึ้นไปเปลี่ยนชุดเถอะแล้วลงมาทานข้าวพร้อมกัน พ่อเรานั่งอยู่ตรงโน้นนะจ้ะ”
“ค่ะคุณแม่”
วาลินลอบไม่ทันสังเกตอาการวิตกกังวล กลุ้มใจเรื่องหนี้สินบางอย่าง เท่าที่รู้ ครอบครัวบุญธรรมเธอมีฐานะปานกลาง ทว่าเมื่อสองปี ร้านขายข้าวแกงขาดทุนย่อยยับ พ่อกับแม่ต้องดิ้นรนหากู้เงินยืมคนอื่น
ทว่าไม่ถึงเดินหลงทางผิดต้องกู้เงินเจ้าหนี้หน้าเลือดนอกระบบ เพื่อช่วยพยุงร้านขายข้าวแกงซึ่งเป็นธุรกิจที่เลี้ยงดูเด็กกำพร้าคนนี้จนเติบโต เธอไม่ลืมพระคุณพ่อแม่และตั้งใจเรียนจบเพื่อตอบแทนเลี้ยงดูพวกท่านและน้องสาวชอบใช้เงินฟุ่มเฟือย หรูหราเกินความจำเป็น
“แม่จะบอกให้ลูกรู้ได้ยังไงว่าครอบครัวของเราติดหนี้จากเสี่ยวิจิตร บราวนี่”
น้ำทิพย์กล่าวโทษตัวเอง เลี้ยงดูลูกสาวไพลินตามใจมากเกินไป จนไพลินได้รู้จักกับเสี่ยวิจิตรตามคำแนะนำของเพื่อนที่เคยทำงานเป็นเด็กไซด์ไลน์
เสี่ยวิจิตรชักชวนเกลี้ยกล่อมให้อนันต์ บิดาร่วมเงินลงทุน กู้เงินมาประคับประคองร้านขายข้าวแกง คราวแรกกู้เพียงห้าหมื่น ทว่าพอทบต้นทบดอกเบี้ยค้างชำระสองปี ปาเข้าไปรวมทั้งสิ้นห้าแสนบาท
อนันต์แทบล้มทั้งยืนเมื่อเสี่ยวิจิตรพาพร้อมลูกน้องข่มขู่เรื่องเงินห้าแสนบาท ยื่นข้อเสนอว่าต้องพาลูกสาวขัดดอก ซึ่งก็คือไพลิน เพราะเสี่ยถูกใจเด็กสาววัยสิบแปดปีเซ็กซี่ ชอบเข้าเที่ยวคลับของเสี่ยวิจิตรเป็นประจำ ไพลินรู้เรื่องจึงหาทางเจรจาเสี่ย ทว่าเธอไม่ยอมตกเป็นของเมียเก็บของเสี่ยวิจิตร
……
วาลินเข้ามาภายในห้องนอนอันคับแคบของตัวเอง ทว่าเป็นที่ปลอดภัยมากที่เธออาศัยซุกหัวนอน เธอเปลี่ยนชุดนักศึกษาเป็นเสื้อยืดสีขาวและกางเกงสีดำธรรมดา
หญิงสาวเหมือนเด็กกระโปโล เธอไม่สนใจเรื่องผู้ชาย หรือความรักแรกพบของวัยเด็กเหมือนคนอื่นก็แทบไม่มี ทั้งชีวิตทุกลมหายใจเข้าออกคือเงิน เธอต้องทำงานสลับการเรียน
เงินทุกบาททุกสตางค์ที่วาลินทำอย่างเหน็ดเหนื่อย ส่วนมากก็เพื่อน้องสาว ไพลินชอบขอเงินจากพี่สาวออกไปเที่ยวสำราญ ทว่าพอให้ กลับทำหน้าจิกไม่พอใจ
‘เงินแค่หนึ่งพัน กินข้าวมื้อเดียวก็หมดแล้ว พี่บราวนี่ไม่รักน้องแล้วเหรอ ถึงให้น้องน้อยลงทุกที’
‘พี่มีแค่นี้จริงๆ อีกส่วนหนึ่งพี่ให้พ่อแม่เก็บไว้เป็นทุนเรียนของน้องไพลิน ตอนที่พี่เรียนอยู่ เงินหนึ่งพัน พี่ใช้ได้เป็นเดือนเลยนะ’
‘ฉันกับพี่ไม่เหมือนกันสักหน่อย’
วาลินแอบคิดว่าจะหาทางดรอปเรียนไปก่อน แล้วหาสมัครงาน เพื่อให้ครอบครัวเธอเดือดร้อน ทว่าเสียงเอะอะโวยวาย ร้องไห้ฟูมฟายจากเสียงน้องสาว คนเป็นพี่สาวเดือดร้อนใจ ว่าไพลินกลับเร็วกว่าทุกวัน อาจเกิดเรื่องใหญ่
“น้องไพลิน”
“พี่บราวนี่ ฮื่อ...พี่ต้องช่วยน้องนะ น้องไม่อยากเป็นเมียเก็บเสี่ย”
เพียงร่างแน่งน้อยของวาลินวิ่งลงมาจากชั้นข้างบนบ้าน พ่อแม่และน้องสาวร้องไห้ฟูมฟาย ไพลินเห็นพี่สาวบุญธรรมเสแสร้งบีบน้ำตาสวมกอดพี่สาวขอความช่วยเหลือ วาลินตกใจแทบช็อคเมื่อเห็นสภาพรอยคราบน้ำตาของน้องสาวคนที่เธอรัก
“พ่อผิดเองที่ให้เสี่ยวิจิตรหลอกให้พ่อกู้เงิน พ่อขอโทษที่ปิดบังลูกบราวนี่ ว่าครอบครัวเราติดหนี้เสี่ยวิจิตร เสี่ยวิจิตรต้องการไพลินขัดดอก แต่น้องยังเรียนม.6ไม่จบ พ่อขอโทษ พ่อผิดเอง”
อนันต์ บิดาบุญธรรมของวาลินเอ่ยด้วยสีหน้ารู้สึกผิดเต็มอก
“ติดหนี้เหรอคะ ห้าแสนบาท”
วาลินแทบช็อค เงินตั้งมากมาย แค่ทำงานพาร์ตไทม์ทุกวัน อดหลับอดนอนก็ยังไม่ได้ถึงครึ่งของเงินห้าแสน
เธอจะหาเงินไปใช้หนี้เสี่ยวิจิตรได้อย่างไร อีกอย่างก็ไม่ต้องการให้น้องสาวขายตัวใช้หนี้ ถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงมากสำหรับครอบครัวของเธอ...