1
‘นี่น่ะเหรอของขวัญวันเรียนจบของเธอ?!’
‘เวทิกา เริงฤทธิ์’ หรือไวน์ อายุยี่สิบสองปี ได้แต่ถามตัวเอง ตลอดเส้นทาง คิดวนไปมาว่าสิ่งที่เธอกำลังตัดสินใจทำนั้นถูกหรือไม่
เวทิกาเพิ่งเรียนจบได้หมาดๆ มีความฝันอยากทำงานด้านการตลาด ที่ผ่านมา เธอตั้งใจเรียนและไม่เคยมีเรื่องอะไรให้ทางบ้านไม่พอใจ เพราะสำนึกในบุญคุณ และรู้ตัวดีว่าตนเองอยู่ในสถานะที่ไม่ควรสร้างปัญหา แค่ทุกวันนี้มีที่ซุกหัวนอนก็เป็นบุญคุณอย่างเหลือล้นแล้ว เป้าหมายสำคัญในการเรียนจบของเธอจึงไม่ใช่แค่หาเลี้ยงตนเองได้เท่านั้น แต่ยังเพื่อทดแทนบุญคุณของผู้มีพระคุณที่อุตส่าห์เลี้ยงดูมา แม้จะมาจากความไม่เต็มใจก็ตาม
แต่ใครจะคิดว่าท้ายที่สุด เธอต้องมาทดแทนบุญคุณผู้มีพระคุณด้วยวิธีนี้! วิธีที่เวทิกาเองไม่เคยแม้แต่จะคิด และยิ่งคิดก็ยิ่งไม่รู้ว่าตนเองตัดสินใจถูกหรือไม่ รู้แต่เพียงว่าเธอไม่มีทางเลือกแล้ว หากไม่ทำเช่นนี้ ‘แม่’ คงต้องเดือดร้อนมากกว่าเก่า
“ถึงแล้วครับน้อง”
เสียงของโชเฟอร์ขับแท็กซี่ปลุกเวทิกาตื่นจากภวังค์ เธอไม่มีเวลาคิดอะไรอีกต่อไปแล้ว เพราะต่อให้อยากจะถอยหลังแค่ไหน ในความเป็นจริงก็ทำมันไม่ได้อยู่ดี
“ขอบคุณนะคะ” ตอบอย่างนอบน้อม ก่อนจะหยิบแบงก์ร้อยจ่ายให้กับคนขับ
หญิงสาวลงจากรถพร้อมกับมองไปด้านหน้าโรงพยาบาลด้วยความลังเลใจ นี่คงเป็นครั้งแรกที่การมาหาหมอเป็นเรื่องน่าหดหู่ใจ ที่ผ่านมา เธอมีสุขภาพแข็งแรงแทบไม่จำเป็นต้องเข้าโรงพยาบาล และไม่เคยกลัวการต้องเจอหมอมาก่อน ใครจะเชื่อว่าครั้งนี้กลับรู้สึกกลัวและไม่พร้อมมันไปเสียทุกอย่าง
“เธอไม่มีทางเลือกแล้วไวน์” เวทิกากำมือทั้งสองข้างของตนเองแน่น ในเมื่อตอนนี้ไม่มีใครเคียงข้าง เธอก็ต้องให้กำลังใจตนเองและเข้มแข็งเพื่อผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้
เจ้าของร่างบางตัดสินใจเดินเข้าโรงพยาบาล ละทิ้งความกังวลทุกสิ่งก่อนหน้านี้ อย่างไรเสีย เธอก็ต้องตรวจให้รู้แล้วรู้รอด คิดเสียว่าในนี้ไม่มีใครรู้จักตนเอง และรีบตรวจให้มันเสร็จๆ เรื่องจะได้จบไวๆ
หญิงสาวเดินไปยังแผนกสูตินรีเวชอย่างรู้หน้าที่ เมื่อพูดถึงแผนกนี้ ทุกคนรู้ดีว่าจะเป็นการรักษาเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพของสตรี เวทิกายังอายุไม่มาก ไม่มีปัญหาสุขภาพอะไรต้องพึ่งพาหมอสูติ แต่ที่เธอมาในวันนี้เพราะต้องการผลการตรวจที่ได้รับการยืนยันจากหมอเท่านั้นว่ายังบริสุทธิ์!
“คุณเวทิกาเป็นอะไรมาคะ มีอาการยังไงบ้าง”
พยาบาลซักประวัติเอ่ยถามขึ้น แน่นอนว่า เมื่อได้ยินประโยคนั้น เวทิกาก็ถึงกับเงียบ และใช้ความกล้าอยู่นานที่จะตอบพยาบาลไป
“คุณคะ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
พยาบาลเอ่ยถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงสุภาพ ท่าทางอ่อนโยน ขึ้นชื่อว่าโรงพยาบาลเอกชนคงไม่ต้องกังวลเรื่องการบริการ พยาบาลที่อยู่ ณ ที่นั้นต่างแสดงความเป็นห่วงจนเธอเองก็อดรู้สึกผิดไม่ได้
“เอ่อคือว่า…ดิฉันขอคุยกับคุณหมอเองได้ไหมคะ” เวทิกาพูดด้วยความเกรงใจ แต่เธอก็อายเกินกว่าจะบอกความต้องการของตนเองต่อหน้าพยาบาลหลายคนเช่นกัน
“ปกติแล้ว คุณหมอจะรับข้อมูลประวัติผู้ป่วยจากพยาบาล แต่คุณผู้หญิงมีเรื่องไม่สบายใจ อยากจะพูดกับคุณหมอท่านเดียวใช่ไหมคะ” ฝ่ายนั้นเอ่ยถามอีกครั้ง
“ค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ ดิฉันอยากแจ้งปัญหากับคุณหมอโดยตรง” เวทิกายอมรับว่าตนเองยังไม่มีความกล้าพอที่จะพูดเรื่องอย่างนั้นออกมาโดยไม่สนสายตาคนรอบข้าง
“แต่ตอนนี้ คุณหมอที่เข้าเวรเป็นคุณหมอผู้ชายนะคะ ถ้าจะรอคุณหมอผู้หญิงต้องรออีกสองชั่วโมงเลย คุณผู้หญิงสะดวกไหมคะ” พยาบาลเอ่ยถามอีกครั้ง
“สองชั่วโมงเหรอคะ” พลางทำท่าคิดหนัก ใจจริง เธออยากจะพูดคุยกับหมอผู้หญิงเสียมากกว่า เพราะอย่างน้อยคงทำให้ความอายของตนเองลดลง แต่หากต้องรอหมอผู้หญิงอีกสองชั่วโมงก็คงรอไม่ไหว เพราะทางนั้นก็รีบเร่งเร้าเหลือเกิน
“ถ้าอย่างนั้น เป็นพบคุณหมอผู้ชายก็ได้ค่ะ” หญิงสาวตัดสินใจทันที พร้อมกับปลอบตัวเองว่าคงไม่ได้เจอคุณหมอท่านนี้อีกแล้ว อายครั้งเดียวให้มันจบไป!
“ค่ะ รอสักครู่นะคะ”
เมื่อพยาบาลพูดจบก็ตรวจวัดร่างกายของเวทิกาตามปกติ ก่อนที่จะพาหญิงสาวไปนั่งรอหน้าห้องตรวจ
‘นพ.อัคคี พิพัฒน์รุ่งโรจน์’
เวทิกาอ่านป้ายชื่อของแพทย์ที่จะต้องเจอในไม่อีกกี่นาทีข้างหน้าด้วยใจเต้นรัว ขอให้หมอท่านนี้มีอายุพอสมควร ความเขินอายของเธอจะได้น้อยลงบ้าง
“คุณเวทิกาเชิญค่ะ”
ทันใดนั้น เสียงของพยาบาลก็ดังขึ้น หญิงสาวจึงรีบลุกจากที่นั่งพร้อมกับเดินตามไปที่ห้องหมออัคคีทันที
“ขออนุญาตนะคะคุณหมอ”
สิ้นเสียงขออนุญาต พยาบาลสาวก็ปิดประตูลงเพื่อให้เวทิกาได้พูดคุยกับหมอตามลำพัง และทันทีที่เห็นหน้าของคุณหมอ เธอก็อดตะลึงไม่ได้!
“เห็นพยาบาลบอกว่า คุณอยากคุยกับหมอเป็นการส่วนตัว ไม่สะดวกให้พยาบาลซักประวัติเหรอครับ”
นายแพทย์อัคคีเงยหน้าขึ้นมองมา ทำเอาเวทิกาอดตื่นเต้นไม่ได้ คำอธิษฐานของเธอไม่เคยเป็นจริงเลยสักครั้ง เพราะคนตรงหน้าต่างจากที่คิดจินตนาการเอาไว้สิ้นเชิง เขายังอายุไม่มาก และที่สำคัญ หน้าตาก็ดูดีเสียจนคนไข้อย่างเธออดใจสั่นไม่ได้! ยิ่งรูปร่าง ทำเอาเวทิกาตั้งคำถามในใจนี่หมอหรือนายแบบ
“คนไข้เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” อัคคีเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าคนไข้สาวสวยตรงหน้ามองมาด้วยสายตาอึ้งๆ แม้เขาเองจะอึ้งไม่ต่างจากเธอก็ตาม แต่ต้องรักษาภาพลักษณ์ของแพทย์เอาไว้ เพราะหญิงสาวตรงหน้าช่างสวย น่ารัก มีเสน่ห์ และสะดุดตาเหลือเกิน
“เอ่อ ขอโทษค่ะ” เวทิกาเพิ่งได้สติ จึงรีบนั่งลงตรงข้ามหมอทันที พยายามปลอบใจตัวเองว่า ถึงหมอท่านนี้จะยังหนุ่มและหน้าตาดีแค่ไหนก็ไม่ต้องใส่ใจอะไร เพราะแค่ก้าวออกจากห้องตรวจไป เขาก็จำหน้าเธอไม่ได้แล้ว และก็คงไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกตลอดชีวิต
“ไม่เป็นไร ว่าแต่คนไข้อาการเป็นยังไงครับ” อัคคีพยายามทำตัวปกติ พร้อมกับเอ่ยถามเหมือนที่ถามคนไข้คนอื่นๆ แววตาของหญิงสาวตรงหน้าดูสั่นระริกเหมือนคนที่กำลังตื่นกลัวอะไรบางอย่างอยู่ นั่นยิ่งทำให้เขาอยากจะรู้ว่าเธอกำลังมีปัญหาอะไรกันแน่
“เอ่อ คือว่าดิฉันอยากจะขอให้คุณหมอช่วยตรวจความบริสุทธิ์ให้ดิฉันค่ะ” เวทิการีบพูด เพื่อให้เรื่องราวได้ผ่านพ้นไปเร็วๆ
“ตรวจพรหมจรรย์? ขออนุญาตถามตรงๆ คุณเจอเรื่องหรือเหตุการณ์อะไรมาก่อนหน้านี้หรือเปล่าครับ” ประโยคนั้นทำเอาอัคคีถึงกับคิ้วขมวด เขาไม่เข้าใจว่า เหตุใดหญิงสาวหน้าตาดีตรงหน้าจึงมาหาหมอเพื่อขอผลตรวจยืนยันความบริสุทธิ์เช่นนี้ ทั้งที่เจ้าตัวควรจะเป็นผู้ที่รู้ดีกว่าใคร
“เอ่อ ไม่ใช่ค่ะ ฉันไม่ได้เจอเรื่องแบบที่หมอคิด เพียงแต่ว่า...ฉันจำเป็นต้องใช้ผลตรวจจริงๆ” รู้ดีว่าหมออาจจะเข้าใจว่าเธอคงจะเจอใครรังแก หรือโดนคุกคามทางเพศมาเลยต้องการผลตรวจ แม้ว่าเวทิกายังไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนั้น แต่ต่อจากนี้ สิ่งที่เธอกำลังจะเจอก็ไม่ได้เลวร้ายน้อยไปกว่ากันสักเท่าไหร่นัก