นภัสสรตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปเซ็นใบทะเบียนสมรสเพียงลำพัง เธอตั้งใจเก็บรักษามันไว้อย่างดี จนกว่าจะถึงวันที่ไม่ต้องการ
ในระหว่างที่แขกเหรื่อกำลังจับกลุ่มคุยกัน นภัสรก็ลงไปช่วยแม่ครัวจัดชุดขนมไทย โดยเฉพาะขนมตระกูลทองที่เธอลงมือทำด้วยตัวเองทั้งหมด
ผู้ใหญ่บางคนถึงกับเอ่ยปากชมในฝีมือการทำขนมของเธอว่ารสมือดีมาก คงเอกลักษณ์ของความเป็นไทยโบราณได้เป็นอย่างดี
หญิงสาวตักขนมเสน่ห์จันทน์ ดาราทอง ฝอยทอง และชุดน้ำชานำเข้าไปให้ผู้ใหญ่ในห้องรับแขกจนครบทุกคน
เธอนึกขึ้นได้ว่าคณินยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เช้า จึงนำขนมไปให้สักหน่อยจะได้ไม่หิว
“คุณคณินคะ ฉันเอาขนมกับน้ำชามาให้ค่ะ” มือเรียววางชุดขนมไทยลงบนโต๊ะในขณะที่เจ้าตัวกำลังกดโทรศัพท์อ่านข่าวธุรกิจทั่วไป เขาปรายตาขึ้นมามองเธออย่างไม่พอใจ
“สมใจเธอแล้วสิที่เอาชนะฉันได้ ได้แต่งงานในวังไม่พอ ยังได้จดทะเบียนสมรสอีก”
“คุณคณินคะ ตั้งแต่เด็กจนโตฉันไม่เคยคิดจะเอาชนะคุณสักครั้ง มีแต่คุณที่คิดไปเองคนเดียวทั้งหมด….”
ต่อให้อธิบายเป็นพันรอบเขาก็คงไม่เชื่อ คนมันอคติ ยังไงก็อคติอยู่วันยันค่ำ
“ฉัน-ไม่-เชื่อ!”
เขาว่าพลางหยิบขนมกับน้ำชาที่เธอนำมาให้ถือไว้ในมือ และเททิ้งลงบนพื้น ก่อนจะเหยียบขยี้โดยไม่สนใจความรู้สึกเธอสักนิด
“คุณคณิน!”
ขนมไทยโบราณที่เธอตั้งใจตื่นแต่เช้านั่งหลังขดหลังแข็งลงมือทำเองทุกขั้นตอนกลับพังทลายในพริบตา
“เธอกับฉันไม่มีวันญาติดีกันได้หรอก”
พูดจบเขาก็เดินออกจากห้องรับรองไปหาเพื่อนที่มาร่วมงานแต่งของตัวเอง
ทิ้งให้นภัสสรยืนอยู่ในห้องพักรับรอง มองของกินที่เธอตั้งใจนำมาให้เขาด้วยความเจ็บปวดใจ น้ำตาที่คลอเบ้าไหลหยดลงบนแก้มสวย
รู้ทั้งรู้ว่าการที่รักคนอย่างเขามันจะทำให้เธอเสียใจ แต่ก็ยังดันดุรังไปรัก
นภัสสรยังไม่รู้เลยว่าจะมีวันไหนที่เธอจะเลิกรักเขาได้ หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึกๆ ยกมือขึ้นมาปาดคราบน้ำตา ก่อนจะยิ้มกับตัวเองแล้วออกไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ
18.00 น.
ช่วงเวลาเย็นพิธีเลี้ยงฉลองมงคลสมรสของคณินกับนภัสสรจัดขึ้นในห้องจัดเลี้ยงโรงแรมติดแม่น้ำเจ้าพระยา
พิธีกรกล่าวคำอวยพรและเชิญแขกทุกคนให้ร่วมรับประทานอาหารเย็น วงดนตรีสุดพิเศษเริ่มบรรเลงบทเพลงรักโรแมนติก
'รุจิษยา' เพื่อนสนิทอันดับหนึ่งของนภัสสรมาร่วมงานนี้ในฐานะเพื่อนเจ้าสาว มองไปรอบงาน ทว่ากลับยังไม่เห็นเจ้าบ่าวเดินมาหาเจ้าสาวอย่างเพื่อนเธอแม้แต่ก้าวเดียว
“ภัสสร เจ้าบ่าวสุดที่รักของเธอไปไหน...”
หญิงสาวพยักเพยิดหน้าไปทางขวาซึ่งรุจิษยามองตามก็เห็นคณินกำลังยืนอยู่กับกลุ่มเพื่อนผู้ชายแก๊งเดียวกัน
จะสนิทกันก็ไม่แปลกอะไร แต่สิ่งที่ทำให้รุจิษยารู้สึกขัดใจคือคณินกำลังโอบเอวนางแบบสาวที่เป็นข่าวอย่างเปิดเผย โดยไม่แคร์สายตาแขกเหรื่อที่มองมา
รุจิษยาเบิกตากว้างพลางยกมือทาบอก กล้ามากที่นัวเนียกับผู้หญิงคนอื่นกลางงานแต่งงานของตัวเอง เธอเห็นใจเพื่อนตัวเองที่ต้องเห็นภาพบาดตาบาดใจ
ถึงแม้จะรู้เรื่องราวความสัมพันธ์อันไม่ลงรอยกันของคณินกับเพื่อนเธอมาตลอด
โดยอีกฝ่ายเกลียดชัง แต่อีกฝ่ายรักหมดใจ ไม่มีความเสมอเหมือนกันสักนิดซึ่งรุจิษยาบอกให้เพื่อนเธอตัดใจ แต่นภัสสรก็ยังยืนที่จะรักเขาต่อไป
“ยัยภัสสร เธอรักเขาอยู่ฝ่ายเดียวมันจะไปกันรอดได้ไง นี่ชีวิตคู่นะเว้ย ไม่ใช่เล่นขายของ”
หญิงสาวกลืนน้ำลายอึกใหญ่หันไปฝืนยิ้มให้เพื่อนสนิท แต่สายตาของเธอก็ทอดไปยังเจ้าบ่าวที่กำลังพูดคุยกันอย่างสนิทชิดเชื้อกับเพื่อนๆ และนางแบบสาวคนโปรด
“รุจิ...ที่ฉันแต่งงานเพราะฉันทำตามความต้องการของผู้มีพระคุณ แล้วก็ทำตามหัวใจตัวเอง…”
“เธอไหวแน่นะ...”
นภัสสรพยักหน้า พยายามทำให้ทุกอย่างดูปกติ แต่แววตาคู่งามสะท้อนความเศร้าอยู่ในนั้น
“ตอนนี้ยังไหว ฉันมั่นใจว่าสักวันจะเอาชนะใจคุณคณินได้”
“สัญญานะ ถ้าวันหนึ่งเธอไม่ไหว มาหาฉันที่เชียงใหม่ ที่นั่นต้อนรับเธอเสมอ”
“อื้ม! ฉันสัญญา”
ในขณะที่รุจิษยากับนภัสสรกำลังคุยกัน ไข่มุกปรายตามองไปที่เจ้าสาว
เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ชนะที่ได้ยืนอยู่ในตำแหน่งนี้ ถึงแม้จะไม่ได้เป็นเจ้าสาว แต่เจ้าบ่าวก็เลือกมาหาเธอ
ไข่มุกเห็นคณินกำลังพูดคุยกับแก๊งเพื่อนผู้ชายอย่างเพลิดเพลินใจ เธอหาจังหวะคลายมือออกจากแขนเขา แล้วเดินไปหานภัสสรทันที
“คุณภัสสร ฉันว่าคุณคงเป็นเจ้าที่เหงาที่สุด...” ไข่มุกกล่าวด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน รุจิษยากับนภัสสรหันมามองหญิงสาวที่ยืนกอดอกตรงหน้าทำราวกับว่าเป็นเจ้าสาวซะเอง
“ทำไมเพื่อนฉันต้องเหงา ในเมื่อมีเพื่อนฝูงกับแขกผู้ใหญ่มาร่วมงานเยอะแยะ” รุจิษยาก้าวท้าวมาประจันหน้ากับไข่มุก และตอบคำถามแทนเพื่อนรัก
เธอรู้ดีว่าเพื่อนของเธอเป็นคนรักสงบไม่ชอบมีเรื่องกับใคร ดังนั้นหากมีเรื่องขุ่นเคืองใจ เธอพร้อมจัดการแทนเพื่อนเสมอ
ไข่มุกแค่นหัวเราะเบาๆ มองทั้งคู่ตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ฉันไม่ได้หมายถึงเพื่อนฝูงหรอกค่ะ แต่หมายถึงเจ้าบ่าวไม่สนใจเจ้าสาวต่างหาก”
“ไม่เหงาค่ะ ฉันมีความสุขดี คุณมาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเถอะค่ะ” นภัสสรตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย