ร่างที่บอบช้ำทรุดลงข้างโซฟาในคอนโดหรู ที่ซื้อมันด้วยน้ำพักน้ำแรงชันเข่าขึ้นปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมา ปล่อยให้ความเสียใจทุกข์ใจไหลทิ้งกับน้ำตาที่เสียไป
นี่สินะอาการน้ำตาเช็ดหัวเข่า...
แม่งผู้ชายหัวคว...แม่งกินไม่เลือก ที่สำคัญไม่เลือกกินเธอนี่สิมันน่าเจ็บใจ เธอไม่สาวไม่สวยตรงไหนอยากรู้จริง ๆ
แต่เมื่อนั่งร้องไห้ไปแค่ไม่ถึงสองชั่วโมง เสียงเตือนในแอปพลิเคชั่นสีฟ้าก็ขึ้นสถานะใหม่ของภานุวัฒน์ว่าไม่โสดแล้ว ทั้งยังแท็กหาผู้หญิงคนนั้นราวกับเปิดตัวเป็นเรื่องเป็นราวสร้างความเจ็บปวดใจให้กับเธอเป็นอย่างมาก
กรี๊ด...ไอ้หน้าห...เหี้ย!
เธอด่าพร้อมกับสาปแช่ง ขอให้พวกแม่งตกนรก ยิ่งเห็นเมนต์นังชะนีนั่นเมนต์บอกว่า
‘ดูใจกันมานานได้เป็นคนในใจสักที’
นั่นยิ่งทำให้เธอร้อนไปทั้งอก หน็อยคบซ้อนเหรอ เออดีคู่กันดีผีเน่ากับซากโลง
เธอโกรธได้ไม่นานเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“อีรวิ...ยังไงไหนเล่า หมาคาบไปแดกเฉย” คนิ้งพูดก่อนที่รวิจะตอบรับเสียอีก
“คนิ้ง...ฉันโดนมันสวมเขา ฮื้อ !” เสียงร้องไห้โฮของเพื่อนทำเอาคนิ้งที่เดือดอยู่แล้วยิ่งเดือดขึ้นไปอีก
“ใจเย็นนะฉันชวนอีหนึ่งไปนอนบ้านแกแล้วกัน” ด้วยความเป็นห่วงกลัวเพื่อนจะคิดสั้นคนิ้งก็รีบไปหาเพื่อนทันที
รวิวรรณโยนโทรศัพท์ทิ้งไปที่โซฟาลวก ๆ แล้วก็นอนเหมือนหมดอาลัยตายอยากคิดถึงโชคชะตาตัวเอง ที่วาดฝันอยากมีรักดี ๆ อยากมีครอบครัวที่ดี อยากมีคนรักที่ซื่อสัตย์ ขนาดไปหาจากในวัดแล้วก็ยังเลวอยู่ดี
ถ้ามันเลิกกับเธอก่อนแล้วไปมีอีนั่นนี่จะไม่ว่าสักคำ คบซ้อนแล้วยังกวนส้นตีนบอกอธิบายได้
‘เชิญอธิบายกับท่านยมในนรกเหอะคนแบบนี้ พรุ่งนี้จะไปทำบุญกรวดน้ำคว่ำขัน ซื้ออาหารเลี้ยงหมาขี้เรื้อนในวัด เผื่ออานิสงส์จะส่งผลให้พวกที่ล่อกันเหมือนหมาเดือนสิบสองคนนั้นได้รับผลกรรมที่ทำไว้บ้าง’
ขณะที่นั่งเสียใจเธอก็นึกถึงรักแรก พันแสง เตโชชาญ หรือพี่แสงของเธอ ครั้งนั้นว่าเจ็บเจียนขาดใจตายแล้วนะ เพราะเขาปฏิเสธแบบไม่เหลือเยื้อใยไม่พอ ยังมองเธอเป็นผู้หญิงร่านอยากเข้าหาผู้ชายก่อน ทั้งที่ไม่มีแฟนแต่ก็ไม่เปิดใจให้ใคร
หึ...ผู้ชายมันห่วยเหมือนกันหมดหรือไง!
เธอออกจะเป็นแฟนที่ดีแมนกว่าผู้ชายบางคนเสียอีก ไม่งี่เง่า ไม่เอาแต่ใจ ไม่ตามจิกตามกัดไม่เช็กมือถือ แต่ว่าวันนี้เหมือนมีพลังงานบางอย่างออกมาจากโทรศัพท์ของเขา ไม่รู้ว่าผีหรือเทวดา หรือผลบุญที่ทำให้เธอตาสว่างสักที เห็นความเลวของคนที่แสดงตนว่าเป็นคนดี แต่ที่จริงก็ทำเลวเป็นนิจ
ไม่ว่าจะเป็นเจ้าที่ เทวดา เทพพรหมองค์ใด เธอก็อยากขอบคุณที่ทำให้เธอไม่หลงผิดไปมากกว่านี้ หรือที่จริงเธอมีองค์พระแม่คุ้มครองอยู่?
เพราะหากไอ้ชั่วเพชรนั่นมันหื่น มันก็จับเธอกินไปแล้วสิ แต่มันได้แค่กอดกับจูบแล้วแม่งก็ผละออก ยังเคยให้เพื่อนดมปากดมกีเหม็นหรือเปล่า ทำไมเขาถึงไม่เอาสักทีทั้งที่ก็งี่ก็เ****นเหมือนกัน ต่อให้หน้าสวยแต่กีเหม็นผู้ชายก็เมินเช่นกันสาว...!
‘แต่เพื่อนเธอก็การันตีแล้วนี่ว่ามันไม่เหม็นหลายครั้งทั้งที่ทอดสะพานแล้วไม่เอาก็แปลกใจ หรือว่ามีผีคอยหลอกหลอนไม่ให้ผู้ชายเลว ๆ เอาเธอ!’
เมื่อคิดได้ดังนั้นรวิวรรณไม่รอช้ายกมือขึ้นท่วมหัวทำปากขมุบขมิบแล้วสาธุ99 ขณะที่กำลังอธิษฐานอยู่นั้นสองสาวเพื่อนรักเพื่อนชั่วก็เข้ามาในห้องเพราะทั้งคู่มีรหัสผ่านของห้องเธออยู่แล้ว แต่เมื่อเห็นเพื่อนนั่งอยู่ในมุมสลัว พร้อมกับทำท่ายกมือไหว้บางสิ่งบางอย่างที่มองไม่เห็นทำเอาคนิ้งกับนับหนึ่งกอดกันกลมด้วยความหวาดกลัว
“อีคนิ้ง...อีรวิมันเสียสติ หรือมันมองเห็นสิ่งที่เรามองไม่เห็นวะ” นับหนึ่งเป็นคนตาขาวกลัวผีแล้วยิ่งเห็นเพื่อนทำท่าทางอย่างนี้อีกยิ่งไม่อยากเข้าใกล้
“อีหนึ่งเรากลับกันก่อนไหม” คนิ้งเองก็ไม่ไว้ใจเพื่อน ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงแบบนั้นอีก คิดเป็นอื่นไปไม่ได้ ไม่ผีเข้าก็เห็นผี
รวิได้ยินทุกคำที่เพื่อนพูดแล้วก็หันขวับมามอง นั่นกลับเรียกเสียงกรีดร้องให้กับทั้งคู่
กรี๊ด....!อ๊าย...ผะ...ผี...ผี!!!
ดวงตาแดงก่ำของคนที่ผ่านการร้องไห้มาจ้องไปที่สองเพื่อนซี้ บวกกับใต้ตาที่เลอะด้วยมาสคาราเพราะไม่ได้ใช้แบบกันน้ำนั้น ยิ่งสนับสนุนความสงสัยว่าเพื่อนผีสางเข้ายิ่งขึ้น
แต่อย่างไรเธอก็คือเพื่อนจะมาคิดว่าเธอเป็นผีได้อย่างไรยิ่งเสียงร้องโหยหวนเหมือนหมูถูกเชือดนั่นอีก ทำให้อยากชูมือขึ้นแลบลิ้นปริ้นตา หลอกให้จับไข้หัวโกร๋นเสียให้เข็ด
“คนสวยโว้ยยยย ไม่ใช่ผี” จากที่กำลังซาบซึ้งในบุญคุณผีสางเทวดาที่ทำให้เธอตาสว่างเห็นความชั่วไอ้สารเลวนั่น คิดไว้ว่าพรุ่งนี้จะทำบุญจัดหนักอุทิศให้ กลับโดนอีเพื่อนสองตัวมาขัดเสียนี่
“อ่าวใครจะไปรู้ ดูสารรูป” คนเป็นเพื่อนหยิบกระจกในกระเป๋าส่งให้ส่อง เพื่อยืนยันว่าสภาพเดินออกไปข้างนอก มีคนได้ช็อกตายคาที่ด้วยความตกใจ
“เออ...เพิ่งร้องไห้มาจะสวยได้ยังไง ไม่ใช่นางเอกละครนะ ร้องไห้ยังสวย” เมื่อพูดถึงตรงนี้เธอก็ลุกขึ้นนั่งบนโซฟา แล้วหยิบหมอนเข้ามากอดไว้ทำหน้าเบื่อโลกที่สุด