สองสามวันมานี้ อี้อันใช้เวลาทั้งหมดจัดการเรื่องข้าวของเครื่องใช้ของนาง นางยังสั่งซื้อผ้าอีกนับร้อยพับติดไปด้วย เพราะเนื้อผ้าที่นางนำไปที่ภพเก่าของนางยังไม่มีมาก่อน
อีกเรื่องที่อี้อันไม่ลืมที่จะนำไปด้วย นางสั่งซื้อกระดาษทำมือเช่นเดียวกับในภพเก่าของนาง เพียงแต่คุณภาพดีกว่ามากนัก อีกนับไม่ถ้วน แล้วยังมีหมึก พู่กันชั้นดี หากอี้อันคิดจะเปิดร้านนางคงเปิดร้านค้าได้หลายร้าน
วันที่สามที่อี้อันจัดเตรียมเรื่องข้าวของเข้าไปในมิติ ระหว่างทางที่นางกลับบ้านโดยขับรถด้วยตนเอง ฟ้าฝนที่ไม่เป็นใจตกลงมาอย่างหนัก ทำให้นางมองเห็นถนนตรงหน้าไม่ชัดเจนนัก
“กรี๊ดดด” รถบรรทุกเสียหลักวิ่งพุ่งชนรถของอี้อันอย่างแรง จนรถของนางตกลงไปที่แม่น้ำ
อี้อันที่ยังมีสติครบถ้วนพยายามอย่างสุดกำลังที่จะออกจากรถให้ได้
น้ำทะลักเข้ามาภายในตัวรถอย่างไม่ขาดสาย นางเริ่มที่จะหวาดกลัวความตายที่ใกล้เข้ามาทุกที
“สวรรค์ ข้าคิดว่าจะนอนหลับแล้วย้อนกลับไปอย่างสงบ แต่เหตุใดท่านถึงได้มอบความตายเช่นนี้ให้ข้า” อี้อันกรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียง
คำพูดของนางก็เริ่มเหมือนกับคนยุคโบราณเข้าไปทุกที ทุกครั้งที่นางตื่นตกใจจะหลุดคำเช่นนี้มาอยู่เสมอ
น้ำเริ่มเข้ามาเกือบถึงคอของอี้อัน นางพยายามที่จะทุบกระจกรถให้แตก เพื่อที่จะออกไปด้านนอก แต่แรงของนางไม่อาจจะทำได้
ชั่ววินาทีต่อมา น้ำก็ท่วมจนมิดหัวของนาง ถึงจะมีกู้ภัยที่กำลังเดินทางมาช่วยชีวิตของอี้อันก็ไม่อาจช่วยนางได้ในทันที
เพราะรถของนางจมลงไปลึกมากนัก อี้อันเริ่มที่จะกลั้นหายใจไว้ไม่ไหว นางหลับตาลงช้าๆ อย่างปลงตกในชีวิต ก่อนที่ทุกสิ่งตรงหน้าจะมืดมิดลง นางคิดถึงคุณพ่อคุณแม่ที่เลี้ยงดูนางมาอย่างดีในภพนี้
ภาพรอยยิ้มของคนทั้งคู่ทำให้อี้อันยิ้มออกมาก่อนที่นางจะหมดสิ้นสติการรับรู้ ไม่ว่านางสนใจเรื่องใด ทั้งสองล้วนแต่ยินยอมให้นางได้ศึกษาสิ่งนั้นอย่างเต็มที่
‘ขอบคุณค่ะ คุณพ่อ คุณแม่' นางเอ่ยขอบคุณในใจ ก่อนที่ทุกอย่างจะดับสิ้นลง
“อี้เออร์เป็นเช่นใดบ้าง”
“นางยังไม่รู้สึกตัวเลยท่านพี่ ลูกจะรอดหรือไม่เจ้าคะ”
“ท่านหมอตรวจดูแล้ว อี้เออร์นางเหมือนคนที่นอนหลับเท่านั้น เจ้าก็อย่าได้กังวล ไปตรวจดูสินเดิมของฉีเออร์เถิด”
เสียงบุรุษและสตรีวัยกลางคนพูดคุยอยู่ที่ข้างเตียงของอี้อัน ทุกสิ่งนางล้วนแต่ได้ยินแล้ว แต่มิอาจจะลืมตาขึ้นมาดูได้ในทันที จึงได้แน่นอนฟังสิ่งที่บิดามารดาพูดคุยกัน
หากฟังจากคำพูดของบิดามารดา เช่นนั้นตัวนางก็คงใกล้จะออกเรือนเต็มทีแล้ว แต่เหตุใดทั้งสองจึงเรียกนางว่าอี้อันเล่า
แต่ก่อนที่อี้อันจะพยายามลืมตาขึ้นมาดูทั้งสอง แล้วสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ประตูห้องของนางก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง
“อาฉี อย่าได้กล่าวโทษข้าเลยที่แย่งวาสนาของเจ้า ข้าจะทำหน้าที่ภรรยาของคุณชายชุยแทนเจ้าอย่างดีที่สุด” เสียงกระซิบของสตรีดังที่ข้างหูของนาง
น้ำเสียงเช่นนี้ อี้อันจำได้ในทันที มิใช่ร่างเดิมของนางเมื่อภพก่อนหรอกรึ เช่นนั้นนางกับพี่สาวคงสลับวิญญาณกันเสียแล้ว
อี้อันที่อยู่ในร่างของน้องสาว มองดูร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงอย่างเรียบเฉย นางไม่เสียใจเลยสักนิดที่เกิดเรื่องราวเช่นนี้ขึ้น
ในตอนแรกที่นางถูกช่วยขึ้นมาจากน้ำ เมื่อรู้ว่าสลับวิญญาณกับน้องสาว คงมีเพียงสวรรค์ที่รู้ว่านางดีใจมากเพียงใด
นางล้มป่วยอยู่สองวัน แตกต่างจากร่างเดิมของนางที่นอนสงบนิ่งราวกับไร้วิญญาณไปแล้วอยู่บนเตียงนอน
นางต้องเลียนแบบท่าทางของน้องสาว เพื่อให้ทุกคนเชื่อว่าในร่างของซูฉี มิใช่วิญญาณของพี่สาวที่เข้าร่างแทน
ชุยรุ่ยเหิง เมื่อรู้เรื่องว่าสองพี่น้องตกน้ำ ก็รีบมาที่หมู่บ้านทันที เขายังพาหมอมาตรวจอาการของซูฉีอย่างละเอียด แต่ไม่คิดที่จะให้หมอไปตรวจร่างกายของอี้อัน
หากไม่ใช่เป็นเพราะมารดาของนางขอร้อง รุ่ยเหิงคงมิยินยอมให้ท่านหมอไปตรวจอาการของอี้อันอย่างแน่นอน
อี้อันที่นอนครุ่นคิดอยู่บนเตียงโดยที่มิอาจลืมตาขึ้นมาได้ ก็ได้แต่ปลงตก ยินยอมให้เรื่องเกิดขึ้นไปเช่นนั้น นางไม่คิดอยากจะบอกความจริงเรื่องที่นางกับพี่สาวสลับวิญญาณ เพราะไม่อยากแต่งงานให้ รุ่ยเหิง จนมีจุดจบดั่งเช่นในนิยาย
สองวันต่อมาขบวนรับเจ้าสาวของตระกูลชุยก็เดินทางมาถึงหมู่บ้าน อี้อันนอนฟังเสียงดนตรีบรรเลงอยู่ภายในห้อง แววตาของนางเรียบเฉยไม่ยินดียินร้ายในเรื่องนี้
และไม่คิดจะเอ่ยห้ามพี่สาวที่ยามนี้อยู่ในร่างของนาง เพื่อเตือนเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ในเมื่อนางต้องการจะแต่งงานกับรุ่ยเหิงจนคิดฆ่าน้องสาว นางจะช่วยเหลือไปเพื่ออันใด
อีกอย่างบิดามารดา เข้ามาพูดคุยกับนางในห้อง เพื่อขอให้วันนี้นางเก็บตัวอยู่ภายในห้องอย่าได้ออกไปทำให้งานแต่งของซูฉีเกิดเรื่องผิดพลาด
“ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องนี้ข้าคิดได้แล้วเจ้าค่ะ” อี้อันยิ้มให้ทั้งสองคลายความกังวล
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว อี้เออร์ เมื่อเจ้าหายดี แม่จะคุยเรื่องออกเรือนของเจ้า”
อี้อันขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ หรือทั้งคู่ยังกลัวว่านางจะตามไปอาละวาดที่จวนตระกูลชุย จึงได้คิดจะหาสามีให้นางแต่งออก
“ข้ายังไม่คิดจะออกเรือนเจ้าค่ะ” นางจำต้องพูดเรื่องนี้ให้กระจ่าง
“มิได้ เมื่อคราวที่เจ้าถูกช่วยขึ้นมาจากน้ำ เป็น หวังเต๋อชาง เจ้าหนุ่มท้ายหมู่บ้าน ช่วยเจ้าเอาไว้” มารดาของนางเอ่ยขึ้นอย่างทอดถอนใจ
ผู้ใดในหมู่บ้านไม่รู้บ้างว่าตระกูลหวัง เหลือเพียงสองพี่น้องที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน ความเป็นอยู่ของพวกเขาไม่สู้ดีนัก หวังหมิ่นถัง ผู้น้องยังมีร่างกายที่ไม่ค่อยแข็งร่างจำต้องกินยาอยู่เป็นประจำ
อี้อันขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ นางเคยพบเจอหวังเต๋อชางเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ละครั้งใบหน้าของเขาก็เย็นชาจนน่าหวาดกลัว ใบหน้าที่มีแต่หนวดเครา ทำให้มองไม่ออกมาว่าเขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่ยังไม่เข้าพิธีสวมกวานด้วยซ้ำ
“ท่านพ่อ ท่านสอบถามเขาแล้วหรือเจ้าคะ” หากเรื่องนี้ยังไม่มีการพูดคุยกัน นางจะเข้าไปขอบคุณเขาและตอบแทนเขาด้วยตนเอง
“วันที่เจ้ารู้สึกตัว พ่อไปหาอาชางที่เรือนของเขาแล้ว หลังจากงานแต่งของฉีเออร์ผ่านไป อาชางจะส่งแม่สื่อมาที่เรือน” อี้อันเม้มปากแน่น