“ฮันนี่ ผมลืมหนังสือที่จะเอามาให้แพทริกไว้ในรถน่ะ เดี๋ยวผมกลับไปเอาก่อนนะ” อารอนว่า เมื่อทั้งคู่พากันมาทานมื้อค่ำที่บ้านของแพทริก ตามคำชวนของเจ้าของบ้าน แต่ยังไม่ทันจะก้าวเข้าไปด้านในเพราะอารอนฉุกคิดได้ว่าลืมของที่จะเอามาให้แพทริกไว้ในรถ
“เดี๋ยวฉันไปเอาให้ พอดีฉันลืมกระเป๋าไว้ในรถด้วย” ปรียาภัทรบอกอย่างมีน้ำใจ เพราะเธอก็ตั้งใจจะเดินไปหยิบกระเป๋าที่ลืมเอาไว้ในรถของอีกฝ่ายพอดี
“โอเคครับ” อารอนยื่นกุญแจรถมาให้ เธอรับมันเอาไว้ก่อนเท้าเล็กจะก้าวเดินไปยังรถ
“อยู่ไหนนะ” ปากเล็กบ่นพึมพำ เพราะยังหาหนังสือที่อีกฝ่ายฝากมาหยิบไม่เจอ เธอค้นบริเวณแผงหน้ารถอยู่ชั่วครู่ เมื่อไม่เจอจึงอ้อมไปหาบริเวณเบาะหลัง
ในที่สุดเธอก็เจอหนังสือที่ต้องการ มือเล็กไม่รอช้ารีบคว้าหมับขึ้นมา ก่อนที่ตาคู่สวยจะสะดุดเข้ากับสิ่งที่วางอยู่ข้างหนังสือที่เธอหยิบขึ้นมา
ตากลมโตเบิกกว้าง พร้อมๆ กับที่มือบอบบางเอื้อมไปหยิบสิ่งที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมาดู
สิ่งที่เธอเห็นก็คือวิดีโอชายรักชายจำนวนหลายแผ่นแล้วยังมีนิตยสารรูปผู้ชายอวดหุ่นกล้ามเป็นมัดๆ อีกหลายเล่ม
“อย่าบอกนะว่าคุณเป็น…จริงๆ”
ไม่มีผู้ชายแท้ๆ ที่ไหนจะพกของแบบนี้แน่ อารอน เรมี่ เป็นเกย์
แพทริกเป็นคนแนะนำให้เธอกับเขาได้รู้จักกัน ชื่อข้าวหอมของเธอคนต่างชาติอย่างเขาคงออกเสียงเรียกลำบาก ชื่อเธอเลยกลายเป็นคาวฮอมเมื่อออกมาจากปากเขา แต่พอเธอปฏิเสธว่าไม่ได้ชื่อคาวฮอม เขาเลยเรียกเธอว่าฮันนี่อย่างถือวิสาสะ เธอต่อว่าเขาไปหลายครั้งแต่เขาก็ยังเรียกเธอว่าฮันนี่จนเธอเหนื่อยหน่ายใจ เลยปล่อยเลยตามเลย
อารอนชอบเย้าแหย่เธอไม่ต่างอะไรจากหมาหยอกไก่ เธอรู้ดีว่าเขาไม่ได้คิดอะไร พอถูกหยอกเย้ามากๆ เข้า ใจดวงน้อยๆ ก็เริ่มสั่นไหว เลยจำต้องแสดงท่าทางไม่ใส่ใจเมื่อเขามาหยอกเย้า เพื่อปกป้องหัวใจของตัวเอง
เรื่องมาเกิดก็ตอนงานแต่งของแพทริกกับวีรณานั่นแหละ เธอนึกย้อนไปถึงพิธีช่วงเช้าที่เธอกับอารอนทำหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าว-เจ้าสาว
“นี่คุณ ไม่ไปแย่งช่อดอกไม้กับเขาเหรอ”
“ไม่!” เธอหันไปบอกเขาอย่างไม่ใส่ใจ ไม่รู้ว่าอีตาบ้านี่จะมายุ่งวุ่นวายอะไรกับเธอนักหนา
“ผมรู้น่าว่าคุณอยากได้ช่อดอกไม้นั่น เผื่อจะมีคนหลงผิดมาขอคุณเป็นว่าที่เจ้าสาวไง”
“มันเรื่องของฉัน” ปรียาภัทรสะบัดหน้าใส่อย่างไม่อยากเสวนาด้วย เธอเดินหนีเขา แต่อารอนก็ยังแกล้งเดินตามเธอมาติดๆ
“เอ๊ะ! นี่คุณ จะเดินตามฉันมาทำไม”
“ผมก็เดินตามทางของผม ไม่เดินตามคุณเสียหน่อย” เขายกยิ้มอย่างกวนประสาท
“ชิ!” เมื่อไม่สามารถทำอะไรเขาได้ เธอจึงหันกลับแล้วเดินหนีเขาไปอีกครั้ง
“คุณ ระวัง!” อารอนร้องบอกเธอ ตามสัญชาตญาณ เมื่อมีวัตถุลอยมา ปรียาภัทรจึงคว้าหมับเอาไว้
“ช่อดอกไม้!”
ปรียาภัทรถึงกับตะลึงกับสิ่งที่อยู่ในมือ เธอไม่เคยคิดจะอยากได้มันเลยสักนิด ทั้งๆ ที่เธอไม่ไปร่วมแย่งรับมันแล้วนะ ทำไมถึงลอยมาหาเธอได้อีก
“โอ้ว…พระเจ้า คุณคงได้เป็นเจ้าสาวคนต่อไป แต่เชื่อเถอะ คนที่มาเป็นเจ้าบ่าวคุณต้องเป็นผู้ชายที่โชคร้ายมากๆ หรือไม่ก็ตาบอดแน่ๆ และรับรองได้เลยว่าผู้ชายคนนั้นต้องไม่ใช่ผม”
“ฉันก็ไม่เคย อยากจะได้ผู้ชายที่เป็น…ผู้ชายแบบคุณมาเป็นเจ้าบ่าวหรอกนะ” เธอละคำว่าผู้ชายที่เป็น ‘เกย์’ เอาไว้ในใจ
“ทำไม ผู้ชายอย่างผมมันเป็นยังไง”
“ผู้ชายอย่างคุณน่ะเหรอ…”
เธอแกล้งมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วเบะปากใส่ พร้อมยักไหล่แบบกวนสุดๆ แล้วเดินหนีเขาไปโดยไม่ยอมพูดต่อให้จบ
“โธ่เว้ย!” เขาไม่ได้เดินตามเธอมาอีกเพียงแต่สบถออกมาอย่างหงุดหงิด “อย่าให้ถึงตาผมมั่งนะ ยายคาวฮอม”
เขาไม่เคยรู้เลยว่า คำพูดของเขาทำให้เธอเจ็บช้ำน้ำใจมากแค่ไหน แต่เรื่องใหญ่กว่าก็คืองานเลี้ยงกลางคืนนี่แหละ เธอเดินชิมอาหารในงานพร้อมดื่มเครื่องดื่มไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง...
“น้ำพั้นซ์ไหมครับ” บริกรถือถาดที่ภายในมีแก้วทรงสูงบรรจุน้ำสีฟ้ามาตรงหน้าเธอ เธอเห็นสีของมันสวยดี เลยคว้ามาดื่มหนึ่งแก้ว กระดกรวดเดียวหมดแล้ววางแก้วใส่ถาดที่บริกรถืออยู่ไว้อย่างเดิม บริกรจากไปไม่ถึงหนึ่งนาที เธอก็รู้สึกว่ามึนศีรษะแล้วสติของเธอก็ดับวูบไป
มารู้ตัวอีกทีก็ตอนตื่นมาแล้วพบว่าตัวเองนอนร่างเปลือยเปล่า แถมข้างๆ เธอก็ยังมีชายหนุ่มร่างเปลือยเปล่าไม่ต่างจากเธอ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกเสียจาก ‘อารอน เรมี่’ และห้องที่เธออยู่ในขณะนั้นดูยังไงก็ไม่ใช่ห้องของเธออย่างแน่นอน
เธอรีบกระวีกระวาดปีนลงจากเตียง เก็บเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่ตามพื้นขึ้นมาสวมใส่อย่างลวกๆ แล้วรีบออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ดีที่อารอนไม่ตื่นมาเห็นเธอเข้าเสียก่อน เธอก็ไม่รู้เหมือนกันมาไปอยู่กับเขาได้ยังไง แต่เรื่องที่เธอรู้ก็คือ ‘เธอเสียพรหมจรรย์ให้ผู้ชายที่เป็นเกย์’
หลังจากวันนั้นเธอก็ได้เจอกับอารอนบ้าง แต่เขาก็ดูปกติดี คงจะจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ได้ เขาก็ยังคงเย้าแหย่เธออย่างที่เคย แต่ก็ดีแล้วละ เพราะเธอไม่รู้เหมือนกันถ้าเกิดเขาพูดเรื่องนั้นขึ้นมา เธอจะทำยังไงดี
อากาศเริ่มเย็นลง มือบอบบางลูบแขนตนเองไปมา ราวกับว่าจะช่วยลดความหนาวเย็นลงได้ แต่เมื่อความหนาวโจมตีเธอมากขึ้น จึงกลับเข้าห้อง ตอนแรกตั้งใจว่าจะล้มตัวลงนอนเลย แต่อากาศเย็นแบบนี้ เธอก็อดห่วงคนที่นอนอยู่ที่โซฟาไม่ได้ ตั้งใจว่าจะไม่ดูดำดูดี แต่ก็อดห่วงไม่ได้จริงๆ
หญิงสาวเดินไปหยิบผ้าห่มในตู้ ถือออกมาด้านนอก แล้วตรงไปยังโซฟาที่ชายหนุ่มนอนอยู่
เธอไม่แปลกใจเลยที่เห็นเขานอนขดตัว ก็อากาศออกจะเย็นขนาดนี้ คนบ้า! มาทนนอนหนาวอยู่ได้ แทนที่จะกลับไปนอนสบายๆ ที่ห้องของตัวเอง
เธอนั่งลงข้างโซฟา คลี่ผ้าห่มออก แล้วค่อยๆ ห่มให้เขาอย่างเบามือด้วยเกรงว่าเขาจะตื่น มือเล็กจัดการคลุมผ้าให้เขาอย่างมิดชิด เหลือเพียงแค่ศีรษะและลำคอที่พ้นผ้าออกมาเพียงเท่านั้น ก่อนจะลุกกลับเข้าห้อง เธอมองหน้าชายหนุ่มอีกครั้ง พลางคิดในใจ
‘ถ้าคุณชอบผู้หญิง ก็คงจะดีนะ’
แล้วเธอก็ลุกขึ้นเดินตรงเข้าห้องไป โดยไม่รู้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งที่ทอดมองตามเธอไปด้วยความรู้สึกที่อ่านไม่ออก
เช้านี้ปรียาภัทรยังคงตื่นแต่เช้าดังเช่นทุกวัน จัดการทำธุระส่วนตัวเสร็จก็เตรียมตัวออกไปทำงาน เธอทำงานให้กับบริษัทนิตยสารชื่อดังอย่างเออาร์ สปอร์ต แมกกาซีนซึ่งนิตยสารฉบับนี้จะนำเสนอข่าวของคนดังไม่ว่าจะเป็นนักแสดง นักร้อง นักการเมือง พวกไฮโซและเซเลบ หรือแม้กระทั่งนักกีฬา โดยเฉพาะข่าวของนักกีฬาจะถูกตีแผ่จากนิตยสารแห่งนี้มากที่สุดในกรุงลอนดอน ว่ากันว่าลูกชายของเจ้าของบริษัทก็เป็นนักกีฬาฟุตบอลเสียด้วย แต่เธอยังไม่เคยเห็นเขาเลยสักครั้ง บอสของเธอบอกว่าเร็วๆ นี้ ท่านประธานจะส่งลูกชายเข้ามาดูงานและเตรียมตัวขึ้นมาดูแลกิจการแทนผู้เป็นบิดาที่วางแผนว่าจะวางมือในอีกไม่ช้า แต่นั่นก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอ เพราะเธอก็แค่ลูกจ้างระดับล่างๆ เท่านั้น ไม่ได้มีตำแหน่งใหญ่โตอะไร ใครจะมาบริหารก็เป็นเรื่องของผู้หลักผู้ใหญ่ ขอแค่ไม่ไล่เธอออกก็เป็นพอ