นิษฐายกข้าวซอยฝีมือตนเองออกมาเสิร์ฟให้กับพ่อเลี้ยงรักษา ชายหนุ่มมองสำรับอาหารตรงหน้า แล้วจึงตักเข้าปากเพื่อชิมรสชาติ พลันเคี้ยวหมุบหมับด้วยท่าทางครุ่นคิด
จากนั้นจึงตักเข้าปากอีกหลายคำ สีหน้าอารมณ์ดีบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่ารสชาติอาหารฝีมือนิษฐานั้นถูกใจเป็นอย่างมาก
"เห็นมั้ย ฉันบอกแล้วว่าอร่อย ถูกใจพ่อเลี้ยงเขาซะขนาดนั้น ว่าแต่หนูเจียไปเรียนทำข้าวซอยมาจากไหนล่ะลูก อร่อยเหมือนทานในร้านอาหารเลย"
คุณรังสิมาชื่นชมแล้วชื่นชมอีก ยิ่งรู้ว่านิษฐาทำอาหารได้อร่อยถูกปากทุกคนเช่นนี้ยิ่งปลื้มใจ นิษฐาช่างเป็นผู้หญิงอ่อนโยน ใจเย็นและทำอาหารเก่ง เช่นนี้ใครๆ ก็อยากได้ไปเป็นลูกสะใภ้ รวมถึงนางด้วย
"ก็เรียนตามตำรานั่นแหละค่ะแม่นาย หนูชอบทานก็เลยลองทำทานเอง อีกอย่างหนูมาเที่ยวทางเหนือบ่อยๆ ก็เลยลองปรับสูตรรสชาติตามที่เคยชิมในร้าน หนูดีใจนะคะที่แม่นายชอบ" นิษฐายิ้มมีความสุข
"คนนั้นต่างหากที่ดูมีความสุขมากกว่าฉัน" นางพเยิดหน้าไปยังรักษา ที่กำลังตักเข้าซอยเข้าปากจนเกือบหมดชามแล้ว
"คงอยากทานมากจริงๆ ถึงได้ทานจนหมด แต่ว่าแม่นายคะ หนูสัญญากับพ่อเลี้ยงเขาแล้ว ว่าอาทิตย์หน้าหนูจะพาเขาออกไปทานอาหารที่ร้านดู แม่นายจะอนุญาตมั้ยคะ?"
คุณรังสิมามีสีหน้าหนักใจเล็กน้อย แต่ความจริงมันก็คงจะถึงเวลาแล้ว ที่จะยอมปล่อยให้รักษาออกไปใช้ชีวิตตามปกติเช่นแต่ก่อน
"ได้สิ แต่เดี๋ยวให้ภุชงค์ไม่ก็วาคินออกไปทานด้วยกัน เผื่อเจอคนรู้จากสองคนนั้นจะได้พูดคุยได้ เพราะว่ารักษาไม่ค่อยคุยกับใคร"
"ขอบคุณค่ะแม่นาย แต่ว่าหนูยังไม่เคยเจอคุณภุชงค์เลยนะคะ เคยได้ยินแต่ชื่อ"
"เขาเป็นผู้จัดการไร่ ภุชงค์ลางานได้สามวันแล้ว พรุ่งนี้ก็กลับมาแล้ว แต่หนูเจียก็น่าจะได้เจอกับเขาอาทิตย์หน้าตอนที่หนูกลับมานั่นแหละ"
"อ๋อ ค่ะแม่นาย งั้นเดี๋ยวหนูไปตักข้าวซอยเพิ่มให้พ่อเลี้ยงก่อนนะคะ" เธอบอกเท่านั้นแล้วจึงเดินไปหารักษา
คุณรังสิมามองไปยังสองหนุ่มสาวด้วยแววตาแห่งความสุข นางรู้สึกดีใจที่บุตรชายยอมพูดคุยกับนิษฐา คงเป็นเพราะทั้งสองถูกชะตากันและกัน ดั่งพรหมลิขิตที่ได้กำหนดไว้แล้วนั่นเอง
หลายชั่วโมงผ่านไป เข็มนาฬิกาย่ำเดินมาจนถึงเวลาหกโมงเย็น ดวงตะวันลับขอบฟ้าไกลโพ้น คนงานต่างพากันกลับเข้าบ้านพัก ส่วนแม่บ้านกำลังเตรียมอาหารเย็น นิษฐากำลังยืนดูพระอาทิตย์ตกดินที่ริมระเบียงกับคุณรังสิมา
"พอตกค่ำฉันก็รู้สึกเหงานิดหน่อยนะ บ้านเรือนออกใหญ่โต ลูกหลานก็หลายคน แต่ยังไม่มีใครยอมแต่งงานมีหลานให้ฉันเลยสักคน"
อยู่ๆ นางก็พูดขึ้น สายตากำลังจับจ้องไปยังความมืดที่มาเยือน แววตาเศร้าหมองจับใจ
"แม่นายคะ หนูเชื่อว่าอีกไม่นานแม่นายก็จะไม่เหงาแล้ว ทุกอย่างย่อมมีเวลาของมัน เมื่อถึงเวลาเดี๋ยวลูกหลานก็แต่งงานมีลูกเองค่ะ อดทนรออีกหน่อยนะคะ" นิษฐาพยายามปลอบใจ
"ฉันก็เคยคิดแบบนั้น อ้อ เรื่องเงินหนึ่งล้าน ฉันจะต้องโอนเข้าบัญชีให้หนูหรือว่าหนูอยากได้เป็นเงินสดจ้ะ"
นางถาม เพราะรู้ว่านิษฐาต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯพรุ่งนี้แต่เช้า ทั้งสองคนคุยกันโดยที่ไม่รู้ว่าพ่อเลี้ยงรักษากำลังยืนฟังอยู่ ชายหนุ่มสงสัยว่าเหตุใดมารดาจึงต้องให้เงินแก่นิษฐาถึงหนึ่งล้านบาท
"โอนเข้าบัญชีดีกว่าค่ะแม่นาย หนูกราบขอบพระคุณแม่นายอีกครั้งนะคะที่เมตตาหนู" หญิงสาวยกมือไหว้คุณรังสิมาอีกครั้งเป็นการขอบคุณ
"สิ่งที่หนูทำให้ครอบครัวของเรามันมีค่ามากเลยนะ ขอบคุณที่ทำให้รักษาเขายอมพูดคุยอีกครั้ง" นางพูดแล้วจึงกุมมือนิษฐาไว้
"หึ! ที่แท้ก็พวกผู้หญิงหิวเงิน ทำตัวเป็นคนดีเพราะหวังแต่ของพวกนี้" ด้านรักษาที่ยืนมองอยู่จึงพึมพำออกมา
ในใจกำลังรู้สึกหงุดหงิด และมองนิษฐาแตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง เขาคิดว่าหญิงสาวเจ้าเล่ห์มารยา จึงไม่อยากทนฟังและเดินกลับเข้าไปในบ้าน
"หนูสัญญาว่าจะรีบหาเงินมาคืนให้เร็วที่สุดนะคะ"
"หนูเจีย หนูไม่ได้แค่มาขอเงินฉันนะ หนูจะมาดูแลพ่อเลี้ยงรักษาเป็นการตอบแทนไง อีกอย่างฉันก็ดีใจที่ได้ชีวิตช่วยชีวิตน้องสาวของหนู อย่าคิดว่าเป็นบุญคุณอะไรเลยนะ"
"ต้องเป็นบุญคุณสิคะแม่นาย หลังจากที่หนูช่วยดูแลพ่อเลี้ยงรักษาจนหายดีแล้ว หนูจะรีบหาเงินส่วนที่ยังค้างอยู่มาคืนแม่นายนะคะ"
"ไม่ต้องพูดเรื่องนี้กันแล้วดีกว่า ไม่ต้องคืนเงินด้วย เราเข้าไปข้างในกันเถอะ ป่านนี้แม่บ้านคงจะเตรียมอาหารเสร็จแล้ว เดี๋ยวรักษาจะรอทานข้าว" นางชวนคุยเรื่องอื่น เพราะไม่อยากให้นิษฐาคิดมากเรื่องหาเงินมาคืน
"ค่ะแม่นาย" จากนั้นเธอจึงเดินตามหลังคุณรังสิมากลับเข้าไปในบ้าน
พ่อเลี้ยงรักษานั่งรออยู่ที่โต๊ะรับประทานอาหารแล้ว นิษฐาจึงเดินมานั่งลงข้างกายชายหนุ่ม ทว่าเขากลับมีสีหน้าบึ้งตึง เธอจึงคิดว่ารักษาเพียงแค่อารมณ์ไม่ดี
"ทานข้าวนะคะพ่อเลี้ยง" นิษฐามองอาหารตรงหน้าเล็กน้อย ก่อนจะตักผัดคะน้าหมูกรอบใส่จานให้พ่อเลี้ยงรักษา
"ฉันไม่ชอบผักคะน้า" ทว่าชายหนุ่มกลับพูดขึ้นเสียงดัง คุณรังสิมาแปลกใจ เพราะปกติแล้วบุตรชายชอบทานผัดคะน้าหมูกรอบเป็นอย่างมาก
"เอ่อ...ขอโทษค่ะ งั้นเปลี่ยนจานข้าวดีกว่านะคะ" นิษฐากำลังจะสลับจานข้าวกับเขา เพราะจานข้าวของเธอยังไม่ได้ตักอาหารใส่เลย
"ไม่ต้องหนูเจีย ผัดคะน้าหมูกรอบเป็นของโปรดพ่อเลี้ยงเขาเลยแหละ อยู่ๆ ทำไมถึงบอกว่าไม่ชอบคะน้าหมูกรอบล่ะลูก?"
นางถามบุตรชายสีหน้าเครียด แม้ตั้งแต่เกิดเรื่องชายหนุ่มจะไม่ยอมคุยกับใคร แต่เรื่องอาหารเขาไม่เคยมีปัญหา รักษาก็ไม่ยอมคุยกับมารดาแม้แต่คำเดียว
"วันนี้พ่อเลี้ยงแค่อาจจะไม่อยากทานคะน้าหมูกรอบก็ได้นะคะแม่นาย หนูเปลี่ยนจานให้พ่อเลี้ยงดีกว่าค่ะ" เธอพูดแล้วจึงสลับจานข้าวของทั้งสอง และไม่ยอมตักอาหารให้ชายหนุ่มอีกเพราะเกรงว่าจะไม่ถูกใจเขา
คุณรังสิมามองบุตรใช้ด้วยแววตาสงสัย เพราะตอนนี้ใบหน้าคมคายกำลังแสดงออกชัดเจนว่าไม่พอใจอะไรบางอย่าง
นิษฐารับประทานอาหารจนอิ่มโดยไม่พูดอะไร ส่วนรักษาทานข้าวจนหมดจานแล้วแต่ไม่ยอมตักผัดคะน้าหมูกรอบแม้แต่คำเดียว
จากนั้นรักษาจึงลุกจากเก้าอี้ เขาเดินกลับขึ้นไปบนห้องนอนโดยไม่บอกกล่าวใคร นิษฐาไม่ค่อยพอใจการกระทำของชายหนุ่ม โดยเฉพาะการที่เขาไม่ยอมพูดคุยกับมารดา
แต่หญิงสาวก็ต้องควบคุมอารมณ์ และพยายามคิดว่าเขากำลังป่วยอยู่เท่านั้น นิษฐาได้แต่แอบถอนหายใจเสียงเบา
"อย่าถือสาพ่อเลี้ยงเขาเลยนะลูก" เพราะเกรงว่าเธอจะคิดมาก คุณรังสิมาจึงช่วยพูดปลอบใจ
"ค่ะแม่นาย" นิษฐาตอบด้วยรอยยิ้ม จากนั้นจึงลองทานของหวานฝีมือของนางด้วยความเอร็ดอร่อย