“เสร็จแล้วค่ะ...เดี๋ยวบัวจะทำอะไรอร่อย ๆ ให้พี่ธรรม์นะคะ พี่ธรรม์อยากทานอะไรคะ”
“พี่ขอแค่ขนมปังทาแยมก็พอ...อืม...เดี๋ยวพี่ทำเองดีกว่า”
“ไม่เป็นไรค่ะ บัวทำให้นะคะ”
“ถ้าอย่างนั้นพี่เข้าครัวพร้อมบัวก็แล้วกัน”
เขาพูดยิ้ม ๆ แต่ไม่ใช่ยิ้มเจ้าเล่ห์เพราะธรรม์พยายามไม่แสดงออกว่าเขาเริ่มตื่นตัวกับน้องเมียขึ้นมาแล้วตงิด ๆ สักพักใบบัวก็เข้าไปในครัวพร้อมพี่เขย หล่อนรีบทำของที่เขาอยากกิน นั่นคือขนมปังทาแยม
“พี่ธรรม์อยากกินแยมแบบไหนเหรอคะ สตรอว์เบอร์รี่หรือว่ามามาเลดส้ม”
“พี่ชอบแยมส้มจ้ะบัว”
พอเขาบอกอย่างนั้นน้องเมียคนสวยก็รีบหยิบขนมปังพร้อมขวดแยมสีส้มมาตั้งบนโต๊ะ หล่อนทำอย่างคล่องแคล่วพร้อมรอยยิ้ม ธรรม์เห็นแล้วอดนึกไปไม่ได้ว่ามันดูเหมือนเมียกำลังทำอาหารให้ผัวยังไงยังงั้น
“ชอบแยมบาง ๆ หรือเยอะ ๆ คะพี่ธรรม์”
“ไม่เป็นไรหรอกบัว เดี๋ยวพี่ทาแยมเองก็ได้...อ๊ะ!...”
ธรรม์อุทานเพราะเขาหวังดีจะจัดการเองแต่กลายเป็นว่าพอยื่นมือเข้าไปช่วยกลับทำให้แยมส้มเลอะมือน้องเมียไปเสียอย่างนั้น
“พี่ขอโทษบัว...พี่ขอโทษ”
ธรรม์ละล่ำละลักบอกแล้วเผลอจับมือบอบบางนุ่มนิ่มของหล่อนไว้แน่น เขารีบหยิบกระดาษชำระมาเช็ดที่ปลายนิ้วของใบบัวโดยไม่สังเกตว่าใบบัวจ้องมองตอนที่เขากำลังเช็ดคราบแยมบนมือของหล่อนตาไม่กระพริบ
พี่ธรรม์นี่ยิ่งมองใกล้ ๆ ยิ่งหล่อเป็นบ้าเลย...ใบบัวนึกในใจและหล่อนก็ไม่รู้ยความนัยของพี่เขยว่าตอนนั้นเขาเองก็ใจสั่นเพราะนึกจินตนาการว่าแยมทั้งขวดหกเลอะเทอะบนเนื้อตัวเปล่าเปลือยของหล่อน ธรรม์นึกมโนภาพของบัวนอนบิดเร่าบนโต๊ะกินข้าวและมีแยมส้มเลอะเทอะบนตัวของหล่อน ทั้งบนสองเต้าอวบอิ่มและหน้าท้องกระทั่งบน...
“พี่ธรรม์ขา...มือบัวสะอาดแล้วค่ะ”
เสียงของใบบัวทำให้ธรรม์ตื่นจากมโนภาพในหัวของตัวเอง ชายหนุ่มเผลอหน้าแดง เขายิ้มทั้งที่ยังจับมือของหล่อนไว้แน่นไม่ยอมปล่อยและก้มลงดูปลายนิ้วของหญิงสาวที่ตอนนี้ไม่เหลือคราบแยมผลไม้แม้แต่นิดเดียว
“อะ...อ้าว....เหรอ...คือว่า...พี่อยากเช็ดให้สะอาดน่ะ พี่ทำแยมเลอะมือบัวอย่างนี้พี่นี่สะเพร่าวะจริง ๆ เลย”
“แหม...ไม่เป็นไรหรอกค่ะ...ว่าแต่...พี่ธรรม์ปล่อยมือบัวก่อนสิคะ เดี๋ยวบัวจะทำให้เอง พี่ธรรม์นั่งรอเฉย ๆ ดีกว่านะคะ”
พอใบบัวบอกอย่างนั้นธรรม์ก็ปล่อยมือนุ่ม ๆ ของหล่อนเป็นอิสระแต่ก็ยังอดนึกถึงความนุ่มนิ่มที่เขาสัมผัสเมื่อกี๊ไม่ได้ แกท่าจะบ้าไปแล้ว...ธรรม์บอกตัวเองเพราะยิ่งนับวันเวลาได้ใกล้ชิดน้องเมียมันก็ยิ่งทำให้ความคิดของเขาเตลิดเปิดเปิงมากขึ้นทุกที หรือเพราะเขาห่างกับต้นน้ำทั้งที่อยู่บ้านเดียวกันเลยทำให้เริ่มนึกถึงผู้หญิงคนอื่น ผู้หญิงคนอื่นก็ไม่ใช่ แต่เป็นคนในบ้านเดียวกันอีกนั่นล่ะ แถมอยู่ในสถานะน้องเมียของเขาเสียด้วย
“คืนนี้พี่ต้นน้ำคงกลับดึกอีกตามเคยค่ะพี่ธรรม์ ถ้าพี่ธรรม์หิวดึก ๆ ในตู้เย็นมีกับข้าวแช่แข็งนะคะ บัวซื้อมาเตรียมไว้ให้”
ใบบัวยังพูดขณะที่ทำขนมปังให้เขา ธรรม์ยิ้มและนึกในใจว่าทำไม๊...คนที่เป็นเมียของเขาถึงไม่ใช่ใบบัว เพราะยิ่งนับวันต้นน้ำก็ยิ่งไม่มีเวลาให้เขา เข้าใจว่าทำงานหาเงินเพื่อสร้างอนาคตแต่มันก็ทำให้เขาแอบเหงาโดยไม่รู้ตัว แต่ชายหนุ่มที่มีหัวใจรักครอบครัวอย่างเขาจะไม่คิดทำอะไรรุ่มร่ามกับผู้หญิงที่ไม่ใช่เมียตัวเองโดยเด็ดขาด เขาก็เคยบวชเรียนมาแล้ว รู้แล้วว่าเวลาอย่างนี้ต้องเอาธรรมะเข้าข่มใจ
อตฺตาหิ อตฺตโน นาโถ ….ตนแลเป็นที่พึ่งแแห่งตน
เอ...ไม่ใช่ไม่ใช่ อันนี้เขาต้องใช้เวลาเมียไม่อยู่ เขาต้องช่วยตัวเองอยู่แล้ว อันนี้ดีกว่า
สจฺจํ หเว สเธุตรํ รสานํ …ความสัตย์นั่นแล ดีกว่ารสทั้งหลาย
ธรรม์นั่งยิ้มกับตัวเองเหมือนเขากำลังบรรลุธรรมขั้นสุดท้ายในขณะที่ใบบัวมองเขาด้วยความแปลกใจว่าทำไมพี่เขยถึงนั่งยิ้มคนเดียว
ตกกลางคืนกว่าใบบัวจะเข้านอนหล่อนก็อ่านหนังสือเพลินจนเวลาล่วงเข้าไปถึงเกือบเที่ยงคืน หล่อนเหลือบดูนาฬิกาและก้มมองตัวเองที่ยังอยู่ในชุดนักศึกษาพลางหาววอด ๆ เมื่อรู้สึกว่าเริ่มง่วง หญิงสาวปิดหนังสือทั้งที่อ่านไม่ค่อยจะเข้าหัวเท่าไหร่ถึงจะพยายามตั้งใจหลายครั้งจนเวลาใกล้เที่ยงคืนอยู่แล้ว
ก็ความรู้สึกตอนนี้มันจดจ่ออยู่กับเรื่องของพี่เขย ในหัวของหล่อนเห็นแต่หน้าธรรม์โผล่แว๊บว๊าบเข้ามาตลอดเวลาทำให้เสียสมาธิในการอ่านหนังสืออย่างที่หล่อนตั้งใจ ใบบัวนึกถึงตอนที่เขาจับมือหล่อนเมื่อเย็น นึกถึงตอนที่ธรรม์เช็ดแยมบนมือของหล่อนและได้เห็นหน้าเขาแบบใกล้ชิดเพราะโดยปกติหล่อนไม่ได้อยู่ใกล้พี่เขยสักเท่าไหร่
ทำไมต้องคิดถึงธรรม์ด้วยก็ไม่รู้...ใบบัวเตือนตัวเองว่าเขาเป็นผัวพี่สาว เป็นพี่เขยของหล่อนจึงไม่ควรคิดเลยเถิดกับเรื่องอย่างว่า แต่ถึงจะเตือนตัวเองมากเท่าไหร่ใจหล่อนก็ยังไพล่คิดถึงหน้าหล่อ ๆ ของพี่เขยอยู่ดี หญิงสาวสะบัดหน้าส่ายหัวเพื่อสลัดความคิดถึงออกจากสมาธิที่ฟุ้งซ่าน มีแต่หล่อนที่มัวคิดมาก ป่านนี้ธรรม์คงหลับไปแล้วกระมังเพราะปกติเขาจะเข้านอนเร็วแม้พี่สาวจะกลับดึกดื่นแค่ไหน แต่น่าแปลกที่คืนนี้ใบบัวยังไม่ได้ยินเสียงรถของพี่สาว หรือต้นน้ำจะกลับดึกกว่านี้ก็ไม่รู้