แสนกล้าเข้าพบหัวหน้างานเพื่อขอลากิจ โดยขอลาไปร่วมงานศพของแม่ของกมลฉัตร แต่หัวหน้างานไม่อนุมัติ เพราะวันนี้พนักงานในแผนกเกิดอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์ล้มพร้อมกันสองคน อีกอย่างเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์กับคนตาย ไม่ได้เป็นญาติพี่น้องกัน เป็นแค่คนรู้จัก หัวหน้างานจึงไม่ให้ลา
แสนกล้าโทร. หาพ่ออีกครั้ง คราวนี้กำนันไสวไม่รับสาย เขาจึงโทร. หาแม่ พอแม่ก้านรับสาย เขาบอกท่านว่าขอคุยกับฉัตรกมล แต่แม่บอกว่าหญิงสาวยุ่งมาก ไม่สะดวกรับสาย ให้เขาโทร. หาเธออีกทีตอนค่ำ ๆ บอกแล้วท่านก็วางสาย เขาโทร. กลับไปอีกตั้งหลายสายท่านก็ไม่รับ
แสนกล้าอยากจะบ้า เขาติดต่อเธอไม่ได้ แถมตอนนี้เธอยังอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่เขากลับไม่ได้อยู่เคียงข้างเธอ ทั้งที่เธอกับเขาเป็นเพื่อนสนิทกัน ทำได้แค่ฝากความห่วงใยผ่านสายลมไปให้เธอ
แสนกล้าไม่ได้กลับไปช่วยงานศพของแม่ของกมลฉัตร ไม่ได้พูดคุยแสดงความเสียใจกับเธอ เขามัวแต่ทำงานที่กองสุมหัวตลอดทั้งสัปดาห์ มีโอทีทุกวัน แถมเขายังต้องหอบงานกลับไปทำที่ห้องด้วย แต่ละคืนที่ผ่านมาเขาหลับคางานทุกคืน เขาไม่มีเวลาว่างเลย เวลาจะพักผ่อนยังแทบไม่มี
แล้วไอ้พนักงานที่เกิดอุบัติเหตุทั้งสองคนก็ต้องนอนโรงพยาบาลกันเป็นอาทิตย์ หน้าที่ของพวกมันก็เลยถูกส่งต่อมาให้เขาดูแลชั่วคราว สัปดาห์นี้ทั้งสัปดาห์ เขาเลยทำงานหนักกว่าการทำงานตลอดทั้งปีเมื่อปีที่แล้วซะอีก
วันนี้เป็นวันศุกร์แล้ว เขาคิดว่าพรุ่งนี้จะกลับบ้าน จะกลับไปหากมลฉัตร เขาเป็นห่วงความรู้สึกของเธอ
แสนกล้าเร่งทำงานทุกอย่างตั้งแต่เช้า พอพักกลางวันเขาก็ลงจากตึกไปกินข้าวกับเพื่อนร่วมงาน แล้วรีบกลับมาทำงานที่ยังค้างอยู่
ในตอนที่เขาเดินกลับเข้าตึกและเดินตรงไปที่ลิฟต์ เขาก็ต้องชะงัก เขาเพ่งมองผู้หญิงที่เพิ่งเดินออกมาจากลิฟต์ด้วยความแปลกใจ
“ฉัตร”
เจ้าของชื่อชะงักเล็กน้อย เธอยิ้มซีดเซียว หน้าตาดูอิดโรย
แสนกล้ารีบเดินเข้าไปหาเธอ เขาไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเธอ มองสบตาเธอด้วยความห่วงใย
“เสียใจด้วยนะ เธอเป็นไงบ้าง”
“อือ...”
กมลฉัตรพยักหน้าน้อย ๆ เธอฝืนยิ้มอย่างยากลำบาก
“ฉันขอโทษที่ไม่ได้ไปช่วยงาน”
“ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ”
แม้เธอจะบล็อกช่องการติดต่อของเขา แต่เธอก็ยังอยู่ในไลน์กลุ่มที่ทำงาน เธอจึงรู้ว่าช่วงนี้เขาทำงานหนักมากจริง ๆ
“เธอจะกลับมาทำงานแล้วเหรอ ทำไมไม่พักต่ออีกสักหน่อยล่ะ”
“ฉันมาลายื่นใบลาออก”
“ลาออก!”
“ฉันจะกลับไปอยู่กับยาย ไปดูแลยาย”
“แล้ว... เรื่องของเรา”
กมลฉัตรนิ่งไปครู่หนึ่ง เธอรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง
“พี่แสนขา...”
เสียงหวานบาดหูดังขึ้นข้างหลัง แสนกล้าหันไปมอง เขายังไม่ทันได้เอ่ยอะไร น้องใยไหมก็ปรี่เข้ามากอดแขนเขาไว้แน่น เธอยิ้มหวานสดใสและอิงศีรษะกับต้นแขนกำยำอย่างสนิทสนมคุ้นเคย
กมลฉัตรเห็นทุกอย่างเต็มสองตา สองคนนี้คงคืนดีกันแล้ว แสนกล้ากลับไปคืนดีกับแฟนเก่าของมันแล้ว เธอควรเลิกคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้น แล้วไปหาอาหารเม็ดมากิน
“เรื่องของเราไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ ฉันลืมมันไปแล้ว แกก็ควรลืมมันไปได้แล้ว งานเยอะไม่ใช่เหรอ ไปทำงานได้แล้ว ฉันกลับละ” กมลฉัตรยิ้มจืดเจื่อน เธอเดินหนีไปทันทีที่พูดจบ
“เดี๋ยวสิ! ฉัตร”
แสนกล้าจับต้นแขนกลมกลึงรั้งไว้ ไม่ยอมให้กมลฉัตรไป คนที่คิดว่าจะไปหาอาหารหมากินถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอมองหน้าเพื่อนด้วยสายตาว่างเปล่า
“ถ้าแกปล่อยฉันไปดี ๆ เรายังจะเป็นเพื่อนกันต่อไป แต่ถ้าแกยังรั้งฉันไว้แบบนี้ และคิดจะพูดถึงเรื่องนั้นอีก ฉันกับแกตัดขาดกัน ไม่ต้องมาเป็นเพื่อนกันอีก”
“ฉัตร...”
“ปล่อยได้แล้ว ฉันจะกลับ”
แสนกล้าค่อย ๆ ปล่อยมือจากต้นแขนหญิงสาว พอเธอเดินหนีไป เขาก็มองตามด้วยความสับสน
“พี่แสนขา อย่าไปสนใจเลยค่ะ มาคุยเรื่องของเราดีกว่า คือว่าไหม...”
“หุบปาก! จะไปไหนก็ไป ฉันไม่กลับไปกินของเก่าให้เสียปากหรอก ปล่อย!!”
แสนกล้าสะบัดแขนออกจากมือบาง เขาเดินหนีไปขึ้นลิฟต์ ปล่อยให้คนที่มาง้อขอคืนดีเพราะถูกผู้ชายคนใหม่เขี่ยทิ้งมองตามเขาด้วยสายตาโกรธขึ้ง
แสนกล้ากำลังสับสน ใจหนึ่งก็อยากตามเธอไป ใจหนึ่งก็กลัวว่าเธอจะเลิกคบ จะไม่ให้เขาเป็นเพื่อนอีกต่อไป
ที่ผ่านมาใคร ๆ อาจจะมองว่ากมลฉัตรยอมเขาตลอด แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย เขากลัวเธอจะแย่ ทั้งยังเกรงใจด้วย เพราะเวลาที่เธอจริงจังหรือไม่ยอมอะไรสักอย่าง ไม่มีอะไรหรือไม่มีใครเปลี่ยนใจเธอได้เลย เขาจึงไม่กล้าตามเธอไป เขากลัวเธอเลิกคบ