"ยัยฝันแกจะรีบไปไหน เมื่อวานแกบอกฉันว่าวันนี้ไม่ได้ทำงาน ไปปาร์ตี้วันเกิดยัยเป็นเพื่อนฉันหน่อยนะ คู่หมั้นฉันบอกว่าติดซ้อมไม่มีเวลาพาฉันไปเลย"
นานามองเพื่อนที่กำลังรีบร้อนเก็บของเข้ากระเป๋าก็ทำเอาเธออดถามไม่ได้ ทั้งที่อุตส่าห์วางแผนไว้แล้วแท้ ๆ
"ฉันไม่ทำหรอก แต่วันนี้จะไปรับงานใหม่" ทอฝันยิ้มอ่อนให้เพื่อน "ไว้คราวหน้านะ แล้วฉันจะไปด้วยนะนาแต่คราวนี้ไม่ได้จริง ๆ ... ฉันไปก่อนนะนาบาย!"
เธออยู่ไม่รอให้นานาพูดต่อเพราะขืนมานั่งอธิบายให้ยัยนี่ฟังวันนี้เธอคงจะไม่ได้งานนี้แน่ เมื่อวันก่อนวิเวียนโทรศัพท์มาบอกว่าทางนั้นอยากให้เธอไปทดลองงานก่อนเพราะโปรไฟล์ผ่าน พูดง่าย ๆ ก็หน้าตาผ่านนั่นแหละ
หลังจากนั้นเธอก็รีบโทรศัพท์เรียกรถขนส่งสาธารณะเพื่อให้ไปส่งที่ห้างสรรพสินค้าดังแห่งหนึ่ง เลือกซื้อเสื้อผ้าเพื่อใส่ไปสัมภาษณ์งานคืนนี้อย่างน้อยการแต่งตัวให้ดูดีก็เป็นสิ่งแรกที่จะถูกประเมิน
พอหลังซื้อเสื้อผ้าเสร็จก็เดินเข้าไปในร้านหนังสือเลือกเล่มที่เกี่ยวกับรถมา 2-3 เล่มเพื่อจ่ายเงินศึกษาไว้คร่าว ๆ เผื่อมีเหตุฉุกเฉินต้องใช้ความรู้พวกนี้ในการสัมภาษณ์ไม่มากก็น้อย
"ขอบคุณนะคะคุณลูกค้า"
พนักงานสาวร้านหนังสือรีบกล่าวคำขอบคุณ ทอฝันยิ้มตอบรับก่อนจะถือหนังสือถุงใส่หนังสือออกจากร้านอย่างอารมณ์ดีเดินออกจากร้าน จะไม่ให้อารมณ์ดีได้ยังไงค่าตอบแทนการเป็นพริตตี้แต่ละรอบ ได้เกือบห้าหมื่นแถมยังได้ยินมาว่าอาจจะได้ทริปจากนักแข่งหรือคนดู ถ้าแบบนั้นจริงเรื่องค่าเทอม ค่าห้องเธอก็ไม่ต้องกังวลแล้ว
"เราควรไปซื้อเครื่องสำอางสักชิ้น สองชิ้นไว้หน่อยเอาเงินที่ผู้ชายคนเมื่อคืนให้ไปซื้อแล้วกัน"
พอคิดได้แบบนั้นทอฝันก็เดินตรงไปร้านเครื่องสำอางแบรนด์ดังทันที เธอควรจะซื้อแป้งกับลิปสติกสีสวย ๆ สักแท่ง เธอเดินเลือกซื้อแป้งที่ชอบเสร็จก็ตรงไปที่ชั้นวางลิปสติกต่อ ระหว่างนี้ดูเหมือนว่าฝั่งตรงข้ามของเธอจะมีผู้ชายยืนคุยโทรศัพท์อยู่
"แล้วฉันจะรู้ไหมว่ามันคือสีไหน ยี่ห้ออะไร ให้ตายเถอะ บอกว่าจะโอนเงินไป แล้วทำไมยังต้องวุ่นวายให้ฉันมาซื้ออีกเนี่ย... งั้นรอคุยกับพนักงานเอาแล้วกัน โถ่เว้ยก็..."
"มีอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่าคะ... คุณ!!"
ทอฝันฟังอยู่สักพักเลยตัดสินใจจะไปช่วย แต่ไม่คิดว่าผู้ชายที่กำลังยืนคือคนที่มีเรื่องอยู่ในซอยเปลี่ยววันนั้น ส่วนคนถูกเข้ามาทักก็ได้แต่ขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย ก่อนจะจำได้ว่าเธอคือผู้หญิงที่หาเรื่องเขาวันที่ซื้อก๋วยเตี๋ยว
วันนั้นเขาตั้งใจจะไปร้านเฮียขายก๋วยเตี๋ยวเพราะแกบอกว่าเปิดสาขาใหม่ ความจริงเขาเป็นประจำลูกค้าประจำของแก เพราะก่อนจะมาเปิดที่นี่สาขาเก่าของแกอยู่ตรงข้ามสนามแข่งรถ พอเฮียแกบอกว่าได้ที่ทางใหม่เขาเลยตามมาอุดหนุน แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าจะถูกแม่สาวน้อยคนนี้เข้าใจผิด ตัวเท่าลูกแมวขู่เขาที่เป็นราชสีห์เลย เขารู้สึกแปลกใจอยู่นะทำไมเธอถึงจะจำเขาได้ทั้งที่เขาสวมหมวกกันน็อคปิดหน้าปิดตาขนาดนั้น
"เธอ?"
"อ่อ ฉันเป็นผู้หญิงที่ช่วยคุณในซอยคลับวันนั้น"
"อ่า~ ฉันจำได้แล้ว" วันนั้นเขาเมาบวกกับโดนลอบทำร้ายเลยไม่ได้สังเกตผู้หญิงที่ช่วยตัวเองหน้าตาเป็นยังไง แต่จำได้ว่าให้เงินตอบแทนไปแล้ว "เธอมีอะไรหรือเปล่า รึว่าเงินที่ให้ไปไม่พอตอบแทน"
คำพูดของอีกฝ่ายทำเอาคนที่ตั้งใจมาช่วยด้วยความหวังดีถึงกับถอนหายใจยาวออกมา
"ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนั้นหรอกค่ะ แต่ฉันเห็นว่าคุณมีปัญหาในการเลือกลิปสติกไปให้แฟนเลยอยากจะมาช่วย"
"แฟน... ก็มีปัญหาจริง ๆ นั่นแหละ ถ้าอย่างนั้นเธอช่วยฉันหน่อยแล้วกันเดี๋ยวจะมีค่าตอบแทนให้"
"คนรวยแบบพวกคุณนี่ก็แปลกดีนะ เห็นน้ำใจคนอื่นเป็นเงินไปหมด" ทอฝันบ่นพร้อมกับมองคนตรงหน้าแล้วถอนหายใจยาว " แฟนคุณได้บอกหรือเปล่าคะว่าเธอต้องการแบบไหน"
ไคไม่ได้ตอบอะไรแต่เปิดข้อความของคนที่สั่งตัวเองซื้อลิปสติก ยี่ห้อไหนสีอะไรให้เธออ่านแทน ทอฝันอ่านข้อความจากโทรศัพท์เหมือนว่าจะบอกแค่ยี่ห้อของแบรนด์แต่ไม่ได้บอกเฉดสี
"แฟนคุณปกติใช้สีไหนเหรอคะ"
"สีไหนเหรอ... ปกติเห็นชอบทาสีแดงสด ๆ นะ" เขานึกถึงใบหน้าของคนที่สั่งตัวเองให้มาซื้อก็อดส่ายหัวไปมาไม่ได้
"จะมีเบอร์ 91 กับ 124 ที่จะเป็นสีแดงสด...คุณลองดูสิคะว่าเป็นสีไหน" เธอหยิบลิปสติกแท่งทดลองทาลงบนแขนตัวเอง แล้วยื่นออกไปให้เขาดู
"ฉันดูไม่ออกหรอก...เอามันทั้งสองแท่งนั่นแหละ"
"เฮ้อ~ งั้นถ้าแบบนี้พอจะดูออกไหม" ลิปสีแดงสดถูกทาลงบนปากสวยได้รูป ก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นไปสบตากับเขา "เป็นไงคะแบบนี้พอดูออกไหม"
ไคที่สบตากับคนตรงหน้าก็ต้องหยุดชะงัก ปกติเขาไม่ชอบผู้หญิงที่แต่งหน้าจัด แต่แปลกที่พออยู่ปากคนตรงหน้ากับดูมีเสน่ห์น่าดึงดูดจนอยากลองสัมผัสดูสักครั้ง
"หรือยังไม่ชอบ ให้ฉันลองอีกแบบไหม"
"ไม่ต้อง!!" มือใหญ่จับมือเล็กของคนที่กำลังจะเช็ดปากออกไว้อย่างเร็ว "ฉันเอามันทั้งสองสีนั่นแหละ... น้องมานี่สิ"
ทอฝันถอนหายใจยาว คนรวยนี่ใช้เงินไม่คิดเลยแฮะ ถ้าเอาสองแท่งก็หมื่นกว่า แต่ก็เอาเถอะ เธอก็ถือว่าตัวเองช่วยเหลือมากที่สุดแล้ว ระหว่างที่ผู้ชายคนนั้นจ่ายเงินเธอก็ปลีกตัวมาเลือกของตัวเองบ้าง สีที่อยู่บนปากมันก็สวยอยู่หรอกนะแต่แท่งละเกือบเจ็ดพันบาทเพราะเป็นลิมิเต็ด คนฐานะแบบเธอแท่งละพันก็หรูแล้ว
"เอาอันนี้ไปสิ"
จู่ ๆ ก็มีถุงแบรนด์เครื่องสำอางยื่นมาตรงหน้า เธอเลยหันมองด้วยความสงสัย
"อะไรคะ?"
"เอาไปสิ ฉันไม่ชอบติดค้างใคร"
"คะ?"
"เลิกทำหน้าแบบนั้นสักทีแล้วรับไป"
พอเห็นว่าเธอไม่ยอมรับไปสักที เขาเลยยัดใส่มือเธอก่อนจะเดินออกมาเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายถามอะไรมากมายกว่านี้
ตระกูลอาจองค์ษา
ตุ้บ!
คนิงลูกสาวคนโตของตระกูลมองถุงที่ถูกเหวี่ยงวางมาไว้ข้าง ๆ ตัวเองแล้วขมวดคิ้วเข้าหากัน ก่อนจะมองไปที่น้องชายที่เดินมานั่งไขว้ขาตรงโซฟาฝั่งตรงข้าม เธอรู้ดีว่าของในนั้นมันคืออะไรเลยไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่
"เดี๋ยวก่อน ทำไมเอาสีนี้ไม่เอาสีแดงอีกแบบล่ะ"
"สีไหนก็ใช้ไปเถอะ ทาไปก็ไม่ได้สวยขึ้นหรอก"
"ไอ้น้องเวรคนนี้!!" นิ้วเรียวยาวชี้หน้าน้องชายด้วยความโมโห "ถ้าอย่างฉันไม่สวยแล้วใครจะกล้าสวยย๊ะ!!"
[ใครงั้นเหรอ] จู่ ๆ ใบหน้าของใครบางคนก็ลอยเข้ามา ทำเอาเขารีบสะบัดหัวไล่ความคิดออกไป
"เหอะ! พี่นี่นับวันยิ่งหลงตัวเองนะ ถ้าสวยจริงไม่น่าขึ้นคานถึงอายุสามสิบห้านะ"
"ไอ้น้องเวร กลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!! ที่ฉันไม่แต่งงานเพราะยังหาคนเหมาะสมไม่ได้ต่างหาก ฉันไม่ได้ขึ้นคานนะ" คนิงตะโกนตามหลังน้องชายที่เดินออกไป "แล้วนั่นจะไปไหน พ่อบอกว่าเพลา ๆ บ้างนะเรื่องแข่งรถ ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจะยุ่ง อีกไม่นานท่านก็จะให้เราเข้ารับตำแหน่งประธานแล้ว"
ดูเหมือนว่าสิ่งที่เธอพูดไป น้องชายตัวดีจะไม่สนใจเลยสักนิด ตั้งแต่เหตุการณ์ตอนนั้นน้องชายเธอก็กลายเป็นคนที่ใช้ชีวิตไม่อยู่ในร่องรอยเลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้เป็นเด็กดีแท้ ๆ
[หวังว่าสักวันจะมีคนมาฉุดนายขึ้นจากขุมนรกได้นะ]