บทที่ 8 ไม่เหมือนคนรัก

1087 คำ
“ออกไป!!” เสียงตะคอกดังลั่นจนฝาผนังสะท้อนเสียงกลับมา น้ำเสียงแฝงความเกรี้ยวกราด ราวกับมาจากส่วนลึกของจิตใจที่เต็มไปด้วยบาดแผล อันนาสะดุ้งเฮือก ริมฝีปากเม้มแน่น ขาสั่นเล็กน้อย แต่ยังคงวางท่าทางนิ่ง เธอไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกแม้แต่คำเดียว เพียงแค่ค่อย ๆ ถอยหลัง แล้วหันหลังเดินออกจากห้องอย่างเงียบงัน ประตูปิดลงด้วยเสียง “ปัง” อย่างแผ่วเบา ข้างนอกห้อง แม่บ้านวัยกลางคนที่ยืนรออยู่ตรงทางเดิน เข้ามาประคองเธอเบา ๆ “หนูอันนา… กลับไปพักเถอะค่ะ เพิ่งฟื้นขึ้นมาเอง หน้าซีดจนไม่มีสีเลือดแล้วนะคะ” เสียงของแม่บ้านอ่อนโยนและจริงใจ อันนาได้ยินแล้วหัวใจอุ่นขึ้นเล็กน้อย เธอพยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะหันไปมองประตูห้องของชายหนุ่มอีกครั้ง… สายตาที่ซ่อนความสับสนและความเจ็บปวดไว้ในแววตา หัวใจเธอเต้นถี่เมื่อหวนนึกถึงแววตานั้น มันไม่ใช่แค่เย็นชา… แต่มันคล้ายกับ ความเกลียดชังที่ไม่มีที่มาที่ไป “เขาไม่เหมือนคนรักเลย…” เธอพึมพำกับตัวเองเบา ๆ “เขาเหมือน… ปีศาจ” เสียงเธอแผ่วเบา ราวกับกลัวว่าความคิดนั้นจะไปถึงใครสักคนที่อยู่ในห้องนั้น เธอไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนี้ ทั้งที่หัวใจของเธอกลับสั่นไหวทุกครั้งที่อยู่ใกล้เขา ในห้องโถงอันหรูหรา ไฟในห้องสลัวลง มีเพียงแสงจากโคมไฟคริสตัลกลางห้องที่ส่องแสงนวลอ่อนลงมาสะท้อนใบหน้าคมคายของคุณหญิงย่า เธอยังคงนั่งอยู่ที่เดิมบนโซฟาหนังวัวแท้นำเข้า ท่าทางสง่างามและสุขุม เสียงฝีเท้าแผ่วเบาของแม่บ้านวัยกลางคนดังขึ้นจากด้านหลัง เธอก้มศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะรายงานเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงลังเล “คุณหญิงคะ… เท่าที่ฉันฟังเสียงจากหน้าห้อง… เห็นว่า… ดูเหมือนคุณมาร์คัสจะแตะต้องคุณอันนา…ต่างจากผู้หญิงคนอื่น” คุณหญิงย่าชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้น แววตาเปล่งประกายบางอย่างที่ยากจะอ่านออก ราวกับหมากที่เดินนำไปเองโดยไม่ต้องใช้แรงผลัก “แน่ใจหรือ?” “ค่ะ… เท่าที่ได้ยิน… คุณมาร์คัสไม่เคยให้ผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้เลย… ตลอด 27 ปีที่ผ่านมา นี่คือครั้งแรกค่ะ” คุณหญิงย่าหรี่ตามองไปทางหน้าต่าง สายลมยามค่ำคืนพัดม่านผ้ากำมะหยี่เบา ๆ เสียงนาฬิกากลางห้องเดินต่อไปอย่างสงบ เธอยกยิ้มมุมปากอย่างพึงใจ “โชคเข้าข้างฉันแล้ว…” มือเรียวหยิบถ้วยชาขึ้นจิบอีกครั้ง ราวกับความพึงพอใจนั้นซึมลึกลงไปในทุกอณู “โรคที่รักษาไม่ได้ของเจ้ามาร์คัส… บางที… ผู้หญิงคนนั้นอาจจะเป็นกุญแจที่ช่วยสะกดปีศาจในตัวเขาได้” “ถ้าโชคดี…” คุณหญิงย่าวางถ้วยชาลงบนจานรองอย่างแผ่วเบา “ฉันอาจจะได้เหลนตัวน้อยเป็นของแถม” แม่บ้านเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย สีหน้าตกใจแต่ไม่กล้าเอ่ยอะไร “กลับไปทำหน้าที่ของเธอเถอะ อย่าสอดเรื่องที่ไม่ควร” “ค่ะคุณหญิง” แม่บ้านโค้งตัว ก่อนจะเดินจากไปอย่างเงียบงัน เสียงประตูปิดลงช้า ๆ ทิ้งไว้เพียงคุณหญิงย่า ที่ยังนั่งนิ่ง ปลายนิ้วยังคงลูบขอบถ้วยชาเบา ๆ เหมือนกำลังครุ่นคิดถึงหมากต่อไปในกระดาน อีกฝั่งของศัตรู ในอาคารสำนักงานลับแห่งหนึ่งกลางกรุงเทพฯ แสงไฟสีขาวนวลส่องกระทบกระจกเงาที่ไร้ฝุ่น เสียงฝีเท้ากระทบพื้นหินอ่อนดังกังวาน ชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้หนังแท้สีดำ เบื้องหน้าเขาคือหน้าจอขนาดใหญ่ที่แสดงข้อมูลหุ้นของกลุ่มเบลเลโซ่ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ใบหน้าคมเข้มของเขาเต็มไปด้วยความเงียบงันที่แฝงไว้ด้วยพิษสง “ได้เวลาแล้ว” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้น ท่ามกลางความเงียบสนิทของห้องประชุม ลูกน้องสองคนที่ยืนอยู่ข้างกายขยับตัวทันที “ครับ นายใหญ่” “ปล่อยข่าวให้กระจายเป็นวงกว้างในวงในของนักลงทุนอสังหา, คาสิโน และกองทุนสีเทา…” เขาเว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนจะปรายตามองหน้าจอที่กราฟกำลังสั่นไหว “บอกว่าเวย์เดน เบลเลโซ่ ประสบอุบัติเหตุสาหัส” ลูกน้องคนหนึ่งนิ่วหน้าอย่างลังเล “จะให้ระบุรายละเอียดไหมครับ ว่าอุบัติเหตุอะไร?” “ไม่ต้อง” ชายคนนั้นตอบทันควัน “ให้เป็นข่าวลือที่ฟังดูจริงที่สุด แต่ไม่มีหลักฐาน… มันจะสร้างแรงกระเพื่อมได้มากกว่า” เขายิ้มมุมปาก ขณะลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างบานใหญ่ มองออกไปยังทิวทัศน์เมืองที่เต็มไปด้วยตึกสูงระฟ้า “ต่อไปนี้ให้กดดันด้วยข้อมูลวงในว่า… เขาไม่สามารถกลับมาบริหารได้อีกต่อไป อาการยังแย่และอาจไม่ฟื้น” ลูกน้องคนที่สองถามด้วยเสียงเคร่งเครียด “ถ้าแบบนั้น หุ้นส่วนจะเริ่มถอยใช่ไหมครับ?” “ใช่ และเมื่อมันเกิดช่องว่างขึ้น…” เขาหันกลับมาช้า ๆ “เราจะดันชื่อของหุ้นส่วนที่ถือหุ้นมากกว่าเวย์เดนขึ้นมาแทน ในฐานะ ‘ผู้บริหารชั่วคราว’” เสียงหัวเราะแผ่วเบาหลุดออกจากลำคอ เขาทอดมองไปยังแฟ้มหนา ๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะ เอกสารเหล่านั้นเป็นประวัติของบอร์ดบริหารทุกคนในบริษัทของเวย์เดน รวมถึงจุดอ่อนของแต่ละคน “ถ้าเวย์เดนไม่สามารถกลับมาได้ในอีกสามสิบวัน ระบบทั้งหมดจะโอนสิทธิ์บริหารให้กับหุ้นส่วนที่ถือหุ้นสูงสุดโดยอัตโนมัติ” ลูกน้องคนหนึ่งถามเสียงเบา “ไม่มีคนในครอบครัวหรือครับ ที่จะเข้ามาแทน?” นายใหญ่หัวเราะในลำคอ ดวงตาเปล่งประกายเยาะเย้ย “ครอบครัวเบลเลโซ่เป็นตระกูลที่เงียบที่สุดในเอเชีย ไม่มีใครรู้ว่าเบื้องหลังเวย์เดนมีอะไรบ้าง… ขนาดแม่ของมันยังหายสาบสูญไปนานนับสิบปี” เขายกมือขึ้นดีดนิ้วเสียงเบา “เพราะแบบนี้ไง ฉันถึงมั่นใจ… มันไม่มีทางมีทายาท หรือคนในครอบครัวที่พร้อมจะก้าวขึ้นมาทันเวลาแน่นอน” ลูกน้องทั้งสองโค้งศีรษะแล้วเดินออกจากห้อง ทิ้งให้นายใหญ่ยืนอยู่คนเดียวในห้องกระจก สายลมเย็นพัดผ่านเข้ามาแผ่วเบา ท่ามกลางความเงียบที่เต็มไปด้วยแผนการอันตราย “อาณาจักรที่ไม่มีผู้นำ… ก็เหมือนเรือที่ไร้หางเสือ” เขาพึมพำเบา ๆ “อีกไม่นาน… ตระกูลเบลเลโซ่ มันจะจมลง”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม