เพลงขวัญมัวแต่เสียใจจนลืมนึกถึงเรื่องที่เขาพูดถึงไปจนสนิท
“หนูควรไปแจ้งความไว้ก่อนไหม”
“แต่เราไม่มีหลักฐานนะ เธอได้ยินแค่เสียงแต่ไม่เห็นหน้าพวกมัน”
“แล้วหนูต้องอยู่อย่างหวาดระแวงเหรอคะนายหัว”
“คืนนี้ไปอยู่ที่บ้านฉันก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยคิดกันต่อว่าจะเอายังไง”
“หนูไม่อยากรบกวนนายหัวหรอกค่ะ”
“แล้วมีที่อื่นให้ไปอยู่ไหมล่ะ ไปอยู่ที่นั่นก่อน ส่วนเรื่องกลับไปอยู่กรุงเทพค่อยคุยกันอีกทีก็ได้ คืนนี้มันดึกแล้วฉันง่วง”
“หนูว่าพวกมันคงไม่มาแล้วล่ะค่ะ”
“เธอเชื่อใจพวกในมากกว่าเชื่อใจฉันเหรอเพลงขวัญ”
“เปล่าหนูก็แค่เกรงใจ”
“บ้านฉันมีสามห้องนอน เธอไปอยู่ที่นั่นฉันก็ไม่เดือดร้อนอะไร”
“นายหัวไม่กลัวแฟนของนายหัวรู้เหรอคะ”
“นี่ฉันไปมีแฟนตอนไหน”
“ป้านงค์บอกว่าแฟนนายหัวเป็นเจ้าของร้านปุ๋ยในเมือง” เธอบอกเขาตามที่ได้ยินมา
“ชาวบ้านก็พูดกันไปเรื่อยนั่นแหละ จีไม่ใช่แฟนฉันแต่เราสองคนสนิทกันเพราะฉันสั่งของที่ร้านของเธอตลอด เธออย่าเพิ่งถามอะไรให้มากความเลยฉันง่วงแล้ว”
“นายหัวรอหนูเก็บของห้านาทีได้ไหม”
“อือ”
เพลงขวัญรีบกลับเข้าห้องนอนหยิบของใช้จำเป็นลงกระเป๋าเป้ ขณะจะก้าวเท้าออกจากห้องก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตัวเองสวมแค่เสื้อกล้ามแถมยังโนบราและยังมีหน้าไปนั่งคุยกับนายหัวอารัณย์อยู่ตั้งนาน ไม่รู้ว่าเขาจะสังเกตเห็นไหมเพราะไฟที่ห้องรับแขกมันก็สว่างมากเสียด้วยสิ
หญิงสาวรีบเปลี่ยนชุดก่อนจะเดินออกมาหานายหัวอารัณย์ที่ตอนนี้นั่งหาวอยู่กลางห้องรับแขก
“หนูเก็บของเสร็จแล้วค่ะ” เธอบอกเขาแต่ไม่ยอมเงยหน้าเพราะรู้สึกอายที่เมื่อครู่ตนเองแต่งตัวไม่เรียบร้อย
นายหัวอารัณย์มองคนที่ยืนก้มหน้าแล้วแอบยิ้มเพราะเห็นว่าเธอเปลี่ยนจากเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้นมาเป็นเสื้อยืดคอกลมกับกางเกงวอร์มซึ่งมันทำให้เขาหายใจได้สะดวกขึ้นกว่าเมื่อครู่
“ไปรอที่รถได้เลยเดี๋ยวฉันปิดไฟเอง”
“นายหัวรู้เหรอคะว่าสวิตซ์ไฟอยู่ตรงไหน”
“ฉันเป็นคนเปลี่ยนให้ยายเธอเมื่อเดือนก่อนทำไมจะไม่รู้”
“ค่ะ” เพลงขวัญรับคำก่อนจะเดินไปรอที่รถซึ่งนายหัวอารัณย์ก็เดินตามออกมาติดๆ เขาขับรถออกจากบ้านของเธอแต่ไม่ได้ไปทางถนนที่เธอปั่นจักรยานหญิงสาวจึงรับถามเพราะกลัวว่าตนเองจะหนีเสือปะจระเข้
“นายหัวจะไปไหนคะ นี่ไม่ใช่ทางไปบ้านนายหัวนะคะ”
“ทางที่เธอปั่นจักรยานไปน่ะเหรอ”
“ค่ะ”
“นั่นมันทางหลักที่คนทั่วไปใช้ แต่ฉันไม่ชอบเพราะมันไกล ขับรถลัดสวนยางแบบนี้ใกล้กว่ากันเยอะ”
“ทางลัดนี้ยายของหนูรู้ไหมคะ”
“รู้สิ ก็ยายเธอเป็นคนใช้ทางนี้มาตลอด”
“อ๋อ ยายเคยพูดว่าปั่นจักรยานไปทำงานที่บ้านนายหัวใกล้นิดเดียว แต่พอหนูปั่นกลับรู้สึกว่ามันไกล” เพลงขวัญมองสองข้างทางที่ขนาบไปด้วยต้นยางพาราแล้วก็รู้สึกว่ามันน่ากลัว ถ้าให้เลือกเธอขอเลือกปั่นตามถนนเส้นปกติมากกว่า
ใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีรถกระบะสี่ประตูขับเคลื่อนสี่ล้อก็มาหยุดที่หน้าบ้าน เขาพาเธอขึ้นไปบนบ้านและเธอเลือกว่าจะนอนห้องไหน
“หนูนอนห้องไหนก็ได้ค่ะ”
“งั้นเอาห้องใหญ่ก็แล้วกันนะ น่าจะสะดวกหน่อยเพราะมีโต๊ะด้วยเผื่อเธออยากจะอ่านหนังสือหรือนั่งทำงาน”
“ก็ได้ค่ะ” เพลงขวัญอยากจะเถียงว่าเธอคงไม่ต้องใช้เพราะคิดว่าจะไม่อยู่ที่นี่นานแต่เห็นท่าทางง่วงนอนของเขาแล้วก็เลยไม่กล้าเรื่องมาก
“ขอบคุณนะคะนายหัว”
นายหัวหนุ่มพยักหน้าก่อนจะเดินกลับยังห้องนอนของตนเองที่อยู่คนละฝั่งกับห้องที่เพลงขวัญนอน
เพราะแปลกที่และกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้นเพลงขวัญก็เลยหลับๆ ตื่นๆ จนถึงตีหน้าก็ตัดสินใจลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวและออกมาจากห้องก็พอดีกับป้าแววมาทำงานพอดี
“อ้าวหนูเพลง มาทำอะไรแต่เช้าจ๊ะ”
“คือหนู...” เพลงขวัญไม่รู้จะตอบคำถามนี้ยังไง
“ผมให้เพลงขวัญมาอยู่ที่ห้องนอนแขกน่ะป้าแวว ยังไงก็ฝากดูแลด้วยนะ”
“ได้ค่ะนายหัว” ป้าแววรับปากโดยไม่ถามอะไรต่อเพราะรู้ว่านายหัวเป็นคงมีเหตุผลที่พาเพลงขวัญอยู่ที่นี่
“แล้วนายหัวให้เธอมาอยู่ที่นี่ฐานะอะไรคะ บุหลันจะได้ทำตัว” บุหลันถามขึ้น เธอคือหลานสาวของป้าแววที่นายหัวอารัณย์จ้างมาช่วยทำงานบ้าอีกคน
“เพลงขวัญจะมาอยู่ในฐานะลูกหนี้”
“นายหัวให้ลูกหนี้อยู่บ้านเดียวกับนายหัวเลยเหรอคะ บุหลันว่ามันมากเกินไป”
“บุหลัน ทำไมไปว่านายหัวแบบนั้น” ป้าแววรีบดุ
“ก็มันจริงนี่ หรือว่านายหัวจะให้เธอมาเป็นเมียล่ะ”
“ฉันไม่จำเป็นต้องตอบคำถามของเธอนะบุหลัน เธอมีหน้าที่ทำงานให้ฉันไม่ใช่มาถามฉัน” นายหัวอารัณย์มองหน้าบุหลันด้วยแววตาไม่ค่อยพอใจ แต่เขาก็ไม่ได้ต่อว่าอะไรเธอเพิ่มเพราะเห็นแก่ป้าแววที่ทำงานกับตนมานาน
“ที่บุหลันถามก็แค่อยากจะรู้ว่าต้องรับใช้ผู้หญิงคนนี้ด้วยไหม”
“นั่นเป็นสิ่งที่เธอควรทำนะบุหลัน”
“นายหัวคะ” เพลงขวัญอยากจะคุยกับเขาเพราะเรื่องมันชักไปกันใหญ่
“เดี๋ยวค่อยคุยกันเพลงขวัญ ฉันจะไปดูคนงานก่อนแปดโมงเช้าฉันจะกลับมากินข้าว และหวังว่าจะเจอเธอนั่งรอฉันอยู่ที่โต๊ะอาหารนะ”
“ค่ะนายหัว” เพราะไม่อยากสร้างเรื่องปวดหัวให้เขาเธอจึงรับคำอย่างว่าง่าย