ความคิดนี้ของอี้อันทำให้นางหัวเราะเยาะตัวนางเอง ในเมื่อมาอยู่ในภพนี้แล้ว นางยังจะต้องคิดเรื่องในภพเดิมให้ปวดหัวไปไย ต่อให้ย้อนกลับไปได้จริงนางยังจะสนใจบุรุษที่ทอดทิ้งนางเพื่ออำนาจได้หรือ
หลี่เยว่ที่เห็นบุตรสาวไม่ค่อยยิ้มแย้ม ราวกับมีเรื่องที่ทำให้นางครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลาจึงได้เอ่ยชวนให้ไปไหว้พระขอพรในตอนเช้า
“อาอี้ พรุ่งนี้ไปไหว้พระกับแม่หน่อยไหมลูก” นางเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
“ดีค่ะ หนูก็ว่าจะชวนคุณแม่พอดี” สองแม่ลูกนัดแนะเวลาที่จะออกเดินทาง ก่อนที่จะแยกย้ายไปพักผ่อน
วันที่สองแม่ลูกมาขอพร นักท่องเที่ยวหนาตา ด้วยเพราะเจ้าอาวาสที่วัดแห่งนี้ทำนายทายทักได้แม่นยำนัก
แต่สองแม่ลูกไม่คิดที่จะต่อแถวเพื่อรอฟังคำทำนาย ทั้งคู่ไหว้พระขอพรเพียงอย่างเดียว แต่เมื่อจะเดินทางกลับ สามเณรน้อยก็วิ่งมาที่ทั้งคู่ พร้อมทั้งเชิญไปที่ห้องรับรอง
“สีกาเข้าไปได้เพียงผู้เดียว” เณรน้อยรีบร้องบอก เมื่อเห็นว่าหลี่เยว่กำลังจะเดินเข้าไปด้านในกับอี้อัน
“อาอี้ แม่จะรอลูกอยู่ด้านนอก” หลี่เยว่ยอมที่จะถอยออกมา
เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่เจ้าอาวาสจะเชิญตัวเข้าไปพบโดยที่ไม่ได้ร้องขอเช่นนี้
“ค่ะแม่” อี้อันเดินเข้าไปด้านในเพียงผู้เดียว
นางเห็นเจ้าอาวาสที่ชราภาพมากแล้ว นั่งหลับตานับลูกประคำอยู่ในมือ นางจึงเดินเข้าไปนั่งที่เบาะตรงหน้าอย่างเงียบๆ เพื่อรอให้ท่านลืมตาออกจากสมาธิ
“สีกา รู้หรือไม่ ว่าท่านไม่ควรมาอยู่ในที่แห่งนี้” เจ้าอาวาสเอ่ยขึ้นโดยที่ไม่ได้ลืมตาขึ้นมามองอี้อัน
นางตกใจจนยกมือขึ้นปิดปาก เพราะกลัวจะกรีดร้องออกมา เรื่องนี้แม้แต่คุณพ่อ คุณแม่ของนางในภพนี้ นางยังไม่เคยคิดจะบอกกล่าวมาก่อน
“ท่านหมายความว่าอย่างไรคะ” นางเอ่ยถามเสียงสั่น
“เพราะห้วงเวลาที่ผิดพลาด ทำให้ท่านมาอยู่ที่แห่งนี้ ใกล้ถึงเวลาที่สีกาต้องกลับไปยังที่ ที่จากมาแล้ว”
“กลับไป ไม่กลับได้หรือไม่” นางเอ่ยถามเสียงเบา นางเริ่มกลัวว่าชีวิตของนางจะเป็นไปตามเนื้อเรื่องที่นิยายได้เขียนเอาไว้
“ท่านไม่ต้องกังวลถึงเรื่องที่ยังไม่เกิด เพราะทุกเรื่องท่านเลือกเองได้”
เจ้าอาวาสลืมตาขึ้นมามองอี้อัน ก่อนที่จะยื่นแหวนหยกให้นาง
เมื่อเห็นสีหน้าที่เหมือนจะเอ่ยถามของอี้อัน เจ้าอาวาสก็อธิบายให้นางฟังก่อนที่นางจะเอ่ยถามออกมา
“เพราะสวรรค์เห็นใจสีกา” เจ้าอาวาสบอกกล่าวเพียงเท่านั้นก่อนที่จะหลับตาลงอีกครั้ง
อี้อันที่กำลังจะเอ่ยถามก็ถูกสามเณรน้อยพาตัวออกมาจากห้องเสียก่อน
“เป็นอะไรไปลูก หรือท่านเจ้าอาวาสทักไม่ดี” หลี่เยว่รีบเดินเข้ามาหาอี้อันที่ใบหน้าซีดขาวอย่างเป็นห่วง
“ไม่ค่ะ เพียงแค่ให้สิ่งนี้กับลูก” นางยื่นแหวนให้มารดาได้ดู
“ดีดีดี แม่ยังไม่เคยได้ยินว่ามีใครที่ได้รับของจากท่านมาก่อน รีบใส่ไว้เร็วเข้า โชคดีแล้วอาอี้” หลี่เยว่ดึงมืออี้อันไปจับไปอย่างยินดี
อี้อันนางก็สวมใส่แหวนที่นิ้วมือ เพื่อให้คุณแม่สบายใจ แต่คำพูดของเจ้าอาวาสไม่อาจทำให้ใจของนางสงบลงได้
และไม่รู้ว่าแหวนที่ได้รับมาจะใช่เรื่องดีสำหรับนางหรือไม่ หากแหวนที่ได้มาคือตัวแปรที่ทำให้นางต้องย้อนกลับไปที่ภพเดิม สู้ทิ้งไปเสียมิดีกว่าหรือ
อี้อันที่จิตใจไม่สงบ พอกลับถึงบ้านนางก็เข้าไปอยู่ที่ห้องหนังสือ แล้วค้นหาเรื่องที่เกี่ยวกับแหวนที่ได้มาทั้งหมด แต่เรื่องที่ได้รับรู้ เป็นเพียงแค่เนื้อหยกดูอย่างไร หรือว่าสีของหยกบ่งบอกความหมายเช่นไรเสียมากกว่า
นางเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อเข้าค้นหาความหมายเพิ่มเติม แต่สิ่งที่ได้กลับทำให้นางยู่ปากอย่างไม่พอใจ
มีแต่บทความในนิยายที่พูดเรื่องแหวนวิเศษ เก็บข้าวของได้ หรือมีมิติด้านในของแหวน แต่นางอยู่ในโลกของความจริงจะเกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร
“ใช้เลือด” อี้อันพึมพำออกมาเบาๆ เมื่อนางอ่านไปเจอเนื้อหาในนิยายเรื่องหนึ่ง
นางมองที่นิ้วมือที่สวมแหวนอย่างครุ่นคิด ก่อนจะเดินออกจากห้องหนังสือ เพื่อไปถามหาเข็มจากป้าแม่บ้าน
หากจะลองดูก็คงไม่เสียหาย เพราะนางไม่มีหนทางอื่นให้ลองอีกแล้ว
มืออีกข้างกำเข็มไว้แน่น นางเม้มปากมองไปที่แหวนในนิ้วมืออย่างชั่งใจ ก่อนที่จะใช้เข็มทิ่มลงไปที่นิ้วชี้ แล้วหยดเลือดลงไปที่แหวนหยก
นางรออยู่ครู่ก็ไม่พบความเปลี่ยนแปลง จึงได้ทำแผลแล้วกลับเข้าห้องนอนไปพักผ่อน เพราะวันนี้เจอเรื่องที่ทำให้สมองของนางเหนื่อยล้ามากพอแล้ว
อี้อันนอนมองแหวนที่นิ้วอยู่บนที่นอน เห็นทีเรื่องแหวนวงนี้คงเป็นเพียงเครื่องรางไว้เพื่อให้นางโชคดีเสียมากกว่า
“หากมีมิติเหมือนในนิยาย ฉันคงได้เข้าไปด้านในแล้ว” อี้อันส่ายหัวอย่างขบขัน
พริบตาต่อมาร่างของนางก็ปรากฏอยู่ในสถานที่แปลกตา ภาพตรงหน้าไม่ใช่ห้องนอนอีกต่อไปกลับเป็นทุ่งหญ้าเขียวขจี ต้นไม้ ภูเขาล้วนแต่สวยงามราวกับนางอยู่ในภาพวาด
บ่อน้ำขนาดใหญ่ที่มีดอกบัวหลากหลายสีแข่งกันบานส่งกลิ่นหอม อากาศตรงหน้าก็บริสุทธิ์กว่าอากาศในเมืองที่มีแต่ฝุ่นควันรถยนต์
ไม่ไกลออกไปเท่าใดนัก มีลำธารไหลผ่านยาวไปจนสุดสายตา เมื่อเดินเข้าไปใกล้ก็พบว่ามีปลา กุ้ง หอย อยู่ใต้น้ำ ทั้งตัวอวบอ้วนจนในหัวของอี้อันมีแต่เมนูอาหาร
“สวรรค์ เป็นเรื่องจริงรึ” อี้อันหยิกไปที่แขนอย่างแรง ก็พบว่านางรู้สึกเจ็บ ภาพตรงหน้าไม่ใช่เรื่องในความฝันแต่มันเกิดขึ้นจริง
“แล้วจะออกไปได้ยังไง” นางเกาหัวอย่างสงสัย
ในหัวกำลังประมวลเรื่องจากในนิยายที่เคยได้อ่าน หากอยากออกจากมิติ ให้นางเพ่งจิต เพื่อเข้าออกมิติ อี้อันลองทำตามดู ก็พบว่าในตอนนี้นางออกมาอยู่บนเตียงภายในห้องนอนอีกครั้งแล้ว
อี้อันอยากรู้ว่า มิติที่นางได้มา สามารถเก็บของได้หรือไม่ จึงลองจับที่หมอนแล้วเพ่งจิตว่า ‘เก็บ’ หมอนที่อยู่ในมือก็หายทันที
เมื่อเห็นว่านางสามารถนำสิ่งของต่างๆ เข้าไปอยู่ด้านในได้ อี้อันก็หลับไปทั้งที่มีความคิดมากมายไหลวนอยู่ในหัว