ซูฉีออกเรือน

1284 คำ
มิใช่ว่านางกลัวความลำบาก แต่นางไม่คิดอยากจะแต่งให้ผู้ใดในตอนนี้ ทั้งยังไม่เคยคิดจะแต่งงานอีกเลยด้วยซ้ำ แต่นางรู้ดีว่าชายหญิงในยุคนี้ เมื่อถูกเนื้อต้องตัวกันแล้ว ย่อมต้องออกเรือนไปเสีย มิอย่างนั้นจะเสียชื่อเสียงจนไม่มีผู้ใดคิดจะแต่งเข้าเรือน “แม่รู้ว่าเจ้ากังวล แม่เตรียมสินเดิมให้เจ้าไว้มากหน่อย เพื่อที่เจ้าออกเรือนไปอยู่กับอาชางจะมิต้องลำบาก” สองสามีภรรยามองบุตรสาวที่นั่งอยู่บนเตียงอย่างประหลาดใจ พวกเขาคิดว่า เมื่ออี้อันนางรู้เรื่องนางต้องอาละวาด ทำลายข้าวของเช่นทุกครั้ง แต่ครั้งนี้นางเพียงนั่งครุ่นคิด อยู่บนเตียงนิ่งๆ ไม่ได้โวยวายเรื่องอันใด “อาหยาง เจ้าออกไปร่วมสนุกด้านนอกเถิด พี่อยู่ในห้องเพียงผู้เดียวได้” อี้อัน บอกน้องชายวัยสิบหนาวของนาง เมื่อเห็นว่าเขาชะเง้อคอมองที่หน้าต่างห้องหลายรอบแล้ว “พี่ใหญ่ ท่านให้ข้าไปจริงหรือขอรับ แล้วท่านจะออกไปโวยวายด้านนอกหรือไม่” “เจ้าเด็กโง่ พี่จะโวยวายเพื่ออันใด เจ้าไปเถิด” อี้อันดีดหน้าผากน้องชายอย่างมันเขี้ยว ไป๋หยางมองพี่สาวคนโตอย่างแปลกใจ ตั้งแต่ที่นางฟื้นขึ้นมาก็ดูเหมือนจะไม่เคยด่าทอหรืออาละวาดสักครั้ง แล้วยังชอบยิ้มคุยเล่นกับเขามากกว่าเดิมเสียอีก อี้อันนางนำขนมขบเคี้ยวจากมิติของนางออกมากินอย่างสบายใจ เรื่องงานภายนอกจะเป็นเช่นใดนางไม่เห็นจะต้องสนใจสักนิด ทางด้านรุ่ยเหิง จูงมือซูฉีเข้ามาทำพิธีบอกลาบิดามารดาของนางในเรือนอย่างยินดี ใบหน้าของเขายิ้มแย้มอยู่เสมอ ถึงจะแปลกใจเรื่องนิสัยบางอย่างของนางที่เปลี่ยนไป แต่ใบหน้างามยังคงเป็นซูฉีที่เขาพึงใจไม่เปลี่ยน เมื่อครั้งที่นางหายป่วยแล้วเขาได้มาเยี่ยม แววตาของนางที่มองเขาเปลี่ยนไป ไม่เป็นเช่นเดิม ซูฉีเมื่อก่อนจะยิ้มอย่างอ่อนหวาน ทั้งยังเชื่อฟังเขาอย่างดี แต่ในครั้งนั้น นางกับพูดถึงอี้อันที่คิดจะฆ่านาง เพื่อเปลี่ยนตัวเจ้าสาว ทั้งยังออดอ้อนเขาอย่างที่ไม่เคยเป็นมา หากถามว่าเขาชื่นชอบนางที่เป็นเช่นนี้หรือไม่ ก็ตอบได้เลยว่ามีทั้งส่วนที่ชอบและไม่ชอบ ชอบที่นางออดอ้อน แต่ไม่ชอบที่นางชอบพูดว่าร้ายผู้อื่นตลอดเวลา และคนที่นางพูดว่าถึงก็เป็นพี่สาวของนางเอง เขาไม่ใช่ไม่รู้ว่านางถูกอี้อันรังแกมามากเพียงใด แต่เพราะนางไม่เคยพูดว่าพี่สาวเลยสักครั้ง จึงทำให้รุ่ยเหิงอดสงสัยกับนิสัยที่เปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ได้ ซูฉี ที่เข้าพิธีอยู่ในห้องโถง เห็นน้องชายคนเล็กของนางไม่อยู่เฝ้าอี้อันไว้ ดวงตาของนางเปล่งประกายเจ้าเล่ห์ออกมา นางอยากให้อี้อันได้เห็นว่านางได้ออกเรือนไปกับรุ่ยเหิงด้วยตาของนาง ด้วยอยากรู้ว่านางจะมีความรู้สึกเช่นไร ความจริงซูฉีอยากให้นางอาละวาดออกมา เพื่อให้ผู้อื่นได้เห็นว่า แท้จริงแล้วอี้อันนางยังร้ายกาจไม่เปลี่ยน ไม่ใช่เก็บตัวเงียบอยู่แต่ในห้องเช่นนี้ เพราะผู้อื่นอาจจะสงสัยเรื่องนิสัยที่เปลี่ยนไปของทั้งสองคนได้ ซูฉีโบกมือเรียกน้องชาย ก่อนจะกระซิบบอกข้างหูให้พาอี้อันออกมาส่งนาง ไป๋หยางเชื่อฟังพี่รองของเขามาโดยตลอด และคิดว่าพี่รองอยากจะบอกลาพี่ใหญ่ก่อนออกจากเรือนเท่านั้น จึงได้วิ่งไปบอกอี้อันที่อยู่ในห้อง “พี่ใหญ่ พี่รองอยากให้ท่านไปส่งนางขอรับ” “นางว่าเช่นนั้นรึ” อี้อันยิ้มเยาะออกมา นางอยู่ด้วยกันมานานจะไม่รู้ถึงนิสัยของพี่สาวของนางคนนี้ได้อย่างไร “ท่านพ่อ ท่านแม่ ให้พี่อยู่เพียงในห้อง เรื่องนี้เจ้าก็รู้” “แต่พี่รองน่าสงสารมากขอรับ บอกจะไม่ยอมขึ้นเกี้ยวหากไม่เห็นพี่ใหญ่ออกไปส่ง” อี้อันหยุดคิดอยู่ครู่ก่อนจะพยักหน้าตอบน้องชาย “ได้” นางเดินตามไป๋หยางออกไปจากห้อง สายตาทุกคู่มองมาที่นางอย่างกังวลใจ แต่อี้อันเพียงยิ้มน้อยๆ ราวกับว่ามองไม่เห็นสายตาที่ดูแคลนของผู้อื่น “พี่ใหญ่ข้าคิดว่าท่านจะไม่ยอมมาส่งข้าแล้วเสียอีก” ซูฉีพูดออกมาเสียงเบาอย่างน่าสงสาร “น้องสาวข้าแต่งงาน คนเป็นพี่ย่อมยินดี ข้าหวังว่าเจ้าจะใช้ชีวิตอย่างไร้ทุกข์กับน้องเขยจนชั่วชีวิต” อี้อันบีบมือของซูฉี แต่แววตาของนางเรียบเฉยอย่างไม่ยินดียินร้าย รุ่ยเหิงมองอี้อันอย่างแปลกใจ ความจริงนางต้องโวยวายหรืออาละวาดไปแล้ว หรือไม่ก็ต้องบอกมาที่เขาอย่างอาลัยอาวรณ์ แต่นี่นางไม่แม้แต่จะมองมาทางเขา เหมือนเรื่องที่เคยเกาะติดเขา ทั้งยังสร้างเรื่องจนทำให้ซูฉีและตัวนางเกิดอันตราย ราวกับไม่เคบเกิดขึ้นมาก่อน ซูฉีขมวดคิ้วมองที่อี้อันอย่างไม่พอใจ นางไม่ต้องการให้เรื่องเป็นเช่นนี้ นางต้องการให้อี้อันตบตีนาง และร้องคร่ำครวญที่ต้องเสียชายคนรักให้แก่นาง อี้อันมองออกไปนอกเรือนก็พบว่าหวังเต๋อชางก็อยู่ภายในงานเลี้ยงด้วยเช่นกัน ทั้งสองมองประเมินกันอยู่ครู่ก่อนจะเก็บสายตากลับมา รุ่ยเหิงหยุดมองไปที่อี้อันอีกครั้ง แล้วพาซูฉีเดินขึ้นเกี้ยวกลับไปที่ตระกูลชุยในเมือง เขารู้สึกราวกับทำของสำคัญหล่นหาย แต่มือที่กุมมือของซูฉีไว้ก็ทำให้แน่ใจว่าคนที่แต่งงานด้วยยังคงเป็นนางมิใช่ผู้อื่น อี้อันยืนมองเกี้ยวรับเจ้าสาวเคลื่อนตัวออกไปจากหมู่บ้าน เมื่อเห็นว่าไม่มีเรื่องอันใดแล้ว นางยังไปช่วยชาวบ้านและมารดาเก็บข้าวของภายในงานเลี้ยง “ข้าขอคุยกับเจ้าได้หรือไม่” หวังเต๋อชางเดินมาหานางด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย อี้อันพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินตามเขาไปที่ด้านหลังของเรือน “ท่านมีเรื่องใดจะพูดกับข้าก็พูดเถิด” “เจ้ารู้เรื่องที่บิดามารดาเจ้าต้องการให้ข้าส่งแม่สื่อมาที่เรือนของเจ้าแล้วใช่หรือไม่” “เจ้าค่ะ หากท่านไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ข้าจะไปพูดกับบิดาให้รู้เรื่องเจ้าค่ะ” “อย่างที่เจ้ารู้ ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากจะรับผิดชอบเจ้า แต่เพราะหากเจ้าแต่งเข้ามาอยู่ในเรือน เจ้าจะลำบากไปกับข้าด้วย” อี้อันเงยหน้ามองหวังเต๋อชางอย่างแปลกใจ เขาไม่ได้รังเกียจความร้ายกาจของอี้อันหรอกรึ จึงได้ไม่อยากแต่งนางเข้าจวน แต่เพราะกลัวว่านางจะต้องไปลำบากกับเขาเพียงเท่านั้นรึ “ข้าไม่กลัวความลำบาก แต่หากท่านรังเกียจที่ชื่อเสียงของข้ามิดี ท่านไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบข้า ถึงอย่างไรท่านก็ทำไปเพราะช่วยชีวิตข้า เรื่องนี้ท่านพ่อท่านแม่ของข้าต้องเข้าใจอย่างแน่นอน” “เจ้าไม่ใช่อี้อัน เจ้าคือซูฉี ข้ารู้เรื่องนี้แล้ว”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม