ชลธรพรายยิ้ม วาดปลายลิ้นรอบริมฝีปากตัวเอง ตอกย้ำรสชาติหวานหยดที่ชื้นฉ่ำติดริมฝีปาก ก่อนจะหยิบอาวุธป้องกันสวมใส่ให้ตัวเอง
“ตาฉันบ้างนะ”
เขากัดฟันแน่น ยามประสานสายตากับคนที่นอนหมดเรี่ยวแรง ดวงตาเธอหวานฉ่ำ มือบางลูบไล้แผงอกแกร่งราวกับเห็นมันเป็นของเล่น โดยไม่รู้เลยว่าเขาต้องอดทนแค่ไหนที่จะไม่บุ่มบ่าม
“อือ”
ปาลินร้องประท้วง เมื่อเขาแยกเรียวขาเธอออกจากกัน ก่อนจะจ่ออาวุธแนบชิดกับช่องทางรัก แล้วดุนดันมันเข้าลึกลงด้านใน ใบหน้าเหยเกของคนตัวใหญ่บ่งบอกถึงความรู้สึกแปลกใหม่ ทั้งคับและอัดแน่นบีบรัดตลอดเส้นทาง
“เจ็บ!”
ผิดกับเจ้าของเรือนร่างบางที่ผลักไสเขาให้ออกห่าง ทั้งยังร้องไห้บิดตัวอย่างต่อต้าน
“เจ็บ!”
เธอยังคงพูดคำเดิมพร้อมกระถดตัวหนี วินาทีนี้คนที่ผ่านศึกเรื่องบนเตียงมาอย่างโชกโชนถึงกับตาสว่าง ดวงตาเขาแดงก่ำ ทั้งโกรธทั้งต้องการตีรวนกันในความสมอง
“โธ่โว้ย!” เมื่อรู้อะไรเป็นอะไรเขาก็สบถเสียงดัง ยิ่งทำให้คนที่ปวดร้าวไปทั้งกายตกใจน้ำตาไหลพราก
“คุณชล... ปาเจ็บ!” น้ำเสียงสะอื้นฮึกฮักช่างบาดใจเขาย แต่จะให้ทำอย่างไร จะไปต่อก็ไม่ได้ จะให้พอแค่นี้เขาคงเป็นบ้า
“ชู่ว์... เงียบซะ อยู่นิ่ง ๆ มันจะไม่เจ็บ”
เขาก้มลงจูบหน้าผากมนคล้ายปลอบใจ ก่อนใช้ปลายนิ้วใหญ่เกลี่ยไล่เช็ดน้ำตาจนแห้งสนิท และรออย่างใจเย็นให้ร่างกายของเธอปรับตัว
“ยังเจ็บอยู่ไหม”
เธอส่ายหน้า ดวงตาเศร้ามองตามจนเขาต้องก้มหน้าลงเรียกความสนใจที่ริมฝีปากของเธอแทน เมื่อร่างกายทั้งสองผสานเป็นหนึ่งเดียวโดยไม่มีข้อกังขา บทรักที่เร่าร้อนก็ได้เริ่มขึ้น เสียงเนื้อกระทบเนื้อแข่งกับเสียงร้องครางดังระงมไปทั่วห้อง ไม่นานนักร่างบางกรีดร้องเมื่อถึงฝั่งฝัน ตามด้วยร่างหนาที่กระตุกถี่ยิบ ก่อนจะฟุบใบหน้าลงบนเนินอกอวบอิ่ม
นานเกือบห้านาทีกว่าที่ชลธรจะดึงอาวุธร้ายออกมาจากร่างบอบบางที่แสร้งหลับ ก่อนจะพบหลักฐานคาตาเมื่อเลือดสีแดงส้มยังคงติดอยู่ที่เครื่องป้องกัน เขาส่ายศีรษะอย่างอ่อนใจ ตลอดชีวิตตั้งแต่วัยหนุ่มจนตอนนี้กำลังจะครบสามสิบห้าปีอีกไม่กี่สัปดาห์ ไม่เคยได้ลิ้มรสสาวพรหมจรรย์ เพราะไม่ใช่รสนิยมของเขา ที่สำคัญ... เขาไม่อยากให้ใครต้องเอาใจมาผูกมัดไว้กับตน และยังไม่พร้อมที่จะเอาตนเองไปผูกมัดไว้กับใคร แต่แล้วเลขาหน้าหวานคนนี้ก็ทำลายความตั้งใจทั้งหมด เสียงถอนหายใจดังขึ้นอีกระลอก
ชลธรหยิบเสื้อคลุมของตัวเองคลุมให้เธอ ส่วนตัวเขานั้นเดินตัวเปล่าเปลือยหายเข้าไปในห้องน้ำ ไม่นานนักเสียงสายน้ำไหลก็ดังออกมากระทบหู ทำให้คนที่แกล้งหลับค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง หญิงสาววาดขาลงเหยียบพื้น รู้สึกได้ถึงความไม่เหมือนเดิม ร่างกายเธออ่อนเพลียจนแทบจะไม่มีแรง ขาทั้งสองข้างสั่นจนลุกยืนไม่ไหว มือบางกระชับเสื้อคลุมตัวใหญ่ ฝืนตัวเองก้มเก็บเสื้อผ้าทุกชิ้นเดินหายไปทางห้องน้ำที่อยู่ติดกับห้องครัว ก่อนเธอจะออกมาด้วยเสื้อผ้าชุดเดิม ใบหน้าซีดเผือดทำให้คนที่ยืนรออยู่หน้าห้องก่อนแล้วกอดอกมอง
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน” ร่างบางสะดุ้งสุดตัว เพราะไม่คิดว่าเขาจะยืนรออยู่หน้าห้องน้ำ
“ค่ะ”
หญิงสาวข่มกายเดินตามเจ้าของห้องกลับมานั่งลงที่เดิม แล้วสายตาก็ปะทะกับสิ่งเปรอะเปื้อน อันเป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้าไม่ใช่ความฝัน
“เธออายุเท่าไหร่”
“ยี่... ยี่สิบห้าค่ะ” คนตอบไม่แม้แต่จะมองหน้าคนถาม
“ไม่เคยนอนกับใครมาก่อน?” คำถามที่ไร้คำตอบ ปาลินเอาแต่ก้มหน้านิ่ง สมัยนี้ยังหลงเหลือสาวพรหมจรรย์ในวัยยี่สิบห้าอยู่อีกเหรอ ชลธรฉงนใจไม่น้อย
“ต้องการค่าตัวเท่าไหร่”
เพราะนิสัยของเขานั้นไม่มีคำว่าอ้อมค้อม อยากได้อะไรอยากให้อะไรก็พูดตรง ๆ ผู้หญิงทุกคนก็ชอบเพราะจะได้เรียกร้องให้เต็มที่ แต่ไม่ใช่กับคนอย่างปาลิน หญิงสาวชะงักงันก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเพดานบังคับไม่ให้น้ำตาไหล เรื่องราวที่เพิ่งผ่านไปสร้างความเจ็บปวดให้กับตัวเองไม่น้อย เธอยังจะต้องมาพบน้ำคำดูถูกอีก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดล้วนเกิดจากตัวเธอเองทั้งนั้น ถึงจะเมาแต่ก็รู้ตัวดีทุกอย่าง ทว่าเธอไม่ปฏิเสธ แต่กลับเรียกร้องราวกับผู้หญิงใจง่าย น่าขยะแขยงตัวเองสิ้นดี
“ไม่ค่ะ” ใบหน้างามส่ายช้า ๆ พร้อมกับปฏิเสธเสียงเครือ
“หนึ่งล้านเป็นไง” เขาเสนอราคาให้ เมื่อคิดว่าหญิงสาวกำลังจะโก่งราคา
“ไม่ค่ะ” เธอยังคงยืนยันคำเดิม
“ทำไม”
“ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะความผิดของปาเอง ไม่เกี่ยวกับคุณชล”
“เธอไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นแม่พระต่อหน้าฉัน ฉันเปิดโอกาสให้แล้ว เธอก็ควรเรียกร้องให้เต็มที่” เขารอดูทีท่าของเธออยู่อีกครู่หนึ่งแต่หญิงสาวก็นิ่งเงียบ
“ฉันให้เธอสองล้าน... ค่าตัวเธอหนึ่งล้าน แล้วก็ค่าปลอบขวัญเรื่องที่ต้องออกจากงานอีกหนึ่งล้าน... เธอคิดว่าไง”
เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เขาคงไม่คิดจะให้เธอกลับไปทำงานร่วมกันอีก หนึ่งล้านคงเพียงพอสำหรับการเริ่มต้นใหม่ และการหางานที่ใหม่
“คุณต้องการพูดแค่นี้ใช่ไหมคะ”
ปาลินวางเสื้อคลุมไว้บนเก้าอี้ แม้จะอ่อนแอเพียงใด แต่ก็ต้องแสดงบทบาทผู้หญิงแกร่งต่อสายตาของคนที่มองอยู่