“เชิญคุณวราภัคด้านในค่ะ” พยาบาลหน้าห้องตรวจเรียกชื่อของหญิงสาวที่ตอนนี้มือเย็นเฉียบไปแล้ว แม้จะสงสัยว่าตัวเองท้อง แต่ก็แค่สงสัย
“เชิญนั่งค่ะ นี่คงเป็นสามีคุณใช่ไหมคะ” คุณหมอ
กอบัวคนสวยเอ่ยถาม
“เอ่อ...เพื่อนค่ะ” วราภัคยิ้มเจื่อนกล่าวออกมา คุณหมอคงแปลกใจสินะที่มาตรวจครรภ์เหตุใดจึงมากับเพื่อน ทั้งที่ควรมากับสามีเสียมากกว่า
“หมอยินดีด้วยค่ะ คุณกำลังท้องได้ 6 สัปดาห์แล้ว นับจากข้อมูลประจำเดือนของคุณที่ให้ไว้”
“ฮะ....ทะ...ท้องเหรอคะ”
หญิงสาวยอมรับว่าตัวเองตกใจ แม้ว่าจะอยู่ในวัยมีครอบครัวได้แล้ว แต่ทว่าอะไรหลาย ๆ อย่างก็ทำให้เธอยังไม่พร้อม ทั้งคอนโดที่กำลังเช่า แล้วก็เงินเดือนเพียงสองหมื่นกับต้องเลี้ยงเจ้าตัวเล็กอีกคน ทำให้เธอคิดหนัก
“ค่ะ”
“ฝากครรภ์เลยไหมคะ เรียกคุณพ่อมาด้วยก็ได้จะได้ไม่เสียเวลา”
คำแนะนำของคุณหมอถัดมาทำให้วราภัคหน้าซีด
‘ก็อยากจะชวนพ่อมาหรอกนะ...แต่ว่าเธอจะเจอเขาได้อย่างไร แม้ว่าจะรู้ว่าเขาพักที่คอนโดไหน ห้องอะไร แต่แบบจะเดินไปบอกชายแปลกหน้าที่มีความสัมพันธ์แบบชั่วคราว เขาคนนั้นจะรู้สึกอย่างไร ไม่ไล่เธอออกมาจากห้องเหรอ เธอหน้าด้านทำแบบนั้นไม่ได้หรอก’
“ฉันเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวค่ะ สามีเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อเดือนก่อน” และเธอเลือกจะโกหกหมอ เพราะไม่เห็นทางที่จะพูดอะไรได้ดีกว่านี้อีกแล้ว จนคมสันจับมือพยักหน้าให้กับเธอ
เมื่อออกจากห้องมารับยา คมสันก็ถอนหายใจ แล้วก็ไปจัดการเรื่องฝากครรภ์ให้เพื่อนแทน โดยไม่ลงชื่อพ่อในใบฝากครรภ์
“แกจะเอาอย่างไรต่อ”
“เอาอย่างไรได้ล่ะ...ก็เลี้ยงลูกสิ” หญิงสาวรับรู้เดี๋ยวนี้เองว่าความวู่วามของเธอ ทำให้มีบ่วงเกิดขึ้นกับตัวเองแล้ว แต่ก็ดีเหมือนกันไม่ต้องมีสามีก็ท้องได้ ดีนะว่าตัวเองพ่อแม่เสียชีวิตหมดแล้ว ไม่เช่นนั้นต้องกังวลเรื่องท้องไม่มีพ่อให้ชาวบ้านนินทาอีก
“ไหวไหมแก”
คมสันเห็นท่าทางของเพื่อนดูเศร้าก็อดหวั่นใจไม่ได้ กลัวเหลือเกินว่าจะคิดสั้น จากที่โดนผู้เทเมื่อสามเดือนก่อนแผลยังไม่สมานดี คราวนี้ก็ท้องไม่มีพ่ออีก
“ฮึบ...ไหวสิ”
หญิงสาวเดินออกจากแผนกสูติ โดยที่ชวกรก็เดินมาที่แผนกสูติเช่นเดียวกันเพียงแต่คลาดกันนิดเดียว
“สวัสดีค่ะ คุณหมอชวกรสุดหล่อ วันนี้ลมอะไรพัดมาถึงนี่คะ”
“เอาเอกสารตรวจคุณแม่ตั้งครรภ์แล้วพบมะเร็งที่สมองมาให้คุณหมอกอบัวอ่านครับ เด็กน่าจะต้องผ่าคลอดก่อนกำหนด เพราะคุณแม่น่าจะอาการหนัก” ชวกรกล่าวเสียงเครียด
“เห้อ...น่าสงสารจัง เมื่อกี้ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งท้องได้ 6 สัปดาห์ค่ะ แต่สามีเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อเดือนที่แล้ว เศร้าใจจังเลยนะคะ”
“ทำไงได้...เราเป็นหมอก็แค่รักษาไป”
“จริงค่ะ ว่าแต่คุณหมอกรมีสาวในดวงใจหรือยังคะ”
“จะว่ามีก็ไม่ใช่ ไม่มีก็ไม่เชิง...เอาเป็นว่ากำลังตามหาเธออยู่ครับ ไม่รู้จะตามได้ที่ไหน”
ชวกรเศร้ามาสามเดือนแล้ว เขาอยากเจอผู้หญิงคนนั้น ไม่รู้ว่าเธอกินยาป้องกันการตั้งครรภ์หรือเปล่า อดหวั่นใจไม่น้อยเช่นกัน เพราะตัวเองกินมูมมามตะกละตะกลามจนเธอหวาดกลัวแล้วหนีไปแน่ ๆ
“ทำหน้าเศร้าเหมือนเมียหนีอย่างนั้นแหละค่ะ”
กอบัวหยอกเย้าเมื่อเห็นสีหน้าคุณหมอรุ่นพี่เศร้าเป็นหมาหงอย
“เห้อ...ผมไปแล้วครับ”
หมอหนุ่มไม่มีอะไรจะพูด เขากำลังทำใจตั้งแต่วันนั้นผ่านมาหลายเดือนแล้ว อารมณ์ก็เหมือนคนอกหักและถูกทิ้งอยู่ทุกวันจนรู้สึกว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้าไปแล้วหรือเปล่า
วันถัดมา...วราภัคแจ้งเรื่องเข้าฝ่ายบุคคลว่าเธอท้อง แล้วก็มีเรื่องซุบซิบของเธอกับศุภโชคดังโหมกระพือยิ่งกว่าไฟบรรลัยกัลป์ในนรกเสียอีก แต่คนที่ลอยตัวเหนือปัญหาอย่างวราภัคทำตัวเป็นน้ำนิ่งไหลลึก ไม่ไหวติงหรือใส่ใจกับการนินทาที่หาสาระไม่ได้ของคนในบริษัท
‘บางทีก็อยากจะรู้ว่า หากแต่ละคนใส่ใจงานของตัวเองมากกว่าเรื่องคนอื่น บริษัทจะมีกำไรขนาดไหนกันนะ’
แต่ก็ได้แต่สงสัยจนตอนบ่ายศุภโชคเรียกเธอเข้าไปคุยในห้องเย็น ที่เย็นยะเยือกเวลามีปัญหาแล้วหัวหน้ามักจะเรียกเข้าไปด่าทอในห้องนี้ หากเป็นเมื่อก่อนเธอดีใจมากที่จะได้เข้าห้องเย็น เพราะได้อยู่กับเขาตามลำพัง ยิ้มให้ได้อย่างเปิดเผย ไม่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ซึ่งตอนแรกก็โง่เอง คิดว่าเขากลัวคนเอาไปนินทาเรื่องเจ้านายลูกน้อง
แต่แท้ที่จริงแล้วคือ เธอไม่ใช่ตัวจริงของเขา
“นั่งสิ” เมื่อเธอผลักประตูเข้ามาในห้องที่ติดฟิล์มมืด เขาก็ผายมือลงให้เธอนั่งตรงข้ามกับเขา
“คุณท้องกับใคร” เขาเริ่มต้นคำถามแรก
“คิดว่าเรื่องนี้ค่อนข้างส่วนตัวค่ะ บอกไม่ได้” วราภัค
ไม่อยากตอบเขา แล้วก็ไม่จำเป็นด้วย แค่เจ้านายและลูกน้องก็ควรมีแค่เรื่องงานอย่างเดียวมิใช่เหรอ
“เลิกประชดผมสักทีได้ไหมวรา...คุณก็รู้ว่าผมแคร์คุณแค่ไหน”
“ฉันว่าระหว่างเรา มันควรจะจบที่เจ้านายและลูกน้องค่ะ เพราะฉันไม่อยากโดนนินทาว่าเป็นเมียลับ ๆ ของใคร” หญิงสาวพูดออกมาตามตรง เพราะเธอเบื่อเต็มทนแล้ว
อีกไม่ถึงครึ่งปีเขาก็จะแต่งงาน แต่ว่ายังคิดถึงผู้หญิงคนอื่นแบบนี้ น่าสงสารเจ้าสาวเสียจริง!
“ผมไม่ได้ตั้งใจจะหลอกคุณ”
“เรียกว่าฉันโง่เองดีกว่าค่ะ เรื่องของเราจบไปนานแล้ว เข้าเรื่องเถอะค่ะ ว่าเรียกฉันมาที่นี่เพื่ออะไร” เธอไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้แล้ว แค่นี้ก็รบกวนเวลาทำงานของเธอไปหลายนาที
“ผมแค่แจ้งให้ทราบว่าคนท้องห้ามทำโอที คุณระวังเรื่องนี้ด้วย อย่าอยู่เกินเวลาไม่เช่นนั้นบริษัทจะโดนตรวจสอบ”
“งานที่ถมให้ฉันน้อยเหรอคะ?”
ตั้งแต่วันนั้นเหมือนตัวเองโดนแกล้งบวกกับการพยายามบีบให้ออกทางอ้อม โดยการโยนงานสารพัดอย่างมาให้เธอ แล้วให้เธอไปอ้อนวอนขอร้องเขา แล้วก็เข้าทางที่จะตกลงเป็นเมียอีกคน
หึ...ไม่มีวัน...เธอถึกอย่างควายแค่นี้ไม่คณามือ
“ผมจะย้ายงานคุณออก...แล้วก็...พ่อของเด็ก”
“ย้ำอีกครั้งค่ะ เรื่องส่วนตัวคือเรื่องส่วนตัว”
วราภัคเดินออกจากห้องโดยไม่หันกลับมามองอดีตคนเคยรักอีกเลย ในเมื่อเลวกับเธอเพียงนี้แล้วก็ขออย่าเกี่ยวข้องกันอีก ลูกของเธอย่อมเลี้ยงเองได้
กระทั่งเวลาผ่านไปจวบจนคลอดลูก แม้ว่าจะต้องทำงานจนเกือบวันสุดท้ายเธอก็ไม่หวั่น ขอสู้เพื่อลูกน้อยในท้องที่รู้ว่าเป็นผู้ชายและได้ขอให้คุณหมอกอบัวช่วยตั้งชื่อ เพราะเธอถูกชะตากับคุณหมอกอบัว เวลามาหาเหมือนได้กำลังใจกลับไปทุกครั้ง
บรรยากาศในการคลอดลูกมีเพียงคมสัน เพื่อนเก้งของเธอเท่านั้นที่มาเฝ้าอยู่หน้าห้อง เมื่อได้ยินเสียงเด็กร้องความเจ็บปวดของผู้เป็นแม่ก็จางหายไป แทรกมาด้วยความดีใจอย่างเปี่ยมล้น
“ดีใจด้วยนะคะ คุณแม่ลูกชายแข็งแรงครบสามสิบสองค่ะ” พยาบาลกล่าวกับคุณแม่มือใหม่ ก่อนเธอจะหลับไปทั้งรอยยิ้ม