“หมายความว่า ถ้าไวน์ยอมนอนกับเสี่ยวาโย แม่จะไม่ยุ่งกับชีวิตไวน์อีกต่อไปอย่างนั้นเหรอ” เอ่ยถามอยากไม่อยากจะเชื่อหูตนเอง มันยิ่งตอกย้ำให้รู้ว่า ตอนนี้ เธอไม่เหลือคนในครอบครัวแล้วจริงๆ
“ใช่ แกจะออกจากบ้านฉันไปมีผัวหรือชุบชีวิตที่ไหนก็เชิญ!”
พิสมัยพูดด้วยความมั่นใจ เพราะเงินห้าแสนที่จะได้จากเสี่ยวาโยคงเพียงพอต่อการเอาไปถอนทุนคืน และเมื่อนั้น นางก็จะกลับมามีเงินอีกครั้ง ไม่จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากเวทิกาอีกต่อไป
“แม่แน่ใจแล้วใช่ไหมว่าอยากให้ไวน์ไปจริงๆ” หญิงสาวเอ่ยถามอีกครั้งด้วยความเสียใจ
“ก็ใช่น่ะสิ เลิกร้องไห้ แล้วก็ทำในสิ่งที่แกควรทำได้แล้ว อย่าให้ฉันต้องมองว่าแกเป็นพวกอกตัญญูเลย” เบญจาพูดขึ้นอย่างรำคาญใจ
“หึ สำหรับทุกคน ไวน์คงมีค่าแค่นี้สินะ”
เวทิกาเหยียดยิ้มออกมาด้วยความสมเพชตนเอง หญิงสาวปาดน้ำตาซ่อนความอ่อนแอเอาไว้ข้างใน และหากทางออกของเรื่องนี้คือการที่เธอต้องยอมนอนกับเสี่ยวาโยเพื่อหลุดพ้นจากความรู้สึกที่ต้องทดแทนบุญคุณละก็ มันคงจะคุ้มสินะ
“ได้ ไวน์จะทำตามที่แม่ต้องการ” ถอนหายใจ พร้อมกับพูดออกไปด้วยความเจ็บช้ำ
“แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง! พรุ่งนี้ แกไปโรงพยาบาลเพื่อเอาผลมายืนยันว่าแกยังซิง หวังว่าแกคงไม่ใจแตกและทำทุกอย่างพังเสียก่อนนะ อ้อ! และอย่าเล่นตุกติกเด็ดขาด รู้ใช่ไหมว่าถ้าแกเล่นตุกติก พวกมันฆ่าฉันกับน้องของแกแน่” พิสมัยมองหน้าเวทิกาอย่างไม่ไว้วางใจ
“ไม่ต้องห่วงหรอก ไวน์พูดคำไหนคำนั้น”
เจ้าของร่างบางพูดจบก็เดินแยกเข้าไปในห้องนอนของตนเองทันที ก่อนที่จะปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น เวทิกาไม่รู้ว่าตนเองเกิดมาเพื่ออะไร เพื่อมาใช้ชีวิตท่ามกลางคนที่ไม่เคยคิดแม้แต่จะรัก แถมยังเป็นคนที่ยื่นความน่าอัปยศมาสู่ชีวิตของเธออีกอย่างนั้นหรือ ทุกอย่างตอนนี้บีบให้หญิงสาวไม่มีทางเลือก เพียงเพราะว่าคำว่าบุญคุณเพียงคำเดียว หากว่าต้องสูญเสียความบริสุทธิ์ให้กับคนชั่ว นี่ก็จะเป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายที่เธอจะยอมทำเพื่อผู้หญิงที่เคยนับถือว่าเป็น ‘แม่’ และต่อจากนี้จะขอทำทุกอย่างเพื่อตัวเองบ้าง โดยการไม่กลับมาเหยียบที่บ้านหลังนี้อีก!
อัคคีฟังเรื่องที่หญิงสาวเล่าอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง เขาไม่แปลกใจนักที่หญิงสาวไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพิสมัย แต่ที่แปลกใจคือการที่เวทิกาเป็นคนดีเสียจนยอมตอบแทนบุญคุณแม่เลี้ยงด้วยการเอาตัวเข้าแลกเช่นนี้ต่างหาก
“ผมไม่เห็นด้วยกับการที่คุณจะเอาเรื่องบุญคุณมาเป็นตัวตัดสินว่าตนเองต้องยอมทำทุกอย่างตามที่แม่เลี้ยงสั่ง” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“ฉันกับหมออาจจะมีความคิดที่ไม่เหมือนกันมั้งคะ ในเมื่อฉันไม่มีหนทางไหนจะช่วยแม่ได้ นอกจากร่างกายของฉัน” หญิงสาวสบตาอีกฝ่ายด้วยความชอกช้ำ
“แล้วถ้าคุณหาเงินไปใช้หนี้ไอ้เสี่ยนั่นได้ล่ะ เท่ากับว่าคุณไม่จำเป็นต้องขายตัวให้มันใช่ไหม” เอ่ยถามพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้หญิงสาวอย่างพินิจพิเคราะห์
“อย่าพูดอะไรที่เป็นไปไม่ได้เลยค่ะ หมอก็รู้ว่าฉันไม่มีทางหาเงินล้านได้ภายในวันสองวันนี้แน่นอน” เวทิกาเหยียดยิ้มสมเพชในความจนของตนเอง
“ผมชื่ออิฐ เรียกผมว่าหมออิฐ” อัคคีพูดด้วยน้ำเสียงทรงเสน่ห์ ยิ่งได้เห็นว่าเวทิกาเป็นคนดีและอ่อนต่อโลกขนาดไหน ชายหนุ่มยิ่งอยากรู้จักหญิงสาวตรงหน้ามากกว่านี้
“ค่ะหมออิฐ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคะ แต่ว่าตอนนี้ ฉันคงต้องไปแล้ว เสี่ยวาโยรอฉันอยู่”
เวทิกายกมือไหว้อัคคีอย่างนอบน้อม ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป แต่ไม่ทันที่หญิงสาวจะได้ก้าวขาออกจากห้องก็ถูกหมอหนุ่มกระชากตัวให้หันกลับมาพร้อมกับมองหน้าเธอด้วยสายตาสื่อความหมาย
“ผมยังพูดไม่จบ และผมไม่อนุญาตให้คุณไปไหนทั้งนั้น” พูดพร้อมกับเดินเข้าไปประชิดตัวเวทิกา ในขณะที่เธอได้แต่ถอยหลังจนหลังชิดกำแพง เป็นโอกาสให้เขาใช้มือทั้งสองข้างดันกำแพงและกักขังตัวหญิงสาวเอาไว้
“ดะเดี๋ยวค่ะ หมอจะทำอะไร” เวทิกาถึงกับทำตัวไม่ถูกเมื่อใกล้ชิดเพสตรงข้ามแบบนี้ และเธอเองก็เพิ่งนึกได้ว่าถึงแม้ว่าเขาจะเป็นหมอ แต่ก็คือผู้ชายคนหนึ่ง และแน่นอนว่าการอยู่ในห้องสองต่อสองกับผู้ชายเช่นนี้ย่อมไม่ปลอดภัย
“คุณชื่อเล่นว่าอะไร แล้วอายุเท่าไหร่” อัคคีไม่สนท่าทีตื่นกลัวของสาวเจ้า แต่เขากลับรู้สึกชอบใจเสียมากกว่าที่ได้ไล่ต้อนเธอจนมุมเช่นนี้
“เอ่อ…”
“ตอบผม!” ย้ำอีกครั้ง เพื่อบีบให้เธอไม่มีทางปฏิเสธได้
“ไวน์ค่ะ ฉันชื่อไวน์ อายุยี่สิบสอง พอใจหรือยังคะ” เวทิกาจ้องหน้าหมอหนุ่มด้วยความไม่พอใจ ยิ่งได้เห็นสายตาทรงเสน่ห์คู่นั้น มันยิ่งทำให้โมโห เขาเจ้าเล่ห์และใช้วิธีบังคับเธอได้อย่างร้ายกาจ!
“หึ เรียนจบแล้วสินะ ถ้าอย่างนั้น ผมมีทางเลือกให้คุณ….”
อัคคียิ้มออกมาอย่างคนคิดแผนร้ายออก ในขณะที่คนตัวเล็กแทบเดาไม่ออกว่าคนหมออย่างเขากำลังคิดจะทำอะไรอยู่
“มาเป็นเด็กของผมไหม แล้วผมจะให้ทุกอย่างที่คุณต้องการ!”