“แหม...นานๆ ได้กินข้าวด้วยกันทียังมาทำท่าทางแบบนี้อีก ไม่ไหวจริงๆ” เพียงอรเอ่ยแขวะพี่ชาย ซึ่งพี่ชายก็ได้ยินชัด แต่ไม่ได้โต้แย้งอะไร
“พี่กรน่ากลัวแบบนี้ เราว่าเรามาผิดวันแล้วอร อยากกลับขึ้นมาเลย” ปารวีแอบกระซิบที่ข้างหูเพื่อนสนิท
“ไม่ต้องไปสนใจคนพรรค์นั้นหรอก นอกจะตาถั่วแล้วยังอารมณ์ร้ายอีก ไม่มีอะไรดีเลยนอกจากหล่อ พอผู้หญิงคนไหนเขารู้นิสัยเขาก็หนีไปหมด ถึงยังไม่ลงเอยกับใครเอายันป่านนี้ไง” เพียงอรนินทาพี่ชาย ซึ่งผู้เป็นพี่ชายก็แอบได้ยิน แต่ไมได้สนใจว่าน้องสาวจะว่าตนเองว่ายังไง เพราะว่าความเป็นจริงแล้วมีผู้หญิงมากมายที่พร้อมแต่งงานกับเขา แต่เขาต่างหากล่ะที่ไม่พร้อมแต่งงานกับใคร เขายังหวงความโสด เขาไม่เลือกคบใครเป็นจริงเป็นจัง เขาถึงเลือกซื้อกันมาถึงทุกวันนี้
“เรานี่มันจริงๆ เลยยัยอร เดี๋ยวพี่เขาได้ยินเขาก็หันมาจัดการเราหรอก” คุณพิมอักษรเอ่ยออกมาเชิงตำหนิบุตรสาว เพราะไม่อยากให้บรรยากาศดีๆ บนโต๊ะรับประทานอาหารต้องหมดไป เพราะบุตรทั้งสองคนของท่านกัดกันไปมา
“อรไม่สนใจหรอกค่ะ ก็นี่มันเรื่องจริงนี่นา อรรอเลี้ยงหลานจนรอไม่ไหวแล้วค่ะ ตอนนี้อรเปลี่ยนมารอเลี้ยงลูกตัวเองแทนแล้วค่ะ แต่เสียอย่างเดียวเลยนะคะคุณแม่ เสียแค่พ่อของลูกยังไม่เกิดแค่นั้นเอง” เพียงอรเอ่ยออกมาด้วยท่าทางแก่นเซี้ยว ซึ่งคุณพิมอักษรได้แต่แอบหยิกบุตรสาวด้วยความหมั่นไส้
“ไม่ใช่เกิดแล้วเหรออร แต่อรไม่สนใจพ่อของลูกเองต่างหากล่ะ” ปารวีเอ่ยออกมาด้วยความหมั่นเขี้ยว บอกว่าพ่อของลูกยังไม่เกิด แต่พ่อของลูกตามตื้ออยู่ทุกวันเพียงอรกลับไม่สนใจเองต่างหากล่ะ
“ไม่ต้องมาล้อเลยมิ้นท์ อย่างพี่ธีร์น่ะอรไม่เอามาทำพันธุ์หรอก” เพียงอรเอ่ยออกมาด้วยความมั่นอกมั่นใจ
“ธีร์ไหนเหรอลูก” คุณพิมอักษรถามปารวีด้วยความสงสัย
“รุ่นพี่ปริญญาโทค่ะ แกแอบชอบยัยอรมาตั้งแต่แกยังเรียนปริญญาตรีที่คณะ แต่ยัยอรไม่สนใจน่ะค่ะ” ปารวีรีบอธิบายให้คุณพิมอักษรฟัง