“บล๊อก”

2682 คำ
– วันถัดไป – เช้าวันใหม่เริ่มต้นพร้อมแสงแดดอุ่นที่ลอดผ่านม่านหน้าต่าง ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมความรู้สึกที่ไม่หนักอึ้งเหมือนเมื่อวาน ไม่มีน้ำตาค้างอยู่ที่หางตา ไม่มีความอึดอัดในอกเหมือนตอนเข้านอน มัน…โล่งขึ้นอย่างประหลาด เหมือนลมหายใจแรกที่ได้สูดเต็มปอดหลังจากจมอยู่ในความมืดมานาน เธอหยิบมือถือขึ้นมาเลื่อนดูหน้าจออย่างเคยชิน และชะงักนิดหน่อย — ข้อความจากพี่ไทเกอร์ — “ตื่นยัง :) ” “…อีตาบ้านี่ สงสัยคงเป็นโรคจิตจริงๆ สินะ” เธอพึมพำกับตัวเองเบาๆ พร้อมขมวดคิ้ว “แล้วไปเอาไลน์ฉันมาจากไหนเนี่ยยย!” น้ำเสียงติดจะหงุดหงิดปนงงเต็มที เธอจ้องหน้าจออยู่ไม่กี่วินาที ก่อนตัดสินใจแน่วแน่ — กดบล็อกอย่างไม่ลังเล — ก็ไม่ได้สนิทกันซะหน่อย แล้วทักมาทำไมแต่เช้า! เธอวางโทรศัพท์ไว้ข้างหมอน แล้วพลิกตัวหนีแสงแดด แต่กลับรู้สึกประหลาดใจนิดๆ …เพราะแม้จะบล็อกเขาไปแล้ว แต่ข้อความของเขาก็ยังวนเวียนอยู่ในหัวอยู่ดี …… -ฝั่งไทเกอร์- – เช้าวันใหม่ ณ มหาวิทยาลัย – แสงแดดยามเช้าส่องลอดผ่านเรือนยอดไม้เขียวขจีที่เรียงรายริมทางเดินในมหาลัย ลมอ่อนๆ พัดไล้ผ่านใบไม้ให้ไหวเอนไปมา เสียงนกร้องจิ๊บๆ แทรกเข้ามาเบาๆ คล้ายเป็นเพลงประกอบธรรมชาติที่ไม่ต้องการเครื่องดนตรีใดๆ บริเวณคาเฟ่เล็กใต้ตึกคณะเริ่มคึกคัก นักศึกษาหลายคนทยอยเดินเข้ามาซื้อกาแฟ แซนด์วิช หรือแค่แวะนั่งจับกลุ่มเมาท์มอยก่อนเข้าเรียน โต๊ะไม้ริมหน้าต่างเต็มไปด้วยกลุ่มเพื่อนที่ส่งเสียงหัวเราะคิกคัก บางคนดูงัวเงีย มือยังกอดแก้วกาแฟไว้แน่น มุมหนึ่งของคาเฟ่ โต๊ะริมสุดใกล้กระจก มีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งเอนหลังอยู่กับเก้าอี้ ท่าทีสบายๆ พร้อมแววตาเจ้าเล่ห์แบบคนที่ไม่ค่อยมีอะไรให้รีบเร่ง เขาคือ ‘ไทเกอร์’ “อ้าว…บล็อกกูเฉย” ไทเกอร์พึมพำกับตัวเองหลังจากเปิดแชตไลน์แล้วเห็นข้อความขึ้นว่า “คุณไม่สามารถส่งข้อความถึงผู้ใช้นี้ได้” เขาขมวดคิ้ว ก่อนค่อยๆ ยิ้มมุมปากแบบคนที่เริ่มสนุก “แรงดีวุ้ยแม่คุณ…แต่ยิ่งหนี ยิ่งอยากเล่นด้วยนะเนี่ย” เจเจที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ชำเลืองตามองก่อนจะถามอย่างงงๆ “มึงเป็นบ้าอะไร ยิ้มอยู่คนเดียว” “โดนบล็อก” ไทเกอร์ตอบเรียบๆ แต่หน้าโคตรกวน “แล้วมึงยิ้มทำไมวะ?” เจเจถามพลางหรี่ตามองอย่างไม่เข้าใจ “ก็น่าสนใจดีไง คนส่วนใหญ่เขากรี๊ดกู…แต่ยัยนี่ด่ากูในใจแล้วบล็อกกูเฉย” เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะโยนมือถือไว้บนโต๊ะ แล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายใจ “อาการมันเริ่มแล้วล่ะเพื่อน…เขาไม่สน กูดันอยากรู้จักขึ้นมาซะงั้น” เขายิ้มกวนอีกครั้ง ริมฝีปากยกขึ้นนิดๆ อย่างคนที่ไม่ได้รู้สึกเสียหน้าเลยสักนิด “เกมพึ่งเริ่มเอง…ยัยตัวเล็ก” เสียงฝีเท้าดังเข้ามาจากด้านหลัง พร้อมกับเสียงทุ้มของแทนไท “คุยไรกันวะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว” ไทเกอร์เงยหน้าขึ้นนิดหน่อย ก่อนจะยกกาแฟขึ้นจิบ ไม่ตอบ เจเจแทรกขึ้นแทน “ไอเกอร์ดิ โดนสาวบล็อกไลน์ ตลกฉิบหาย” “ห๊ะ? น้ำหน้าอย่างมึงอ่ะนะ โดนสาวบล็อก? ใครวะ?” แทนไททำหน้าตกใจปนขำ “พวกมึงนี่… เสือกอย่างที่ไอหมอกว่าจริงๆ แหละ” ไทเกอร์พูดแค่นั้นก่อนจะลุกขึ้น ยืดตัวเต็มความสูง แล้วคว้าเป้ขึ้นพาดไหล่ “เอ้า ไอเหี้ยนี่…” เจเจกับแทนไทร้องประสานกันอย่างพร้อมเพรียง หมอกกับกองทัพมองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนจะหลุดยิ้มมุมปากออกมาแบบคนดูเรื่องสนุกอยู่เงียบๆ ……. – ฝั่งแบมแบม – แสงแดดยามสายส่องลอดผ่านเรือนใบของต้นไม้ใหญ่ริมทางเดินในมหาลัย แบมแบมเดินเข้าคณะพร้อมกระเป๋าใบเล็กพาดไหล่ และกาแฟเย็นที่ถือค้างไว้ครึ่งแก้วจากร้านประจำ ใบหน้าเรียบเฉยเหมือนปกติ แต่ในใจกลับวุ่นวายไม่ต่างจากถนนในกรุงเทพฯ ยามเช้า เรื่องของพี่ไทเกอร์ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุด “บล็อกไปแล้วก็จบเรื่อง…” แต่ทำไมใจมันยังรู้สึกเหมือนมีอะไรค้างคาอยู่ก็ไม่รู้ “มาช้านะมึง เมื่อคืนเลิกดึกหรอ” เสียงของนุ่นดังขึ้นเมื่อเธอเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะใต้ต้นไม้ใหญ่ “ก็นิดหน่อยอ่ะ” แบมแบมตอบ พลางวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ “แล้วทำงานวันแรกเป็นไง ทิปดีอย่างที่เขาว่าป่ะ?” แจมถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ก็ดีนะ คนเยอะ ทิปเลยเยอะตาม” แบมแบมตอบอย่างไม่คิดมาก แต่สายตาเผลอมองแก้วกาแฟในมือ เหมือนจะคิดอะไรบางอย่างอีกครั้ง “จริงดิ กูอยากไปทำบ้างว่ะ แต่พี่แทนแม่งไม่ยอมให้กูไปทำ บอกมันอันตราย โคตรเซ็งเลย” แจมบ่น “พี่แทนก็พูดถูกแล้วแหละ มึงยังมีทางเลือกได้อีกเยอะ ไปลองหางานอย่างอื่นดีกว่า” แบมแบมพูดอย่างตรงไปตรงมา น้ำหวานที่นั่งข้างๆ เสริมขึ้นมาด้วยความห่วงใย “แล้วมึงโอเคหรอ ทำงานแบบนี้ เลิกเรียนแล้วก็ไปทำงานต่อ เลิกก็ดึก ต้องตื่นเช้ามาเรียนอีก” แบมแบมหันมายิ้มบางๆ “ให้ทำไงว่ะ ชีวิตกูมันปูทางมาแบบนี้ ถ้าไม่ทำกูก็อด” “เอาเถอะ ยังไงก็ดูแลตัวเองด้วยแล้วกันนะ เลิกงานดึกๆ ยิ่งต้องระวังเป็นพิเศษเลย” เมย์พูดขึ้นบ้าง “ทราบแล้วค่าาา~” แบมแบมตอบยานเสียงเบาๆ ทำมือเหมือนทหารรับคำสั่งเล่นๆ “เดี๋ยวกูฝากบอกพี่แทนให้ช่วยบอกพี่ไทเกอร์ให้ ช่วยดูแลมึงเผื่อมึงหัวร้อนแล้วเอาเก้าอี้ฟาดหัวลูกค้า” แจมแซวขำๆ “เห้ยย ไม่ต้องเลย กูจะไปฟาดหัวลูกค้าทำไม อีบ้า แล้วก็ไม่ต้องฝากบอกใครทั้งนั้นแหละ กูไปทำงานนะเว้ย เกี่ยวเหี้ยไรกับพี่ไทเกอร์อะไรของมึงอีก” แบมแบมโวยวายออกมาทันที แจมทำตาโตแล้วพูดเสียงสูง “อ้าว! มึงไม่รู้หรอว่าพี่ไทเกอร์ก็เป็นเจ้าของร้านที่มึงทำอยู่อ่ะ!” เจ้าของร้าน… อ๋ออออ… เธอนิ่งไปชั่ววูบ ก่อนคำพูดเมื่อคืนของเขาจะย้อนกลับเข้ามาในหัวอย่างชัดเจน “ก็เป็นเจ้าของร้านที่เธอยืนอยู่ตรงนี้ไง… หรืออยากให้ฉันเป็นอย่างอื่น?” แบมแบมรีบปัดภาพในหัวทิ้งราวกับจะสะบัดมันออกจากสมอง “ก็…พอรู้มาบ้างแหละ” น้ำเสียงที่ตอบไปนั้นแม้จะดูนิ่ง แต่ในใจกลับร้อนรุ่มอย่างประหลาด เธอไม่ได้อยากให้ใครมารับรู้ถึงความวุ่นวายในใจตอนนี้ แม้แต่กับเพื่อนสนิทของตัวเองก็ตาม “ไปเรียนกันเถอะ เข้าสายเดี๋ยวก็โดนเช็กขาดอีก” เสียงของน้ำหวานดังขึ้นพร้อมกับการลุกจากเก้าอี้ ทุกคนเริ่มเก็บของเตรียมเดินเข้าตึกเรียน ระหว่างที่กำลังเดินเข้าอาคารคณะ แบมแบมยังรู้สึกได้ถึงสายตาของเพื่อนบางคนที่มองมาด้วยสีหน้าล้อเลียนปนแซว ทั้งแจม ทั้งนุ่น ดูเหมือนจะจับได้ว่าเธอเริ่มมีอะไรในใจ… “ยัยแบม… เขินหรือร้อน?” แจมหันมากระซิบเบา ๆ “ร้อนแดดป่ะวะ เดินไปอย่าเพิ่งเสือก” แบมแบมหันไปค้อนใส่ทันทีแต่แก้มดันแดงขึ้นมานิด ๆ จนถูกแซวหนักกว่าเดิม “โอ้ยยย หน้าแดงจริงด้วย!” “มึงอ่ะ! อย่ามายุ่ง กูร้อนเฉย ๆ ไม่ได้เขิน!” แบมแบมรีบเดินนำลิ่วไปเลยทันที ทิ้งเพื่อนสาวทั้งกลุ่มไว้ขำกันอยู่ข้างหลัง …… 17.30 น. เสียงประกาศจากไมค์กลางสนามกิจกรรมเรียกความสนใจจากนักศึกษาปีหนึ่งที่นั่งกระจายกันเป็นกลุ่มเล็กใหญ่ใต้ร่มไม้ใหญ่ “ถึงเวลาของกิจกรรมจับสายรหัสแล้วนะค้าบบบบ~ ปีหนึ่งเตรียมตัวให้พร้อมเลยนะ!” บรรยากาศโดยรอบเริ่มคึกคัก เสียงพูดคุยดังเซ็งแซ่ปนความตื่นเต้น ไม่ทันไร รุ่นพี่พิธีกรก็พูดขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงสดใส “โอเค! ตอนนี้ขอให้น้อง ๆ มายืนต่อแถวสุ่มสายรหัสกันได้เลยนะครับ!” ฉันยืนอยู่แถวกลาง ๆ ของกลุ่ม หัวใจเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเห็นกล่องกระดาษที่ใช้สุ่มชื่อพี่สายรหัสถูกเวียนมาทีละคน ใกล้เข้ามาทุกที คนแรกที่โดนเรียกคือน้ำหวาน แน่นอนว่าพี่หมอกก็ตรงดิ่งมารับทันทีแบบไม่มีใครแย่ง สองคนนั้นเขามีอะไรบางอย่าง…ที่ไม่ต้องพูดก็รู้กันทั้งกลุ่ม เสียงรุ่นพี่ประกาศชื่อถัด ๆ ไป จนกระทั่ง… “คนต่อไป น้องแบมแบมครับ เชิญครับ ตาน้องแล้ว” ฉันกำลังจะก้าวออกไปข้างหน้า มือเตรียมจะหยิบกระดาษจากกล่องที่พี่ถือไว้ แต่แล้ว… “คนนี้มีสายรหัสอยู่แล้ว ไม่ต้องจับ” เสียงห้าวต่ำดังขึ้นอย่างชัดเจนท่ามกลางความเงียบของเพื่อนปีหนึ่งทุกคน ฉันชะงัก หันไปมองตามเสียง …พี่ไทเกอร์ เขายืนอยู่ไม่ห่างนัก ใส่เสื้อยืดสีดำธรรมดา ๆ กับกางเกงยีนส์ แต่ด้วยบุคลิกและสายตานิ่ง ๆ กวน ๆ แบบนั้น กลับทำให้ทุกคนหันไปมองอย่างพร้อมเพรียง รุ่นพี่พิธีกรหันไปมองหน้าพี่เขาอย่างงง ๆ “อ่า… สายรหัสน้องแบมแบมเป็นพี่ไทเกอร์เหรอครับ?” “ใช่” เขาตอบกลับหน้าตาย แล้วยกมือขึ้นล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างสบายใจ ราวกับเรื่องที่พูดมันเป็นเรื่องเล็กน้อย ฉันยืนนิ่ง ตัวแข็งไปชั่วครู่ ใครอนุญาตวะ!? ใครให้เขาเป็นสายรหัสฉัน!? เสียงกระซิบกระซาบของเพื่อนปีหนึ่งดังขึ้นรอบข้าง “โห พี่ไทเกอร์เลือกน้องแบมเลยเหรอวะ” “นี่มันจีบชัด ๆ แล้วมั้ง” “หรือว่าสองคนนี้มีอะไรกันจริง?” ฉันหันไปมองกลุ่มเพื่อนที่ยืนหัวเราะกันเงียบ ๆ โดยเฉพาะแจมที่เอามือป้องปากแล้วชี้มาที่ฉันอย่างรู้งาน แบมแบมขบกรามแน่น หน้าเริ่มแดงจนหูร้อน แต่ยังคงก้าวขากลับไปที่เดิมอย่างเก็บอาการสุดชีวิต “เอาล่ะครับ! งั้นน้องแบมแบมข้ามไปเลยนะครับ! สายรหัสถูกล็อกไว้เรียบร้อย!” พี่พิธีกรหันกลับไปยิ้มแหย ๆ แล้วประกาศชื่อถัดไปต่อทันที ฉันเหลือบมองไปทางเขาอีกครั้ง พี่ไทเกอร์ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ยิ้มกวน ๆ แล้วกระพริบตาข้างหนึ่งมาให้ …ไอ้บ้า เกมนี่มันจะเล่นกันจริงจังขนาดนี้เลยเหรอ? 20.00 น. อากาศยามค่ำเริ่มเย็นลงเล็กน้อย หลังแสงสุดท้ายของวันลับขอบฟ้าไปแล้วไม่นาน ไฟสนามในมหาวิทยาลัยส่องสว่างตัดกับความมืดโดยรอบ ทำให้บรรยากาศดูสลัวแต่ไม่อึมครึม กลุ่มนักศึกษาปีหนึ่งทยอยเดินออกจากลานกิจกรรมอย่างเหน็ดเหนื่อย บางคนพิงไหล่เพื่อน บางคนหัวเราะคิกคักระหว่างทางกลับหอพัก รองเท้าผ้าใบเก่า ๆ ลากไปกับพื้นสนามหญ้า บ้างก็เดินเอื่อย ๆ ราวกับขาจะไม่มีแรงก้าวต่อ กลิ่นเหงื่อ ผสมกลิ่นอากาศชื้นหลังพระอาทิตย์ตก ทำให้ความรู้สึกของวันนี้ดูชัดเจนขึ้นในหัว เหนื่อย…แต่สนุก เพลีย…แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างค้างคาอยู่ในใจ ลมเย็นโชยผ่านอย่างแผ่วเบา ใบไม้กรอบไหวเป็นจังหวะ เสียงหรีดหริ่งเรไรเริ่มร้องประสานกับเสียงพูดคุยของนักศึกษา บางกลุ่มนัดกันไปหาอะไรกินต่อ บางคนเดินไปด้วยกันเงียบ ๆ แค่แชร์ความเงียบก็พอ “อิจฉามึงว่ะอีแบม ได้พี่ไทเกอร์สุดหล่อของกูมาเป็นสายรหัส” แจมพูดพลางทำหน้าเซ็งจัด “จะแลกกับกูไหมล่ะ? กูก็ไม่ได้อยากให้เขาเป็นสายรหัสกูเท่าไหร่ ขี้เก๊กฉิบหาย” ฉันบ่นเสียงเบื่อๆ “ระวังเถอะมึง! เกลียด ๆ อยู่เนี่ย เดี๋ยวจะได้เขามาเป็นผัวซะเอง ฮ่า ๆ” นุ่นแซวพร้อมหัวเราะร่า “หึ ไม่มีทางอ่ะ แล้วจะไม่มีวันนั้นด้วย” ฉันตอบเสียงนิ่ง ใครจะบ้าไปคบกับอีตานั้น “มึงจะรู้ได้ไงล่ะ อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้ป่ะ” น้ำหวานพูดขึ้นพร้อมยักคิ้ว “อ่อออ…เหมือนมึงใช่ป่ะ ไม่ต้องสุ่ม ระบบแม่งบังคับให้เลย” เมย์แซวพลางหันไปยิ้มล้อ ๆ ใส่น้ำหวาน น้ำหวานกลอกตา “มึงนี่นะ พูดมาก เดี๋ยวกูยื่นใบเปลี่ยนสายรหัสเลยเอ้า!” “เปลี่ยนไม่ได้แล้วจ้า พี่หมอกล็อกไว้แน่นหนากว่าสายยูเอสบีอีก” แจมหัวเราะ “มึงนี่ชอบพาดพิงกูตลอดเลยนะ” น้ำหวานเบ้ปาก ทำทีเหมือนจะงอน “แหมมม ก็พี่เขาทำคะแนนดีขนาดนี้ จะไม่ให้พูดถึงได้ไงวะ” นุ่นเสริมพลางทำเสียงแซว “แต่พูดถึงพี่หมอกนะ… เขาก็ดีอ่ะ ดูเงียบ ๆ แต่เทคแคร์น้องเบา ๆ นะเว้ย” เมย์พูดพลางยิ้มกว้าง “เออ วันนี้กูก็เห็น แอบถือขวดน้ำให้หวานด้วยอ่ะ กรี๊ดดดด” แจมพูดพลางเอามือทาบอก ทำท่าตื่นเต้น “กะ…ก็แค่ขวดน้ำป่ะวะ! ไม่ต้องเว่อร์!” น้ำหวานรีบแก้ตัว แต่หน้าแดงแปร๊ดจนเพื่อน ๆ พากันกรี๊ดลั่น “แค่ขวดน้ำแต่หน้ามึงแดงเหมือนโดนขอแต่งงาน!” นุ่นแซวเสียงดัง ก่อนที่ทุกคนจะหัวเราะกันยกกลุ่ม “นู้นนนน พ่อมึงมารับละ” ฉันพูดขึ้นทันทีที่เห็นพี่หมอกเดินตรงเข้ามาทางกลุ่ม พูดพลางยกคางไปทางเขาอย่างรู้ทัน “แหมม ช่วงนี้มีคนรับส่งด้วยอ่ะ” แจมแซวพร้อมหัวเราะคิกคัก พี่หมอกเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ากลุ่มพวกฉันด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แต่ก็มีแววอ่อนโยนแอบซ่อนอยู่ “เสร็จยัง?” น้ำหวานพยักหน้าเบา ๆ “อืม… เสร็จแล้ว” “งั้นไป กลับบ้าน” พี่หมอกพูดสั้น ๆ แต่เสียงทุ้มนุ่มนั่นกับน้ำหวาน “โอ๊ยยย พูดน้อยแต่ทำไมเขินหนักวะ” เมย์กระซิบใส่แจม ขณะที่ทุกคนต่างแอบหัวเราะกันเบา ๆ น้ำหวานรีบโบกมือลาเพื่อน “ไปละนะ เดี๋ยวค่อยคุยกัน!” ก่อนจะรีบเดินไปข้างพี่หมอกอย่างเขิน ๆ โดยไม่หันกลับมาเลย “กูว่าไม่เกินเดือนนี้แหละ ได้กินหมอกแน่” นุ่นสรุปพร้อมเสียงฮือฮาจากเพื่อน ๆ ที่ยังยืนแซวกันสนุกสนาน “กูกลับละ ต้องไปทำงานต่อ” ฉันพูดพลางคว้ากระเป๋าขึ้นพาดบ่า สูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อรวบรวมแรงที่เหลืออยู่ “เออ กลับดี ๆ ล่ะมึง” แจมพูดขึ้นพร้อมโบกมือลา คนอื่น ๆ ก็พยักหน้าตามและส่งยิ้มให้ฉัน “เหนื่อยก็พักบ้างนะเว้ย อย่าฝืนมาก” เมย์เสริมเบา ๆ ฉันพยักหน้ารับ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากลานกิจกรรมอย่างช้า ๆ แสงไฟจากสนามค่อย ๆ เลือนหายไปด้านหลัง ทิ้งให้มีเพียงเสียงฝีเท้ากับลมเย็นที่พัดเอื่อย ๆ ตลอดทางเดินกลับ แม้ร่างกายจะอ่อนล้า แต่หัวใจก็ยังทำงานหนัก ภาพของคนคนหนึ่งวนเวียนไม่หยุดในหัว คนที่พูดออกมาเสียงดังกลางลานกิจกรรม… “คนนี้มีสายรหัสอยู่แล้ว ไม่ต้องจับ” …ใครใช้ให้เขาพูดแบบนั้นวะ ฉันส่ายหน้าเบา ๆ กับตัวเองแล้วถอนหายใจ พลางเร่งฝีเท้าออกจากเขตสนามเพื่อเตรียมตัวไปเปลี่ยนเป็น ‘แบมแบมพนักงานร้านเหล้า’ ในอีกไม่กี่สิบนาทีข้างหน้า
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม