Intro
ภายใต้เสียงเพลง และแสงสีจากไฟที่สาดส่องลงมาเพิ่มบรรยากาศสนุกสนานให้กับนักท่องเที่ยวราตรีที่ตั้งใจมาปลดปล่อยอารมณ์ รวมถึงแก๊งมาเฟียหนุ่มห้าคนประกอบด้วย อาคิน การันต์ ไม้เอก เขมันต์ และ แดนเทพที่หนึ่งในห้าอย่างเขมันต์เป็นเจ้าของกิจการผับแห่งนี้ ซึ่งมันก็เป็นเพียงฉากบังหน้าที่เขาสร้างขึ้นมาเพื่อหลบซ่อนธุรกิจสีเทาของเขาเท่านั้น
“มองหาเหยื่ออยู่รึไงวะเฮีย” ไม้เอกน้องเล็กของแก๊ง ซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆ ของการันต์เอ่ยถามแดนเทพที่นั่งกระดกแก้วเหล้าเงียบๆ ไม่พูดไม่จา ทว่าสายตากลับสอดส่องไปทั่วบริเวณกว้างราวกับกำลังหาเหยื่อสำหรับเขาในคืนนี้
“อือ เล็งโต๊ะนั้นเอาไว้มีใครสนใจไหม” แดนเทพตอบกลับ พลางชักชวนเพื่อนๆ ของเขามาร่วมล่าเหยื่อด้วยกัน
“ไปกินที่อื่นบ้างเถอะ ลูกค้าผู้หญิงกูเป็นเมียมึงไปแล้วครึ่งผับ” เขมันต์สบถออกมาต่อว่าแดนเทพที่ชอบมาล่าเหยื่อลูกค้าสาวที่ผับเขาไปเล่นสนุกอย่างไม่จริงจังนัก
“ก็ที่นี่มันเด็ดนี่หว่านักศึกษาชอบมาที่นี่ให้ทำไง อีกอย่างผมโสดครับอย่าพูดไปเสียเครดิตหมด” แดนเทพไหวไหล่ไม่สะทกสะท้าน สายตายังคงจ้องมองกลุ่มสาวสามคนไม่วางตา
“เล็งคนไหนไว้ซ้ายหรือกลาง แต่คงไม่ใช่แม่สาวแว่นเฉิ่มๆ คนขวาหรอกใช่ไหม?” การันต์เองก็อดใจไม่ไหวขยับมาร่วมวงมองหาเหยื่อไปกับแดนเทพด้วย มีเพียงเขมันต์กับอาคินที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่นัก เว้นแต่ว่าพวกเขาจะเจอที่ถูกใจเข้าจริงๆ
“คนกลางดูใสๆ แต่หุ่นเด็ดดี”
“งั้นกูเอาคนซ้าย” แดนเทพแบ่งเป้าหมายกับการันต์ทันทีโดยไม่มีใครสนใจสาวแว่นที่นั่งใส่เสื้อแจ็กเกตแขนยาวสีฟ้าอ่อนข้างขวาเลยแม้แต่น้อย
“เด็กเนิร์ดคนนั้นของกู…”
“โอเค…ฮะ!!//ฮะ!!/ฮะ!!” แดนเทพ การันต์รวมถึงไม้เอกน้องชายของการันต์เองต่างพากันร้องอุทานออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย แม้กระทั่งเขมันต์ที่ถึงแม้จะไม่ได้สบถออกมาพร้อมเพื่อน แต่ก็หันไปมองอาคินด้วยสายตาประหลาดใจไม่ต่างกัน
“มึงจะเอาเด็กเนิร์ดใส่แว่นหนาๆ คนนั้นน่ะนะ?” แดนเทพทวนถามอาคินอีกครั้งให้แน่ใจว่าไม่ใช่เขาเองที่หูฝาดไป
“อือ เด็กเนิร์ดนั่นกูจะเอา” อาคินบอกพร้อมกับจ้องมองไปยังหญิงสาวที่นั่งดื่มน้ำเปล่าอยู่คนเดียวท่ามกลางเพื่อนที่กำลังดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างสนุกสนาน
สายตาของเขาไม่ได้ดูตื่นเต้น หรือสนใจเธอเป็นพิเศษ แต่ในบรรดาเพื่อนๆ ของเขาทุกคนต่างก็รู้ดีว่าการที่อาคินจะเอ่ยปากออกมานั้นไม่ใช่เรื่องปกติ และมันหมายความว่าเด็กเนิร์ดคนนั้นถูกเพื่อนของพวกเขาหมายหัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“คิดใหม่ไหมเฮียมันฟีลเหมือนหลอกแม่ชี ไม่กลัวบาปเหรอ” ไม้เอกน้องเล็กตัวดีของแก๊งเองก็ตั้งคำถามกับเขาด้วยความประหลาดใจไม่คิดว่าสภาพสาวแว่นดูไม่ได้คนนั้นจะถูกใจอาคินเข้าจนต้องเอ่ยปากหมายหัวด้วยตัวเอง
“เกิดมาชาตินี้เข้าวัดให้ได้สามครั้งก่อนค่อยกลัวบาป”
“คิก!~” การันต์ที่ได้ยินอาคินตอบกลับไม้เอกแบบนั้นก็รีบหัวเราะเยาะน้องชายตัวเองออกมาทันที ทำให้ไม้เอกเบะปากด้วยความหมั่นไส้
อาคินกระดกเครื่องดื่มราคาแพงเข้าปากอึกใหญ่ภายในรวดเดียวก่อนจะลุกขึ้นยืนเดินตามร่างบางเป้าหมายตัวเองที่ลุกแยกออกจากกลุ่มเพื่อนเดินไปทางห้องน้ำ เขาปล่อยให้เธอเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำอย่างใจเย็น เพราะเขามีเวลาให้เธออีกมากไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอะไร
“โอ๊ย! ขอโทษค่ะฉันไม่ทันได้ดูทาง” มินวา เด็กเนิร์ดแว่นหนาเตอะที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองกลายเป็นเป้าหมายของมาเฟียกล่าวคำขอโทษด้วยความกระตือรือร้นเมื่อเดินออกจากห้องน้ำมาชนเข้ากับแผงอกแกร่งอย่างจังจนเธอร้องอุทานออกมาเสียงหลง
“เมาเหรอ?” อาคินเอ่ยถามเสียงเรียบ แววตาเยือกเย็นของเขาที่จ้องมองมาทำเอาไรขนอ่อนคนตัวเล็กลุกชันด้วยความประหม่า
“เปล่าค่ะฉันไม่ได้เมา ฉันไม่ได้ดื่มด้วยซ้ำ” เธอรีบอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจ
“งั้นเหรอ? มีใครมาสถานที่แบบนี้แล้วไม่ดื่มบ้างล่ะ?” เขาถามพร้อมกับค่อยๆ เดินเข้าไปประชิดตัวคนตัวเล็กทีละนิดจนเธอต้องถอยหลังหนีด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะชนเข้ากับกำแพงทำให้ไม่สามารถถอยหนีได้อีกต่อไป ใบหน้าคมคายโน้มลงหยุดอยู่ตรงหน้าเธอมองทะลุเลนส์แว่นหนาเข้าไปในแววตาสั่นระริกของหญิงสาว พร้อมกับดันปลายนิ้วเรียวยาวเข้าไปในโพรงปากอุ่นร้อนสัมผัสกับปลายลิ้นอ่อนนุ่ม
มินวายกมือดันแผงอกกว้างเพื่อให้หลุดพ้นจากชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว แต่แรงอันน้อยนิดของเธอก็ไม่สามารถกำจัดร่างกำยำให้พ้นทางได้ ความกลัวที่เอ่อล้นในใจส่งผลให้ร่างกายของเธอสั่นสะท้านไปทั่วร่าง โดยเฉพาะตอนที่อาคินตวัดปลายลิ้นลงมาบนปลายนิ้วที่ชุ่มไปด้วยน้ำลายใสๆ ของเธอ
“กลัวเหรอ?” อาคินกดเสียงต่ำถามคนตัวเล็กที่ยืนตัวสั่นอยู่ตรงหน้า
“…” รังสีอำมหิตที่แผ่กระจายออกมาทำให้มินวาไม่กล้าแม้แต่จะตอบอะไรกลับไป เธอพยายามเหลือบมองหาทางหนีทีไล่ให้ตัวเอง แต่ไม่ทันได้มองทิศทางให้ชัดเจนใบหน้าเรียวรูปไข่ก็ถูกบังคับให้หันกลับมา โดยมือหนาที่บีบแก้มของเธอเอาไว้จนใบหน้าเหยเก
“เวลาฉันถามเธอต้องตอบเข้าใจไหม”
“อือ!” เพราะความกลัวทำให้มินวาพยักหน้ารับคำพร้อมกับตอบรับด้วยน้ำเสียงอู้อี้ในลำคอ เนื่องจากริมฝีปากไม่สามารถขยับได้เมื่อคนตัวเล็กรับปากจะให้ความร่วมมือเขาจึงยอมปล่อยมือออก
“เธอชื่ออะไร”
“มะ…เมย์” มินวาที่กำลังจะหลุดตอบชื่อจริงตัวเองออกมานึกขึ้นได้ว่าเธอไม่จำเป็นต้องบอกข้อมูลจริงของตัวเองให้กับเขาจึงตั้งใจโกหกชื่อปลอมๆ ขึ้นมาแทน
“ทำงานหรือว่าเรียน?”
“ทำ…งาน”
“ทำงานที่ไหน”
“คุณถาม…ไปทำไมคะ” น้ำเสียงเธอแผ่วลงในประโยคหลังเมื่อเจอสายตากดดันของอีกฝ่ายจ้องมองมา
“ฉันถามก็แค่ตอบ เธอไม่เข้าใจที่ฉันพูด?”
“เข้าใจค่ะ…ทำงานที่บริษัท xxx” เธอแกล้งบอกชื่อบริษัทที่นึกขึ้นได้ในหัวตอนนั้นออกไปเพื่อเอาตัวรอดให้ผ่านพ้นสถานการณ์ในตอนนี้ไปก่อน
“อายุเท่าไหร่”
“ยี่สิบห้า”
“ฉันชื่ออาคิน จำชื่อฉันเอาไว้ให้ดี”
“คุณทำแบบนี้กับฉันเพียงเพราะแค่ฉันเดินชนคุณอย่างนั้นเหรอคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ฉัน…”
“เพราะฉันถูกใจเธอต่างหากล่ะ”