“นี่มันรายการแฉหรือไง อย่าให้เราแฉนะว่าใครที่อยู่ในใจมิ้นท์มาตลอด” เพียงอรแกล้งขู่เพื่อนสนิท แต่เธอจะไม่มีวันบอกความในใจเพื่อนสนิทแน่ๆ เพราะสงสารเพื่อนสนิทของตนเอง ด้วยเพราะรู้จักพี่ชายดี ก็เลยกลัวว่าเพื่อนจะไม่สนิทใจในการมาที่นี่อีก ซึ่งมารดาเธอคงจะเหงามากๆ หากว่าปารวีไม่สามารถมาที่นี่ได้เหมือนเดิม
“โอเคๆ งั้นเราจะไม่เล่าอะไรให้คุณแม่ฟังอีกแล้ว เราสัญญา” ปารวีเอ่ยออกมาด้วยท่าทางหวั่นใจ
“ดีมาก ถ้าไม่อยากให้ความลับแตก อย่าเล่าเรื่องของพี่ธีร์ให้คุณแม่ฟัง” เพียงอรขู่เพื่อนสนิททันที
“ไม่เป็นไรนะหนูมิ้นท์ เดี๋ยวเราค่อยเล่ากันตอนที่อยู่สองคนก็ได แม่อยากรู้จริงๆ ว่าว่าที่ลูกเขยแม่เป็นคนยังไง” คุณพิมอักษรกระซิบกับปารวี
“ยัยมิ้นท์ไม่กล้าเล่าหรอกค่ะ เชื่ออร” เพียงอรเอ่ยอย่างถือไพ่เหนือกว่าชัดเจน
“เอาล่ะครับ ทานกันได้แล้ว ถ้าจะคุยก็ค่อยคุยหลังจากทานข้าวเสร็จนะครับ ผมจะรีบขึ้นไปเคลียร์งาน” พงศกรเอ่ยออกมาเสียงเข้ม เขาไม่สนใจบรรยากาศตรงหน้าสักนิด เขารู้แค่เพียงว่าผู้หญิงคนเมื่อคืนทำให้เขาอารมณ์ไม่อยู่กับร่องกับรอย ด้วยความอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนี้คือใคร และทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร เขาจึงไม่มีอารมณ์ที่จะสนใจความสุขที่เคยมีบนโต๊ะอาหาร ทำให้ปารวีแอบมองเขาด้วยความประหลาดใจ ไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไร และใครทำให้เขาเป็นอย่างนั้น เธอได้แต่แอบเป็นห่วงเขาลึกๆ ในใจ และไม่ได้ระแคะระคายเลยว่าเธอนั่นแหล่ะที่ทำให้เขาเป็นแบบนั้น
“ตักข้าวเถอะนวล เดี๋ยวคนบางคนเขาจะฟาดงวงฟาดงากับคนอื่น มันเสียบรรยากาศ” เพียงอรบอกกับสาวใช้ ก่อนจะหันมาสนทนากับเพื่อนสนิทและมารดา ส่วนคุณอารยะได้แต่มองบรรยากรอบตัวที่ต่างกันราวฟ้ากับเหวด้วยรอยยิ้ม เจ้าลูกชายของเขา ดูหงุดหงิดราวกับจะกินเลือดกันเนื้อใครได้ ส่วนอีกฝั่งก็เฮฮาเหลือเกิน ท่านทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่ปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไปเช่นนั้น