เพลงขวัญมาอยู่ที่บ้านของนายหัวครบหนึ่งสัปดาห์แล้ว หญิงสาวช่วยงานป้าแววและบุหลันบ้างเวลาที่นายหัวไม่อยู่ เพราะไม่อยากจะทำตัวเป็นคุณหนูที่มาอยู่บ้านเขาแล้วไม่ช่วยหยิบจับอะไรเลย แต่ถ้านายหัวอยู่บ้านเธอก็จะเข้าห้องและนั่งทำงานของตนเองไปเงียบๆ
และวันนี้ก็ครบกำหนดที่เธอจะต้องทำแกงไตปลาให้กับนายหัวอารัณย์ทานอีกครั้ง หญิงสาวตั้งใจปรุงรสชาติให้ออกมาใกล้เคียงกับวันนั้นให้มากที่สุด
“ป้าแววว่ารสชาติเหมือนเดิมไหมคะ”
“เหมือนจ้ะ”
“พี่ก็ว่าเหมือนนะ”
“โล่งอกไปทีค่ะ” เพลงขวัญถอดหายใจด้วยความโล่งอก
ทั้งสามคนช่วยกันจัดโต๊ะอาหารซึ่งเสร็จทันเวลาที่นายหัวกับเพื่อนมาถึงบ้านพอดี
“น่ากินมากเลยนะบุหลัน” วริศผู้จัดการสวนและพ่วงตำแหน่งหัวหน้าคนงานเอ่ยชมเพราะตอนนี้มีแค่บุหลันยืนรออยู่ที่โต๊ะอาหารเพียงคนเดียว
“ไม่ใช่ฝีมือบุหลันหรอกค่ะ คุณวริศ บนโต๊ะนั่นฝีมือป้าแววกับน้องเพลง”
“แล้วเพลงขวัญไปไหนแล้วล่ะ” นายหัวอารัณย์ถาม เขาอยากจะแนะนำเพลงขวัญให้รู้จักกับผู้จัดการสวนยางเอาไว้เพราะอาจจะได้เจอกันบ้างถ้าเธอยังอยู่ที่นี่
“อยู่ในครัวค่ะ เดี๋ยวบุหลันไปตามให้นะคะ”
บุหลันเข้าไปตามเพลงขวัญส่วนตัวเองก็นั่งรอในครัวเพราะไม่อยากไปรบกวนเวลาทานอาหารของเจ้านาย
“เพลงขวัญนั่งลงสิ”
“นี่ใช่น้องเพลงจริงๆ เหรอ ไม่เห็นหน้ามาหลายปีสวยขึ้นเยอะเลย ทำหน้างงแบบนั้นคงจำไม่ได้ล่ะสิ”
“เพลงไม่แน่ใจเท่าไหร่” หญิงสาวรู้สึกคุ้นหน้าอยู่บ้างแต่ยังนึกชื่อเขาไม่ออก
“พี่วริศไง เราเคยเจอกันแล้วตอนนั้นน้องเพลงยังเป็นเด็กอยู่เลย”
“อ้อ พี่วริศ เพลงจำได้แล้วค่ะ ขอโทษนะคะที่จำไม่ได้ตั้งแต่แรก”
“น้องเพลงโตเป็นสาวแล้วส่วนพี่ก็แก่ลงจะจำไม่ได้ก็ไม่แปลกอะไรเลย”
“เพิ่งรู้ว่าเคยรู้จักกันมาก่อน”
“ครับ ผมกับน้องเพลงเคยรู้จักกันแต่ก็นานมากแล้ว ยังคิดอยู่เลยว่าโตมาหน้าตาจะเป็นยังไง พอโตเป็นสาวแล้วสวยกว่าที่คิดไว้เยอะเลย”
“แต่ฉันว่ายังเด็กอยู่เลยนะ”
“นายหัวก็ชอบว่าหนูเป็นเด็กอยู่เรื่อย อย่าลืมนะคะว่าวันนี้เราพนันอะไรกันไว้”
“นี่พนันอะไรกันเหรอน้องเพลง” ชลทีถามขึ้นบ้างเพราะเห็นว่าสีหน้าของเธอนั้นจริงจังเอามากๆ
“ยังบอกไม่ได้ค่ะคุณชล แต่เพลงมั่นใจว่าครั้งนี้เพลงต้องชนะนะแน่ๆ” เพลงขวัญที่เคยเจอกับชลทีมาแล้วพูดจากับเข้าด้วยท่าทางสนิทสนมและทำให้นายหัวไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ เพราะเวลาคุยกับเขาเพลงขวัญจะห่างเหินมากกว่านี้
“ฉันหิวแล้ว รีบกินเถอะ”
เพลงขวัญใจเต้นแรงเมื่อเห็นชายสามคนตักแกงไตปลามากินกับขนมจีนและผักสดที่เตรียมไว้ เธอกำลังลุ้นสุดตัวว่าทุกคนจะพอใจกับรสชาติที่เธอตั้งใจปรุงอย่างสุดฝีมือหรือไม่
“แกงไตปลาวันนี้อร่อยมาก ฝีมือป้าแววนี้ใช้ได้เลย ไม่เหมือนครั้งก่อน ว่าไหมชล” วริศหันมาถามชลที
“อร่อยกว่าทุกครั้งที่เคยกินเลย” ชลทีเห็นด้วยกับเพื่อน
เพลงขวัญได้แต่มองแล้วยิ้มเพราะสองในสามเสียงก็เท่ากับว่าการเดิมพันครั้งนี้เธอเป็นผู้ชนะ และนายหัวจะต้องเลิกมองว่าเธอเป็นเด็กสักที
“ในเมื่อคุณชลกับพี่วริศบอกว่าอร่อย เพราะฉะนั้นก็ถือว่าเพลงชนะ ต่อไปนายหัวห้ามพูดว่าเพลงเป็นเด็กและเพลงก็จะไม่แทนตัวเองว่าหนูอีกแล้ว คุณชลกับพี่วริศเป็นพยานให้เพลงด้วยนะคะ”
“นี่พนันกันว่าแกงไตปลาจะอร่อยไหมเหรอ ใครเป็นคนเริ่ม” ชลทีหันมามองหน้านายหัวอารัณย์ที่เป็นทั้งเพื่อนและเจ้านายสลับกับเพลงขวัญที่นั่งยิ้มอย่างผู้ชนะ
“นายหัวเริ่มค่ะ”
คำตอบของเพลงขวัญทำให้ผู้จัดการโรงงานและผู้จัดการสวนยางพาราหัวเราะออกมาพร้อมๆ กันเพราะดูแล้วคนที่เริ่มน่าจะนิสัยเด็กไม่ต่างจากเพลงขวัญเท่าไหร่
หลังจากทานกันจนอิ่มทั้งสามหนุ่มก็ย้ายมานั่งดื่มเหล้าอยู่ที่หน้าระเบียงโดยมีบุหลันและเพลงขวัญช่วยกันทำกับแกล้มให้
“เดี๋ยวพี่กับป้าแววกลับก่อนนะเพลง เพลงก็เข้านอนได้เลย ของพวกนั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้เราค่อยเก็บ”
“จะดีเหรอคะ”
“นายหัวกับเพื่อกินเหล้ากันแบบนั้นกว่าจะเลิกก็ตีหนึ่งตีสองนู่นแหละป้าเห็นจนชินแล้ว”
“แล้วเขาจะเมาไหมคะ”
“ป้ายังไม่เคยเห็นนายหัวเมาเลยนะ พวกเขาน่ะคอทองแดงกันทั้งนั้น”
เพลงขวัญพยักหน้ารับทราบจากนั้นเธอก็เดินไปถามนายหัวว่ามีอะไรอยากได้เพิ่มไหมเพราะจะได้เตรียมให้ก่อนจะเข้านอน
“กินเหล้าเป็นไหม” ชลทีถามขึ้นเมื่อเห็นเธอเดินเข้ามาหา
“เป็นค่ะ” เธอตอบด้วยความมั่นใจเพราะตอนเรียนอยู่ก็เคยดื่มเบียร์อยู่บ้าง
“งั้นก็กินด้วยกันสิ” วริศเอ่ยชวนอีกคน
“ไม่ใช่เด็กแล้วนี่ งั้นก็นั่งกินด้วยกันเลยสิ” นายหัวอารัณย์มองเธออย่างท้าทายเพราะอยากจะรู้เหมือนกันว่าคนที่ย้ำมาตลอดว่าตนเองไม่ใช่เด็กเจอเหล้าดีกรีแรงเข้าไปจะเมาคอพับลงไหม
“ได้สิคะ แข่งกันไหมล่ะว่าใครจะเมาก่อน” หญิงสาวท้าทาย
“แข่งกับนายหัวคงยาก พี่ว่าถ้าอยากแข่งจริงแข่งกับชลทีดีไหมล่ะ” วริศรีบเสนอเพราะในบรรดาเขาสามคนนั้นชลทีคออ่อนที่มากที่สุด
“แข่งไหมคะคุณชล” ชลทีพยักหน้ารับคำท้าและคิดว่ายังไงตนเองก็ชนะ แต่ดื่มไปได้ไม่นานชายหนุ่มก็ขอยอมแพ้
“พี่กลับก่อนนะเพลง เอาไว้ครั้งหน้าพี่จะแข่งด้วย”
“ค่ะพี่วริศ”
นายหัวอารัณย์กับเพื่อนช่วยพยุงคนที่เมาคอพับลงไปยังรถของวริศพอกลับขึ้นมาก็ไม่เห็นเพียงขวัญฟุบอยู่บนโต๊ะ
“เพลงขวัญไหวไหม เมาหรือเปล่า”
หญิงสาวไม่ตอบแต่ยกมือขึ้นโบกเป็นสัญลักษณ์ว่าตนเองไม่เมาก่อนละลุกขึ้นแล้วเดินเซเข้าไปในบ้าน
ชายหนุ่มเดินตามไปจนเธอเข้าห้องนอนเขาจึงกลับมาอาบน้ำและเตรียมตัวเข้านอนบ้าง
แต่ยังไม่ทันได้นอนเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเสียก่อนเขาจึงเดินมาเปิดเพราะกลัวว่าเพลงขวัญจะต้องการความช่วยเหลือ
“มีอะไร” เขาถามคนที่ยืนโงนเงนอยู่หน้าห้อง
“เพลงมีเรื่องจะคุยกับนายหัว”
“พรุ่งนี้ค่อยคุยดีไหม เธอเมามากแล้ว”
“ไม่เอา เพลงจะคุยตอนนี้” เสียงตอบของเธอฟังยังไงก็เมาแต่เขาก็ขี้เกียจเถียงกับคนเมา
“เอาล่ะมีอะไรก็ว่ามา” เขาเดินกลับเข้ามาในห้องนอนแล้วนั่งลงเก้าอี้ ส่วนเธอนั้นตรงดิ่งไปนั่งบนเตียง
“เพลงอยากถามว่าทำไมนายหัวถึงชอบพูดว่าไม่ชอบเด็กแล้วเพื่อนนายหัวก็ยังบอกอีกว่านายหัวไม่อยากมีเมียเด็ก”
“ในเป็นรสนิยมส่วนตัวฉันไม่จำเป็นต้องตอบเธอหรอกมั้ง ไม่ชอบเด็กก็คือไม่ชอบเด็ก”
“นายหัวก็พูดแค่ประโยคเดิมๆ ไม่ชอบเด็กๆ”
“ยังไม่เคยมีเมียเด็กสักหน่อยจะรู้ว่าไม่อร่อยได้ไง”
“เธอพูดเหมือนตัวเองอร่อย”
“แกงไตปลาที่เพลงทำอร่อยยังไงเพลงก็อร่อยแบบนั้น”
“ฉันว่าเธอน่าจะเมามากแล้วนะ กลับไปนอนได้แล้ว”
“ไล่กันจัง กลัวอะไรคะ กลัวว่ามีเมียเด็กแล้วจะติดใจเหรอคะ” เพลงขวัญเป็นคนที่ดื่มเหล้าแล้วจะไม่เมาคอพับแต่เธอมักจะทำอะไรไปโดยไม่รู้ตัว
“อย่ายั่วให้ยากเลย ยังไงฉันก็ไม่มีทางเอาเธอทำเมียหรอก”